เวลาช้าลง เมื่อแรงโน้มถ่วงสูงขึ้น เพราะ?

ถ้าความโน้มถ่วงสูง เวลาก็ช้าลง  เหมือนเดินทางด้วยความเร็วแสงจะต้องใช้ความโน้มถ่วงสูง ทำให้เราไม่แก่ หรือไม่ถ้าเป็นไปได้เดินทางเร็วกว่าแสง อาจย้อนอตีตได้กลับไปเด็กกว่าเก่า     แสดงว่าแสงมันจะทำให้มันเร็วเท่าที่มันเป็นเสมอเมื่อเทียบกับผู้ที่มันกระทำ ถ้ามันช้าลงโดยแรงโน้มถ่วง มันจะบังคับให้สสารในอำนาจมันช้าลงด้วย  หรือถ้าแรงโน้มถ่วงน้อยลงมีนก็จะทำตรงกันข้าม  ทำไมถึงเป็นแบบนี้ใครช่วยอธิบายทีครับ?

   ถ้าเราเวลาช้าลง เราจะไม่รู้สึกว่าเรา slow แม้แต่เวลาเราหยุดเราก็จะไม่รู้สึกเพราะ สัมผัสทั้ง5ของเราก็หยุดไปด้วย แต่เราก็รู้สึกปกติของเราเมื่อเวลากลับมาเดินต่อ เราก็เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ซึ่งมันอาจเคยเห็นมาแล้วก็ได้
   ผู้สังเกตุอื่นที่เวลาต่างจากเราจะสังเกตเห็นความแตกต่างนี้    หรือว่าถ้า คนที่อยู่จุดอื่นในจักรวาลเคลื่อนที่ห่างเราไป ก็จะเห็นเวลาเราช้าลงทั้งๆที่เราก็ปกติ เราก็เห็นเค้าเป็นแบบนี้เช่นกัน  คล้ายปรากฎการณ์ดอบเลอร์เลยนะ(ผมคิด)  แล้วแบบนี้ สสารและแสงมันคืออะไรกันแน่ในจักรวาลของเรา?

อิงศาสนานิดหน่อย เคยดูที่พระมรณภาพแล้วฟื้นกลับมาเล่าให้คนอื่นฟัง  ไปแค่ไม่นานพอกลับมา ผ่านไป 3 วัน  แสดงว่า โลกทิพย์(นรก สวรรค์)  ก็อยู่ในจักรวาลของเราเช่นกัน  


ยิ่งอธิบายยิ่งงง  ลองช่วยกันแสดงความคิดเห้นหน่อยนะครับ เป็นความรู้ใหม่ๆ หนุกๆกัน อย่าเครียดมากนะ เดี๋ยวบ้า ฮ่าๆๆๆๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
เมื่อใช้กฎของนิวตันจะเป็นแบบที่ที่เข้าใจกันซึ่วนิวตันถือว่าเวลาเป็นสิ่งสัมบรูณ์เวลาทุกคนจะเท่ากัน  ซึ่งจะต้องอยู่ในกรอบอ้างอิงของผู้สังเกตุ แต่ถ้าสเกลของจักวาลจะต้องใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพมาอธิบาย ซึ่งไอสไตน์จะถือว่าเวลาจะไม่ใช่สิ่งสัมบรูณ์ เวลาของแต่ละคนจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความเร็ว ซึ่งมันมาจากคุณสมบัติของแสง คือ แสงมีความเร็วที่คงที่เสมอ คือ สามร้อยล้าน เมตร ต่อ วินาที จะคงที่เสมอ ไม่ลดและเพิ่ม เช่น เราขับรถด้วยความเร็ว 100 เมตร ต่อ วินาที แล้วเปิดไฟ แสงควรต้องมีความเร็วเป็น สามร้อยล้านหนึ่งร้อย เมตรต่อวินาที แต่จักวาลไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น จาก V= s/t เพื่อรักษา ความเร็วแสงให้เท่าเดิม ดังนั้น จะทำให้ s เพิ่มขึ้น และ t ลดลง เพื่อทำความเร็วแสงให้เท่าเดิม ก็คือ เราจะยืดระยะทาง และ ลดเวลาลง นอกจากนั้นยังเพิ่มมวลอีกด้วย จากทฤษฎี เมื่อแก้ปัญหาด้วยคณิตศาสตร์ จนเป็นสมาการที่โด่งดังคือ E=mc^2 ซึ่งทั้งหมดได้พิสูจน์ว่าจริงจากทั้งเรื่องนาฬิกาอะตอม และระเบิดนิวเคลียร์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่