วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 เป็น วันรื้อทำลาย เหมาะอย่างยิ่งกับการรื้อทำลายอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง แต่ไม่ควรใช้วันนี้จัดงานแต่งงาน รับหมั้น เปิดกิจการห้างร้าน ออกเดินทางไกล ตลอดจนลงนานในสัญญา วันสุดอับโชค เป็นวันที่ทุกอย่างไม่เป็นใจเลย แย่ยิ่งกว่าวันอับโชคเสียอีก พึงเลี่ยงทุกกิจกรรมที่สำคัญ และทุกกิจกรรมทางธุรกิจที่สำคัญ
ดวงเมืองไทย...'แพ้คดีเขาพระวิหารและเสียดินแดน!'
ดวงเมืองไทย...'แพ้คดีเขาพระวิหารและเสียดินแดน!' : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู
"คดีปราสาทพระวิหาร" เป็นความขัดแย้งระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑ จากปัญหาการอ้างสิทธิ์เหนือบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดนไทยด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และชายแดนกัมพูชาด้าน จ.พระวิหาร เกิดจากการที่ทั้งไทยและกัมพูชาถือแผนที่ปักปันเขตแดนตามแนวสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรักคนละฉบับ ทำให้เกิดปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของทั้งสองฝ่ายในบริเวณที่เป็นที่ตั้งของตัวปราสาท โดยทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทยได้ยินยอมให้มีการพิจารณาปัญหาดังกล่าวขึ้นที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๒
ทั้งนี้ ศาลโลกได้ตัดสินคดีนี้โดยให้ตัวปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ ด้วยคะแนนเสียง ๙ ต่อ ๓ ท่ามกลางความไม่พอใจของฝ่ายไทย ซึ่งเห็นว่าศาลโลกตัดสินคดีนี้อย่างไม่ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม การตัดสินคดีครั้งนี้ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องอาณาเขตทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชาในบริเวณดังกล่าวให้หมดไป และยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังต่อมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ กัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลกเพื่อขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ.๒๕๐๕ และในวันเดียวกันประเทศกัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลกเพื่อขอให้ศาลระบุมาตรการคุ้มครองชั่วคราวเพื่อรักษาสิทธิ์ของกัมพูชาอย่างเร่งด่วน โดยในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายนนี้ ศาลโลกจะตัดสินคดีพิพาทเขาพระวิหาร ระหว่างไทย-กัมพูชา อีกครั้ง
สำหรับแนวทางคำตัดสินศาลโลก ๔ แนวทาง คือ ๑.ศาลโลกยกฟ้อง เนื่องจากศาลโลกไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี ๒.ศาลโลกพิพากษาให้ใช้แนวเขตเดิมที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไทยได้ยกพื้นที่ให้กัมพูชาตั้งแต่ปี ๒๕๐๕ ๓.ศาลโลกให้ขยายเขตพื้นที่รอบตัว “ปราสาทพระวิหาร” ให้แก่กัมพูชา และ ๔.ศาลโลกให้ใช้เส้นเขตแดนตามแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนตารางกิโลเมตร ที่ประเทศฝรั่งเศสได้กำหนดขึ้นเอง
ระหว่างที่รอการตัดสินของศาลโลกอย่างระทึก มีการประเมินความเป็นไปได้ของคำตัดสินของศาลโลก โดยนักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง ๔ แนวทาง ในกรณีที่ โดยเฉพาะกรณีที่ "ศาลโลกตัดสินให้ไทยแพ้คดี โดยให้ขยายเขตพื้นที่รอบตัว “ปราสาทพระวิหาร” ให้แก่กัมพูชา โดยนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี กล่าวว่า หากศาลตัดสินให้ไทยแพ้คดี อยากเสนอแนะให้รัฐบาลอย่าใช้มติของคณะรัฐมนตรี หรือมติของรัฐสภา ตามมาตรา ๑๙๐๐ ในการยกพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร ให้กัมพูชา ตามคำพิพากษา แต่ควรใช้มติของรัฐสภา
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๕ ทำประชามติถามความคิดเห็นของประชาชนว่า สมควรยกพื้นที่ดังกล่าวให้กัมพูชาหรือไม่ สาเหตุที่ต้องทำประชามติ เนื่องจากมาตรา ๓ ได้ระบุไว้ว่า "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งเรื่องเสียดินแดนนี้เป็นเรื่องใหญ่ การกระทำใดๆ จะต้องให้ประชาชนร่วมพิจารณาด้วย"
นอกจากนี้แล้วยังมีการประเมินความเป็นไปได้ของคำตัดสินของศาลโลกหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย คือ "คำทำนายดวงเมืองขอโหรหลากหลายสำนัก" ที่อออกมาระบุว่า "ดวงเมืองของประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๖ คล้ายกับดวงเมืองของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๕ ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ศาลโลกได้ตัดสินคดีนี้โดยให้ตัวปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕"
พระสุทธิธรรม สุทธิญาโณ หรือพระอาจารย์ต้อม ศิษย์พระมหาประดิษฐ์ ถิระธัมโม อดีตโหราจารย์ใหญ่ประจำวัดสุทัศน์ฯ กทม.ให้ข้อมูลว่า ดวงเมือง เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ ในปีนี้มีพระเสาร์อยู่ในราศีมังกร ทำมุมร้ายกับภพพันธุของดวงเมือง มีพระอังคาร พระจันทร์ พระศุกร์ พระราหู พระววุณ (เนปจูน) ร่วมกระแสสัมพันธ์กับพระเสาร์ ทางด้านโหราศาสตร์ทำนายว่า "จะต้องเสียและพลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก" ทั้งนี้ หากวิเคราะห์ดวงดาวแต่ละดวงเหตุการณ์ในครั้งนั้นถือว่าไม่ธรรมดา ทุกอย่างมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างแนบเนียน
ดวงเมืองในวันที่๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลานักษัตริย์ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ลักษณะของตำแหน่งดวงดาวคล้ายกับเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ แต่ร้ายยิ่งกว่าคือ พระเสาร์อยู่ในราศีตุล ทำมุม ๑๘๐ องศากับดวงอาทิตย์ พร้อมกันนั้นยังมีพระอาทิตย์ พระพุธ พระราหู และพระเกตุ สถิตอยู่ในราศีตุลร่วมกับพระเสาร์ ทางด้านโหราศาสตร์ทำนายว่า "ประเทศไทยแพ้คดีความ" ทั้งนี้ หากพิจารณาลงในรายละเอียด พระเสาร์ พระราหู พระพุธ สถิตร่วมราศีเดียวกัน ทำนายว่า "นอกจากรู้ล่วงหน้าว่าแพ้แล้ว ยังมีการแอบทำข้อตกลงบางอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว"
ในขณะที่ "โหรลักษณ์ เรขานิเทศ" เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ เจ้าของฉายา "โหรฟันธง" บอกว่า มีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่าเป็นดวงของอยุธยา สุโขทัย รวมทั้งลพบุรี เป็นดวงเมืองของประเทศไทย แต่ต้องใช้ดวงเมืองรัตนโกสินทร์ ดวงเมืองตั้งแต่ ร.๑ ตั้งศาลหลักเมือง ๒๑ เมษายน ๒๓๒๕ เป็นดวงเมืองวันกำเนิดกรุงรัตนโกสินทร์ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ หลายคนคิดว่าต้องใช้ดวงนี้ แต่ความจริงต้องใช้ดวงเมืองการตั้งดวงเมืองรัตนโกสินทร์เป็นหลัก
ดวงเมืองของประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๖ คล้ายกับเมื่อเราเสียดินในการตัดสินของศาลโลกเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๕ ขณะนี้ดาวเสาร์ราหูเล็งชะตาเมือง ดวงเมืองลักษณะเช่นนี้ถ้าเป็นในอดีตก็ถูกตกเป็นเมืองขึ้น รวมทั้งถูกยึดเมืองบริวาร ในปัจจุบันถ้ามีเหตุอันใดที่จะเกิดขึ้นไม่เป็นที่พึงพอใจของประชาชน ก็ให้นึกถึงการตัดสินพระทัยของ ร.๕ ครั้งนั้นเราเสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง พื้นดินส่วนใหญ่ของประเทศไทยอยู่ วันนี้เวลานี้ชะตาเมืองอยู่ในคราวเคราะห์หามยามร้าย
ในระยะเวลา ๒ เดือนที่ผ่านมาเราสูญเสียสมเด็จพระราชาคณะถึง ๒ รูป โดยเฉพาะสมเด็จพระสังฆราช สิ้นพระชนม์ และการมรณภาพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ รวมทั้งยังมีภัยจากอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคนไทยเองก็มีความแตกแยกกัน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่บรรดาโหรจะต้องเตือนภัย คือ การปลุกกระแสคลั่งชาติ ไม่รับยอมรับผลการตัดสินของศาลโลก แล้วจะนำมาซึ่งสงครามระหว่างประเทศ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัว และจะต้องเตือนสติคนไทย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกระแสกรรม ไม่มีใครแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
"ตามดวงเมืองความวุ่นวายของบ้านเมืองจะอยู่ไปจนถึงสิ้นปี มีเกณฑ์จะเสียเลือดเสียเนื้อในกลุ่มย่อม ที่เกิดจากม็อบปะทะกับตำรวจ ขณะเดียวกันความรุนแรงใน ๓ จังหวัดชายจะรุนแรงมากกว่าที่เป็นอยู่ จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงประมาณกลาง พ.ศ.๒๕๕๗ ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ๒๕๕๗ จะมีจุดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ หากไม่ชิงยุบสภาเสียก่อน นอกจากนี้ภัยใหญ่ทั้งจากธรรมชาติและจากอุบัติเหตุก็ยังไม่หมด โดยภัยจากการเดินทางอากาศ เป็นสิ่งที่ต้องระวังเช่นกัน คำพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ในบริบทนี้ไม่ใช่เป็นการสาปแช่งประเทศ แต่เป็นการพยากรณ์เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมใจรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น" โหรฟันธงกล่าวทิ้งท้าย
คำพยากรณ์ โดยมากคนคิดการใหญ่อะไรสุดต้องกลับมาดูฤกษ์ ยาม วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ทำนายไว้ว่า...
ดวงเมืองไทย...'แพ้คดีเขาพระวิหารและเสียดินแดน!'
ดวงเมืองไทย...'แพ้คดีเขาพระวิหารและเสียดินแดน!' : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู
"คดีปราสาทพระวิหาร" เป็นความขัดแย้งระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑ จากปัญหาการอ้างสิทธิ์เหนือบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดนไทยด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และชายแดนกัมพูชาด้าน จ.พระวิหาร เกิดจากการที่ทั้งไทยและกัมพูชาถือแผนที่ปักปันเขตแดนตามแนวสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรักคนละฉบับ ทำให้เกิดปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของทั้งสองฝ่ายในบริเวณที่เป็นที่ตั้งของตัวปราสาท โดยทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทยได้ยินยอมให้มีการพิจารณาปัญหาดังกล่าวขึ้นที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๒
ทั้งนี้ ศาลโลกได้ตัดสินคดีนี้โดยให้ตัวปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ ด้วยคะแนนเสียง ๙ ต่อ ๓ ท่ามกลางความไม่พอใจของฝ่ายไทย ซึ่งเห็นว่าศาลโลกตัดสินคดีนี้อย่างไม่ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม การตัดสินคดีครั้งนี้ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องอาณาเขตทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชาในบริเวณดังกล่าวให้หมดไป และยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังต่อมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ กัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลกเพื่อขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ.๒๕๐๕ และในวันเดียวกันประเทศกัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลกเพื่อขอให้ศาลระบุมาตรการคุ้มครองชั่วคราวเพื่อรักษาสิทธิ์ของกัมพูชาอย่างเร่งด่วน โดยในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายนนี้ ศาลโลกจะตัดสินคดีพิพาทเขาพระวิหาร ระหว่างไทย-กัมพูชา อีกครั้ง
สำหรับแนวทางคำตัดสินศาลโลก ๔ แนวทาง คือ ๑.ศาลโลกยกฟ้อง เนื่องจากศาลโลกไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี ๒.ศาลโลกพิพากษาให้ใช้แนวเขตเดิมที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไทยได้ยกพื้นที่ให้กัมพูชาตั้งแต่ปี ๒๕๐๕ ๓.ศาลโลกให้ขยายเขตพื้นที่รอบตัว “ปราสาทพระวิหาร” ให้แก่กัมพูชา และ ๔.ศาลโลกให้ใช้เส้นเขตแดนตามแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนตารางกิโลเมตร ที่ประเทศฝรั่งเศสได้กำหนดขึ้นเอง
ระหว่างที่รอการตัดสินของศาลโลกอย่างระทึก มีการประเมินความเป็นไปได้ของคำตัดสินของศาลโลก โดยนักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง ๔ แนวทาง ในกรณีที่ โดยเฉพาะกรณีที่ "ศาลโลกตัดสินให้ไทยแพ้คดี โดยให้ขยายเขตพื้นที่รอบตัว “ปราสาทพระวิหาร” ให้แก่กัมพูชา โดยนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี กล่าวว่า หากศาลตัดสินให้ไทยแพ้คดี อยากเสนอแนะให้รัฐบาลอย่าใช้มติของคณะรัฐมนตรี หรือมติของรัฐสภา ตามมาตรา ๑๙๐๐ ในการยกพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร ให้กัมพูชา ตามคำพิพากษา แต่ควรใช้มติของรัฐสภา
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๕ ทำประชามติถามความคิดเห็นของประชาชนว่า สมควรยกพื้นที่ดังกล่าวให้กัมพูชาหรือไม่ สาเหตุที่ต้องทำประชามติ เนื่องจากมาตรา ๓ ได้ระบุไว้ว่า "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งเรื่องเสียดินแดนนี้เป็นเรื่องใหญ่ การกระทำใดๆ จะต้องให้ประชาชนร่วมพิจารณาด้วย"
นอกจากนี้แล้วยังมีการประเมินความเป็นไปได้ของคำตัดสินของศาลโลกหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย คือ "คำทำนายดวงเมืองขอโหรหลากหลายสำนัก" ที่อออกมาระบุว่า "ดวงเมืองของประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๖ คล้ายกับดวงเมืองของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๕ ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ศาลโลกได้ตัดสินคดีนี้โดยให้ตัวปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕"
พระสุทธิธรรม สุทธิญาโณ หรือพระอาจารย์ต้อม ศิษย์พระมหาประดิษฐ์ ถิระธัมโม อดีตโหราจารย์ใหญ่ประจำวัดสุทัศน์ฯ กทม.ให้ข้อมูลว่า ดวงเมือง เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ ในปีนี้มีพระเสาร์อยู่ในราศีมังกร ทำมุมร้ายกับภพพันธุของดวงเมือง มีพระอังคาร พระจันทร์ พระศุกร์ พระราหู พระววุณ (เนปจูน) ร่วมกระแสสัมพันธ์กับพระเสาร์ ทางด้านโหราศาสตร์ทำนายว่า "จะต้องเสียและพลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก" ทั้งนี้ หากวิเคราะห์ดวงดาวแต่ละดวงเหตุการณ์ในครั้งนั้นถือว่าไม่ธรรมดา ทุกอย่างมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างแนบเนียน
ดวงเมืองในวันที่๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลานักษัตริย์ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ลักษณะของตำแหน่งดวงดาวคล้ายกับเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ แต่ร้ายยิ่งกว่าคือ พระเสาร์อยู่ในราศีตุล ทำมุม ๑๘๐ องศากับดวงอาทิตย์ พร้อมกันนั้นยังมีพระอาทิตย์ พระพุธ พระราหู และพระเกตุ สถิตอยู่ในราศีตุลร่วมกับพระเสาร์ ทางด้านโหราศาสตร์ทำนายว่า "ประเทศไทยแพ้คดีความ" ทั้งนี้ หากพิจารณาลงในรายละเอียด พระเสาร์ พระราหู พระพุธ สถิตร่วมราศีเดียวกัน ทำนายว่า "นอกจากรู้ล่วงหน้าว่าแพ้แล้ว ยังมีการแอบทำข้อตกลงบางอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว"
ในขณะที่ "โหรลักษณ์ เรขานิเทศ" เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ เจ้าของฉายา "โหรฟันธง" บอกว่า มีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่าเป็นดวงของอยุธยา สุโขทัย รวมทั้งลพบุรี เป็นดวงเมืองของประเทศไทย แต่ต้องใช้ดวงเมืองรัตนโกสินทร์ ดวงเมืองตั้งแต่ ร.๑ ตั้งศาลหลักเมือง ๒๑ เมษายน ๒๓๒๕ เป็นดวงเมืองวันกำเนิดกรุงรัตนโกสินทร์ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ หลายคนคิดว่าต้องใช้ดวงนี้ แต่ความจริงต้องใช้ดวงเมืองการตั้งดวงเมืองรัตนโกสินทร์เป็นหลัก
ดวงเมืองของประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๖ คล้ายกับเมื่อเราเสียดินในการตัดสินของศาลโลกเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๕ ขณะนี้ดาวเสาร์ราหูเล็งชะตาเมือง ดวงเมืองลักษณะเช่นนี้ถ้าเป็นในอดีตก็ถูกตกเป็นเมืองขึ้น รวมทั้งถูกยึดเมืองบริวาร ในปัจจุบันถ้ามีเหตุอันใดที่จะเกิดขึ้นไม่เป็นที่พึงพอใจของประชาชน ก็ให้นึกถึงการตัดสินพระทัยของ ร.๕ ครั้งนั้นเราเสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง พื้นดินส่วนใหญ่ของประเทศไทยอยู่ วันนี้เวลานี้ชะตาเมืองอยู่ในคราวเคราะห์หามยามร้าย
ในระยะเวลา ๒ เดือนที่ผ่านมาเราสูญเสียสมเด็จพระราชาคณะถึง ๒ รูป โดยเฉพาะสมเด็จพระสังฆราช สิ้นพระชนม์ และการมรณภาพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ รวมทั้งยังมีภัยจากอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคนไทยเองก็มีความแตกแยกกัน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่บรรดาโหรจะต้องเตือนภัย คือ การปลุกกระแสคลั่งชาติ ไม่รับยอมรับผลการตัดสินของศาลโลก แล้วจะนำมาซึ่งสงครามระหว่างประเทศ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัว และจะต้องเตือนสติคนไทย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกระแสกรรม ไม่มีใครแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
"ตามดวงเมืองความวุ่นวายของบ้านเมืองจะอยู่ไปจนถึงสิ้นปี มีเกณฑ์จะเสียเลือดเสียเนื้อในกลุ่มย่อม ที่เกิดจากม็อบปะทะกับตำรวจ ขณะเดียวกันความรุนแรงใน ๓ จังหวัดชายจะรุนแรงมากกว่าที่เป็นอยู่ จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงประมาณกลาง พ.ศ.๒๕๕๗ ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ๒๕๕๗ จะมีจุดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ หากไม่ชิงยุบสภาเสียก่อน นอกจากนี้ภัยใหญ่ทั้งจากธรรมชาติและจากอุบัติเหตุก็ยังไม่หมด โดยภัยจากการเดินทางอากาศ เป็นสิ่งที่ต้องระวังเช่นกัน คำพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ในบริบทนี้ไม่ใช่เป็นการสาปแช่งประเทศ แต่เป็นการพยากรณ์เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมใจรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น" โหรฟันธงกล่าวทิ้งท้าย