ผมได้ไปเทสกล้องตัวนี้กับทางซัมซุง (ประเทศไทย) มาได้สักสองเดือนแล้ว แต่พอตอนเขียนรีวิวจริงๆ ไม่รู้จะจะเขียนยังไง มันเป็นกล้องที่ดีในประเภทของมันเองก็จริงอยู่ แต่ว่าข้อเด่นต่างๆ ยังไม่ค่อยดึงดูดให้ซื้อสักเท่าไหร่หากไปเปรียบเทียบกับเจ้าตลาดทั้ง 3-4 ยี่ห้อ เลยยืดเยื้อมาจนกระทั่งน้าที่ไปด้วยกันเค้าใช้ เค้ารีวิวกันต่อไปถึงไหนต่อไหนแล้ว (
http://ppantip.com/topic/31180739 ) ก็เลยตัดสินใจว่าเขียนซะทีเถอะ ก่อนจะไม่ได้เขียน
ซัมซุง NX อาการค่อยกระเตื้องขึ้นนิดหน่อยในตลาด mirrorless ที่กำลังดุเดือดแม้จะเป็นรองอยู่มาก แต่ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีย่อมไม่มีทางที่จะยอมแพ้ใครง่ายๆ อยู่แล้ว ซัมซุงตลาดยังคงออกกล้องใหม่ปีละสองสามรุ่นอย่างสม่ำเสมอ กับเลนส์อีกเป็นโหล ในเมื่อทิศทางของตลาดมุ่งไปสู่ social network และการเชื่อมต่อแบบไร้สาย เจ้าเทคโนโลยีย่อมไม่พลาดที่จะจับมาใส่ในกล้อง NX อย่างแน่นอน
ในคราวนี้ Samsung NX2000 มาพร้อมกับคำว่า Smart Camera พ่วงมากับชื่อด้วย แสดงถึงความสามารถใหม่ที่ใส่เข้ามา
ความสามารถ-SMART
ดูจากหน้าตาของระบบปฏิบัติการแล้ว ก็พอจะเดาได้ว่ามันเป็น Android OS ที่ถูกปรับแต่งมาเพื่องานถ่ายภาพโดยเฉพาะนั่นเอง ความสามารถเรื่อง networking หรือ connection เป็นเรื่องสบายๆ อยู่แล้ว
Wi-Fi/NFC
ถ้าใช้ NX2000 คู่กับโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ของซัมซุง จะเป็นประสบการณ์ชนิดราบรื่นไร้รอยต่อเลยทีเดียว แค่เอาโทรศัพท์มาแตะกับกล้องเพื่อเชื่อมต่อก็ทำได้แล้ว ง่ายดายที่สุด ซอทฟ์แวร์ก็ทำออกมาได้ดูดี ใช้งานง่าย
ถ่ายโอนภาพเข้าโทรศัพท์อัตโนมัติ แต่งภาพ อัพโหลดภาพจากโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย
เวลาถ่ายภาพไป ภาพจากกล้องก็ไหลเข้าโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ แต่ผมทดสอบได้ไม่กี่นาที ไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นนี้เป็นจริงเป็นจังเท่าไหร่ บอกไม่ได้ว่าถ้าใช้ถ่ายรูปกันเป็นจริงเป็นจังมันจะดีแค่ไหน เพราะโทรศัพท์ผมมันกินแบตโหด ถ้าเปิดใช้ฟังก์ชั่นนี้ตลอดเวลาไม่น่ารอดครึ่งวัน
กับ Application ที่มีมาให้ในกล้อง
เผื่อว่าจะใช้ app โซเชียลมีเดียในกล้อง แล้วใช้โทรศัพท์เป็นแค่ตัวกลางส่งผ่านเข้าโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยมในอินเตอร์เน็ตก็ได้ สะดวกง่ายดายเหมือนกัน ผมลองโพสรูปขึ้นเฟสบุ๊คก็สะดวกดี
แต่กับไอโฟนเห็นมีเพื่อนๆ บางคนเชื่อมต่อได้ไม่ค่อยราบลื่น connection lost เป็นระยะๆ
ตัวกล้อง/ฮาร์ดแวร์
ช่วยไม่ได้ที่จับปุ๊บจะนึกถึง Sony NEX ในทันที NX รุ่นก่อนๆ มันก็มีสไตล์เฉพาะตัวดี แต่ NX2000 กับซัมซุงชุดหลังๆ นี่ ออกแบบมาในทรง NEX เลย ซึ่งมันก็จับถนัดดี สมดุลย์ดีนะ จับถือได้มั่นใจปุ่มแป้นต่างๆ ก็อยู่ในตำแหน่งใช้งานพอดี แต่ว่ากล้องมันก็ไม่ค่อยมีปุ่มอะไรให้กดสักเท่าไหร่ นอกจากคานเลื่อนเปิดปิดที่วางไว้กับปุ่มชัตเตอร์ ก็มีปุ่มถ่ายวิดีโอ กับ Home และ Play เท่านั้น โดยส่วนใหญ่ที่ได้เล่นวันนั้น ผมไม่ค่อยใช้ Home เท่าไหร่ เพราะว่าหมุน dial เฉยๆ มันก็เลื่อนหาโหมดถ่ายภาพให้อยู่แล้ว เว้นแต่จะเข้าเมนูไปลึกๆ ถึงจะกด Home กลับไปที่ตำแหน่งเลือกโหมด
ส่วนปุ่ม เมนู เซ็ตติ้ง และการเลือกค่าอื่นๆ อพยพเข้าไปอยู่ในเมนูจอสัมผัสกันหมด และจอมันใหญ่โตมโหฬารมาก (ในมาตรฐานของกล้องถ่ายรูป) 3.7 นิ้วแทบจะยึดพื้นที่หลังกล้องไปหมดเลย ถ้าคนที่ใช้แอนดรอยด์จนชำนาญอยู่แล้ว จะใช้ได้อย่างสะดวก แต่ถ้าไม่ค่อยคุ้นเคย แค่นั่งกดนั่งเล่นไม่นานก็พอจะใช้ได้อย่างสบาย ออกแบบมาได้ดีไม่มีอะไรผิดสามัญสำนึก
เสียแต่จอมันแพ้แสง ออกกลางแดดแล้วมองหน้าจอไม่เห็นเลย อันนี้ตัดคะแนนอย่างหนัก กล้องเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องถ่ายภาพกลางแจ้ง ถ้ามันทำไม่ได้ ผมจัดเป็นข้อเสียที่ร้ายแรงจนอภัยให้ไม่ได้
การเข้าโหมดต่างๆ และการเลือกโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติก็ทำได้ดี ไม่มีอะไรต้องกังวล ทำได้อย่างที่คาดหมาย แต่ว่าน่าจะปรับเพิ่มสีสันความจี๊ดจ๊าดกันหน่อยครับ เพราะถ้า factory setting เลย ภาพจะออกมากลางๆ ครับ ไม่มีการโปรเซสโหดๆ ออกมาจากกล้อง ค่อนข้างผิดความคาดหมายของผมนิดนึง เพราะผมคิดไว้ว่ามันน่าจะทำให้เจ็บจี๊ดออกมาเลย แต่มันกับส่งภาพกลางๆ พร้อมจะเอาไปแต่งภาพต่อมาให้ คุณภาพเหนือกว่าที่ผมคาดไว้นิดหน่อย การให้น้ำหนัก แสง สี ไวท์บาล้านซ์ดีเลยทีเดียว ใน scene ที่คอนทราสท์จัดๆ ก็ยังทำใช้ได้ แต่น้อยส์เยอะกว่ากล้องยุคเดียวกันสักนิด การลดน้อยส์โหดไปหน่อย
jpg จากกล้องเอาไปเล่นอะไรได้สบายมากครับ ส่วน RAW ก็สามารถใช้ Lightroom จัดการได้ครบถ้วนสบายมาก และมันยังมี panorama จากในกล้องมาให้เลยด้วย
ส่วนสิ่งที่ให้เลือกตั้งค่า เลือกเล่น มันไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ยิ่งผมเคยใช้กล้องที่ปรับแต่งโน่นนี่นั่นได้มากมายอย่างสะดวกง่ายดาย พอมาเล่น NX2000 แล้วรู้สึกว่าไม่ควรจะไปยุ่งอะไรให้มันมากมายนัก ควรจะใช้ออโต้ตามที่กล้องแนะนำมาจะดีกว่า แล้วชีวิตการถ่ายภาพจะมีความสุข เพราะอย่างไรก็ตาม กล้องรุ่นนี้ก็ออกมาเพื่อคนทั่วไปที่ไม่ได้ถ่ายรูปกันโหดๆ อยู่แล้ว แต่เน้นไปที่การใช้งานของคนทั่วๆ ไปที่ต้องการแชร์รูปเข้าโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ทันที และต้องการภาพที่ดีกว่ากล้องคอมแพ็กต์
นั่นทำให้ปุ่มที่มีศักดิ์ศรีสูงสุดของกล้องนี้เป็น direct link สำหรับใช้งานระบบไร้สายของกล้อง ที่ได้ที่อยู่บนตัวกล้องด้านบน และถ้าได้ใช้แล้ว ผมว่ามันก็สมควรจะได้รับพื้นที่พิเศษจริงๆ เพราะมันทำให้เรื่องไร้สายกลายเป็นเรื่องง่ายอย่างที่กล้องอื่นจะต้องอิจฉา
เลนส์
เลนส์ที่มีมากับกล้องคือ 20-50 f/3.5-5.7 พร้อมปุ่ม i-Function สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของกล้องซัมซุงคือปุ่ม i-Fn บนเลนส์นี่แหละ พอกดแล้วก็จะทำให้วงแหวนหน้าของเลนส์สามารถปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ ได้ กดปุ่มนี้ไปเรื่อยๆ ฟังก์ชั่นก็จะวนไปเรื่อยๆ ตามแต่ว่าในโหมดนั้นจะอนุญาตให้ปรับเปลี่ยนค่าอะไรได้บ้าง พอถึงฟังก์ชั่นที่ต้องการใช้ก็หมุนวงแหวนหน้าเลนส์เพื่อปรับค่าได้ ทำให้การปรับค่าต่างๆ สะดวกขึ้นมากทีเดียวถึงจะไม่มีปุ่มแป้นมากมายบนตัวกล้อง แต่ i-Fn ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ถ้าคนที่ปรับอะไรเยอะๆ อาจจะรำคาญขัดไม้ขัดมือหน่อย เพราะมันเป็นเมนูแบบวนไปเรื่อยๆ กว่าจะเจอฟังก์ชั่นที่ต้องการ เข้าถึงได้ไม่ค่อยรวดเร็ว แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป มันสะดวกสบายเหลือเฟือ
ความไวในการโฟกัสก็ไม่เร็วสุดยอด แต่ก็ไม่ช้าจนต้องให้หงุดหงิด อยู่ในระดับที่กล้องราคานี้ควรจะทำได้ แต่ปัญหาคือมันเลือกกรอบโฟกัสไม่ค่อยเก่ง บางทีก็ไปโฟกัสผิดตำแหน่งบ้างในฉากบางฉาก
คุณภาพเลนส์ถึงจะไม่คมกริบจนตกตะลึง แต่ก็อยู่ในระดับไม่ต้องให้เป็นกังวลในเวลาใช้งานจริง ถ่ายได้ภาพดีๆ ออกมาสบายๆ ในมือของผู้ใช้งานทั่วไป
ราคากล้องประมาณหมื่นกลางๆ ถึงสองหมื่นหย่อนๆ แต่จุดที่น่าดึงดูดใจคือซัมซุงให้ Adobe Photoshop Lightroom 4 มาให้ด้วย แทนที่จะเป็น RAW Converter ตัวเดิมของซัมซุง ซอฟท์แวร์ทรงพลังแบบนี้ ถ้าอยู่ในมือคนที่ใช้มันเป็นก็เท่ากับติดปีกเติมเขี้ยวให้แมวเหมียวตัวนี้ให้ไปประลองกำลังกับกล้องอื่นในตลาดได้อย่างสูสี
สำหรับนักถ่ายภาพอาจจะมีกล้องอื่นที่น่าสนใจกว่าในงบประมาณนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่นักถ่ายภาพ และมองหากล้องราคาหมื่นถึงสองหมื่น NX2000 มีข้อดีในเรื่องการเชื่อมต่อที่ราบรื่นไร้รอยต่อตั้งแต่กดชัตเตอร์ไปจนถึงส่งภาพขึ้น cloud โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับโทรศัพท์ซัมซุง และตัวกล้องเองก็ไม่ได้มีข้อตำหนิอะไรสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักถ่ายภาพจะอึดอัด หากมองหากล้องที่จะมาใช้แทนกล้องคอมแพ็กต์สักตัวในงบหมื่นแก่ๆ
อัลบั้มภาพ Samsung NX2000
http://goo.gl/iU5JnN 
[SR] Samsung Smart Camera NX2000 --Review 2 ชั่วโมง ดอง 2 เดือน--
ซัมซุง NX อาการค่อยกระเตื้องขึ้นนิดหน่อยในตลาด mirrorless ที่กำลังดุเดือดแม้จะเป็นรองอยู่มาก แต่ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีย่อมไม่มีทางที่จะยอมแพ้ใครง่ายๆ อยู่แล้ว ซัมซุงตลาดยังคงออกกล้องใหม่ปีละสองสามรุ่นอย่างสม่ำเสมอ กับเลนส์อีกเป็นโหล ในเมื่อทิศทางของตลาดมุ่งไปสู่ social network และการเชื่อมต่อแบบไร้สาย เจ้าเทคโนโลยีย่อมไม่พลาดที่จะจับมาใส่ในกล้อง NX อย่างแน่นอน
ในคราวนี้ Samsung NX2000 มาพร้อมกับคำว่า Smart Camera พ่วงมากับชื่อด้วย แสดงถึงความสามารถใหม่ที่ใส่เข้ามา
ความสามารถ-SMART
ดูจากหน้าตาของระบบปฏิบัติการแล้ว ก็พอจะเดาได้ว่ามันเป็น Android OS ที่ถูกปรับแต่งมาเพื่องานถ่ายภาพโดยเฉพาะนั่นเอง ความสามารถเรื่อง networking หรือ connection เป็นเรื่องสบายๆ อยู่แล้ว
Wi-Fi/NFC
ถ้าใช้ NX2000 คู่กับโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ของซัมซุง จะเป็นประสบการณ์ชนิดราบรื่นไร้รอยต่อเลยทีเดียว แค่เอาโทรศัพท์มาแตะกับกล้องเพื่อเชื่อมต่อก็ทำได้แล้ว ง่ายดายที่สุด ซอทฟ์แวร์ก็ทำออกมาได้ดูดี ใช้งานง่าย
ถ่ายโอนภาพเข้าโทรศัพท์อัตโนมัติ แต่งภาพ อัพโหลดภาพจากโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย
เวลาถ่ายภาพไป ภาพจากกล้องก็ไหลเข้าโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ แต่ผมทดสอบได้ไม่กี่นาที ไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นนี้เป็นจริงเป็นจังเท่าไหร่ บอกไม่ได้ว่าถ้าใช้ถ่ายรูปกันเป็นจริงเป็นจังมันจะดีแค่ไหน เพราะโทรศัพท์ผมมันกินแบตโหด ถ้าเปิดใช้ฟังก์ชั่นนี้ตลอดเวลาไม่น่ารอดครึ่งวัน
กับ Application ที่มีมาให้ในกล้อง
เผื่อว่าจะใช้ app โซเชียลมีเดียในกล้อง แล้วใช้โทรศัพท์เป็นแค่ตัวกลางส่งผ่านเข้าโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยมในอินเตอร์เน็ตก็ได้ สะดวกง่ายดายเหมือนกัน ผมลองโพสรูปขึ้นเฟสบุ๊คก็สะดวกดี
แต่กับไอโฟนเห็นมีเพื่อนๆ บางคนเชื่อมต่อได้ไม่ค่อยราบลื่น connection lost เป็นระยะๆ
ตัวกล้อง/ฮาร์ดแวร์
ช่วยไม่ได้ที่จับปุ๊บจะนึกถึง Sony NEX ในทันที NX รุ่นก่อนๆ มันก็มีสไตล์เฉพาะตัวดี แต่ NX2000 กับซัมซุงชุดหลังๆ นี่ ออกแบบมาในทรง NEX เลย ซึ่งมันก็จับถนัดดี สมดุลย์ดีนะ จับถือได้มั่นใจปุ่มแป้นต่างๆ ก็อยู่ในตำแหน่งใช้งานพอดี แต่ว่ากล้องมันก็ไม่ค่อยมีปุ่มอะไรให้กดสักเท่าไหร่ นอกจากคานเลื่อนเปิดปิดที่วางไว้กับปุ่มชัตเตอร์ ก็มีปุ่มถ่ายวิดีโอ กับ Home และ Play เท่านั้น โดยส่วนใหญ่ที่ได้เล่นวันนั้น ผมไม่ค่อยใช้ Home เท่าไหร่ เพราะว่าหมุน dial เฉยๆ มันก็เลื่อนหาโหมดถ่ายภาพให้อยู่แล้ว เว้นแต่จะเข้าเมนูไปลึกๆ ถึงจะกด Home กลับไปที่ตำแหน่งเลือกโหมด
ส่วนปุ่ม เมนู เซ็ตติ้ง และการเลือกค่าอื่นๆ อพยพเข้าไปอยู่ในเมนูจอสัมผัสกันหมด และจอมันใหญ่โตมโหฬารมาก (ในมาตรฐานของกล้องถ่ายรูป) 3.7 นิ้วแทบจะยึดพื้นที่หลังกล้องไปหมดเลย ถ้าคนที่ใช้แอนดรอยด์จนชำนาญอยู่แล้ว จะใช้ได้อย่างสะดวก แต่ถ้าไม่ค่อยคุ้นเคย แค่นั่งกดนั่งเล่นไม่นานก็พอจะใช้ได้อย่างสบาย ออกแบบมาได้ดีไม่มีอะไรผิดสามัญสำนึก
เสียแต่จอมันแพ้แสง ออกกลางแดดแล้วมองหน้าจอไม่เห็นเลย อันนี้ตัดคะแนนอย่างหนัก กล้องเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องถ่ายภาพกลางแจ้ง ถ้ามันทำไม่ได้ ผมจัดเป็นข้อเสียที่ร้ายแรงจนอภัยให้ไม่ได้
การเข้าโหมดต่างๆ และการเลือกโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติก็ทำได้ดี ไม่มีอะไรต้องกังวล ทำได้อย่างที่คาดหมาย แต่ว่าน่าจะปรับเพิ่มสีสันความจี๊ดจ๊าดกันหน่อยครับ เพราะถ้า factory setting เลย ภาพจะออกมากลางๆ ครับ ไม่มีการโปรเซสโหดๆ ออกมาจากกล้อง ค่อนข้างผิดความคาดหมายของผมนิดนึง เพราะผมคิดไว้ว่ามันน่าจะทำให้เจ็บจี๊ดออกมาเลย แต่มันกับส่งภาพกลางๆ พร้อมจะเอาไปแต่งภาพต่อมาให้ คุณภาพเหนือกว่าที่ผมคาดไว้นิดหน่อย การให้น้ำหนัก แสง สี ไวท์บาล้านซ์ดีเลยทีเดียว ใน scene ที่คอนทราสท์จัดๆ ก็ยังทำใช้ได้ แต่น้อยส์เยอะกว่ากล้องยุคเดียวกันสักนิด การลดน้อยส์โหดไปหน่อย
jpg จากกล้องเอาไปเล่นอะไรได้สบายมากครับ ส่วน RAW ก็สามารถใช้ Lightroom จัดการได้ครบถ้วนสบายมาก และมันยังมี panorama จากในกล้องมาให้เลยด้วย
ส่วนสิ่งที่ให้เลือกตั้งค่า เลือกเล่น มันไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ยิ่งผมเคยใช้กล้องที่ปรับแต่งโน่นนี่นั่นได้มากมายอย่างสะดวกง่ายดาย พอมาเล่น NX2000 แล้วรู้สึกว่าไม่ควรจะไปยุ่งอะไรให้มันมากมายนัก ควรจะใช้ออโต้ตามที่กล้องแนะนำมาจะดีกว่า แล้วชีวิตการถ่ายภาพจะมีความสุข เพราะอย่างไรก็ตาม กล้องรุ่นนี้ก็ออกมาเพื่อคนทั่วไปที่ไม่ได้ถ่ายรูปกันโหดๆ อยู่แล้ว แต่เน้นไปที่การใช้งานของคนทั่วๆ ไปที่ต้องการแชร์รูปเข้าโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ทันที และต้องการภาพที่ดีกว่ากล้องคอมแพ็กต์
นั่นทำให้ปุ่มที่มีศักดิ์ศรีสูงสุดของกล้องนี้เป็น direct link สำหรับใช้งานระบบไร้สายของกล้อง ที่ได้ที่อยู่บนตัวกล้องด้านบน และถ้าได้ใช้แล้ว ผมว่ามันก็สมควรจะได้รับพื้นที่พิเศษจริงๆ เพราะมันทำให้เรื่องไร้สายกลายเป็นเรื่องง่ายอย่างที่กล้องอื่นจะต้องอิจฉา
เลนส์
เลนส์ที่มีมากับกล้องคือ 20-50 f/3.5-5.7 พร้อมปุ่ม i-Function สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของกล้องซัมซุงคือปุ่ม i-Fn บนเลนส์นี่แหละ พอกดแล้วก็จะทำให้วงแหวนหน้าของเลนส์สามารถปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ ได้ กดปุ่มนี้ไปเรื่อยๆ ฟังก์ชั่นก็จะวนไปเรื่อยๆ ตามแต่ว่าในโหมดนั้นจะอนุญาตให้ปรับเปลี่ยนค่าอะไรได้บ้าง พอถึงฟังก์ชั่นที่ต้องการใช้ก็หมุนวงแหวนหน้าเลนส์เพื่อปรับค่าได้ ทำให้การปรับค่าต่างๆ สะดวกขึ้นมากทีเดียวถึงจะไม่มีปุ่มแป้นมากมายบนตัวกล้อง แต่ i-Fn ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ถ้าคนที่ปรับอะไรเยอะๆ อาจจะรำคาญขัดไม้ขัดมือหน่อย เพราะมันเป็นเมนูแบบวนไปเรื่อยๆ กว่าจะเจอฟังก์ชั่นที่ต้องการ เข้าถึงได้ไม่ค่อยรวดเร็ว แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป มันสะดวกสบายเหลือเฟือ
ความไวในการโฟกัสก็ไม่เร็วสุดยอด แต่ก็ไม่ช้าจนต้องให้หงุดหงิด อยู่ในระดับที่กล้องราคานี้ควรจะทำได้ แต่ปัญหาคือมันเลือกกรอบโฟกัสไม่ค่อยเก่ง บางทีก็ไปโฟกัสผิดตำแหน่งบ้างในฉากบางฉาก
คุณภาพเลนส์ถึงจะไม่คมกริบจนตกตะลึง แต่ก็อยู่ในระดับไม่ต้องให้เป็นกังวลในเวลาใช้งานจริง ถ่ายได้ภาพดีๆ ออกมาสบายๆ ในมือของผู้ใช้งานทั่วไป
ราคากล้องประมาณหมื่นกลางๆ ถึงสองหมื่นหย่อนๆ แต่จุดที่น่าดึงดูดใจคือซัมซุงให้ Adobe Photoshop Lightroom 4 มาให้ด้วย แทนที่จะเป็น RAW Converter ตัวเดิมของซัมซุง ซอฟท์แวร์ทรงพลังแบบนี้ ถ้าอยู่ในมือคนที่ใช้มันเป็นก็เท่ากับติดปีกเติมเขี้ยวให้แมวเหมียวตัวนี้ให้ไปประลองกำลังกับกล้องอื่นในตลาดได้อย่างสูสี
สำหรับนักถ่ายภาพอาจจะมีกล้องอื่นที่น่าสนใจกว่าในงบประมาณนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่นักถ่ายภาพ และมองหากล้องราคาหมื่นถึงสองหมื่น NX2000 มีข้อดีในเรื่องการเชื่อมต่อที่ราบรื่นไร้รอยต่อตั้งแต่กดชัตเตอร์ไปจนถึงส่งภาพขึ้น cloud โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับโทรศัพท์ซัมซุง และตัวกล้องเองก็ไม่ได้มีข้อตำหนิอะไรสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักถ่ายภาพจะอึดอัด หากมองหากล้องที่จะมาใช้แทนกล้องคอมแพ็กต์สักตัวในงบหมื่นแก่ๆ
อัลบั้มภาพ Samsung NX2000
http://goo.gl/iU5JnN