จากเหตุการณ์เรือล่มที่เกาะล้าน ทำให้ผมรู้สึกว่าคนไทยที่ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเห็นแก่ตัว ไม่มองเรื่องความปลอดภัย มองแต่เรื่องกำไร เรื่องรายได้อย่างเดียว อย่างตอนที่ผมนั่งเรือสปีดโบ๊ทไปเกาะหลีเป๊ะ เรือมันน่าจะจุคนได้สัก 25-30 คน แต่นี่ขนมาเกือบ 40 คน แถมยังขนเสบียงอาหาร ของกิน ของใช้หนักๆ มากับเรืออีกด้วย
คนขับเรือมันคงคิดว่า "กรูว่ายน้ำเป็น ต่อให้เรือล่ม กรูก็ไม่กลัว เดี๋ยวว่ายน้ำไปได้" แต่กับคนที่เป็นผู้โดยสาร ใช่ว่าทุกคนจะสามารถว่ายน้ำลึกได้ ดีไม่ดีคนว่ายได้มีน้อยกว่าที่ว่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกผู้ประกอบการกับคนขับเรือเลยไม่สนใจ ปล่อยให้ขึ้นเรือกันมาเยอะๆ ขนของหนักๆกันมาโดยไม่ต้องกลัวเรื่องความปลอดภัย ซึ่งตรงนี้สะท้อนว่าประเทศไทยก็ยังคงเป็น
ประเทศด้อยพัฒนาอยู่ เพราะเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ
เรื่องความปลอดภัย กลับไม่มอง ไม่สนใจ มองแต่เรื่อรายได้ เรื่องกำไร มาเป็นอันดับ 1 ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะไม่เกิดขึ้น เพราะยังไงเค้าก็ต้องมองเรื่อง Safety first มาก่อนเรื่องกำไร
อยากให้ผู้ประกอบการช่วยคิดเรื่องความปลอดภัยก่อนเรื่องกำไรจะได้มั้ย เลิกเห็นแก่ตัวสักที จะได้พูดได้เต็มปากว่า
คนไทยเมืองยิ้ม เมืองที่มีแต่คนโอบอ้อมอารี มีจิตสำนึก แต่ที่เป็นอยู่มันกลับตรงกันข้าม กลายเป็นพวกฝรั่ง พวกญี่ปุ่น ที่มีจิตสำนึกมากกว่าคนไทย
จากเหตุการณ์เรือล่มที่เกาะล้าน ทำให้ผมรู้สึกว่าคนไทยที่ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเห็นแก่ตัว ไม่มองเรื่องความปลอดภัย !!!
อยากให้ผู้ประกอบการช่วยคิดเรื่องความปลอดภัยก่อนเรื่องกำไรจะได้มั้ย เลิกเห็นแก่ตัวสักที จะได้พูดได้เต็มปากว่า คนไทยเมืองยิ้ม เมืองที่มีแต่คนโอบอ้อมอารี มีจิตสำนึก แต่ที่เป็นอยู่มันกลับตรงกันข้าม กลายเป็นพวกฝรั่ง พวกญี่ปุ่น ที่มีจิตสำนึกมากกว่าคนไทย