บทความเกี่ยวกับคุณสมบัติของน้ำมัน E85

เห็นว่าช่วงนี้มีเพื่อนสมาชิกเเนะนำเกี่ยวกับ E85  เลยนำมาเสริมครับ

ข้อความนี้ผม นำมาจาก คุณ Isares Puangkeaw ครับ

" มาจนป่านนี้บรรดามิตรรักนักเพลง เอ๊ยนักบิดหลายท่านคงเคยได้ยินชื่อนี้ผ่านหูมาบ้างแล้วเพราะมันคือเชื้อเพลิงที่ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเชื้อเพลิงแกสโซลีนหรือที่เราเรียกกันว่าเบนซินที่แพงเอาๆ จนถึงขนาดที่ว่าถ้าจะออกทริปกันต้องเม้มเงินเมีย หรือลดการอาบน้ำเก็บเงินหยอดกระปุกเป็นค่าน้ำมันกันเลยทีเดียว

แลด้วยเหตุนี้ หลายคนเลยพาลนึกไปว่า "เชื้อเพลิงทดแทน มันต้องสู้เบนซินเทพ95ของข้าพเจ้าไม่ได้แน่เลย" บลาๆๆ
อ้าว...แล้วความเป็นจริงล่ะ มันเป็นอย่างไร?
มาติดตามกันครับ

ผมคงไม่สาธยายให้เสียพื้นที่ว่าไอ้คุณE-85มันคืออะไร  เพราะหลายคนคงเคยเห็นจากการประชาสัมพันธ์หรือจากสื่อต่างๆ ทั้งช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงที่มาจากน้ำมันดิบ ลดการปล่อยกาซคาร์บอนฯ โลกสวยด้วยมือเรา ช่วยเกษตรกร ฯลฯ
แต่ที่ผมนอนพิมพ์อยู่นี่คือจะมาบอกถึงข้อเท็จจริงที่มันจำเป็นต่อเครื่องยนต์ในรถแสนรักของเรา รวมถึงสิ่งที่หลายๆคนเข้าใจผิดกัน มันน่าจะเป็นข้อคิดนำมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่า

ขั้นแรกเรามารู้จักตัวตนมันก่อน

-Vapor density หรือความหนาแน่นของแก๊สหรือไอระเหยของสารไวไฟ  ระหว่าง E-85 และเบนซิน ถือว่าใกล้กัน แต่ E-85 จะกระจายตัวหมดได้เร็วกว่า

- Solubility in water หรือการรวมตัวกับน้ำ ในปริมาณน้ำเล็กน้อยหากผสมลงไปมันจะผสมกันได้ใน E-85 ไม่เกิดการแยกชั้น ต้องมีน้ำลงไปผสมมากถึงจะเกิดการแบ่งชั้นได้ระหว่างน้ำและ E-85 ซึ่งมันเป็นทั้งขอดีและข้อเสียข้อดีคือหากมาน้ำลงไปผสมเล็กน้อย และมันรวมตัวกันได้กับE-85 ก็จะทำให้การใช้งานไม่มีปัญหา ราบรื่นดีซึ่งหากเป็นเบนซินแล้วมีน้ำลงไปผสม น้ำจะไปกองอยู่ด้านล่างถัง หากถูกดูดลงไปอยู่ในคาร์บูเรเตอร์หรือถูกปั๊มพ์ไปยังหัวฉีด เครื่องยนต์จะมีอาการสะดุดกระตุกรุนแรงชัดเจน ส่วนข้อเสีย หากมีน้ำลงไปผสมมาก(แต่ไม่มากพอที่จะแยกชั้น) คุณสมบัติที่ดีของมันก็จะลดลงไป ประสิทธิภาพการเผาไหม้ กำลังที่ได้ ก็จะไม่เป็นไปตามเดิมแบบเห็นได้ชัด หากมีอาการดังกล่าว ควรเปลี่ยนถ่ายทันที

-Specific gravity หรือค่าความถ่วงจำเพาะ เบนซินและE-85 ใกล้เครียงกันมาก คือแถว 0.78 ดังนั้นไม่มีปัญหา

-Ignition point หรืออุณหภูมิที่ทำให้เกิดการลุกไหม้ E-85 กินขาดกระจุยกระจาย คือ 796องศาฟาเรนไฮต์
ซึ่งเบนซิน อุณหภูมิแค่ 495 องศาฟาเรนไฮต์ก็ชิงแตกเอ๊ยระเบิดไปก่อนแล้ว แสดงให้เห็นว่า E85 ทนต่อการน๊อกของอุณหภูมิสูงๆในห้องเผาไหม้ได้เป็นอย่างดี

-Stoichiometric air to fuel ratio หรืออัตราส่วนผสมระหว่างเชื้อเพลิงและอากาศที่จะเผาไหม้ได้สมบูรณ์
E-85 มี A:F ratio ที่ 10:1 ส่วนเบนซินล้วนๆ(ล้วนจริงๆ) อยู่ที่ 14.7:1
จะเห็นได้ว่า E-85 มีความต้องการเชื้อเพลิงมากขึ้นต่อกรัมของอากาศ มากกว่าน้ำมันเบนซิน
ทำให้การที่จะนำมาใช้งานได้จริง เราต้องจูนให้หนาขึ้น จะด้วยการ เปลี่ยนนมหนูให้ขนาดใหญ่ขึ้น ลดขนาดความหนาเข็มเร่ง หรือใส่กล่องจูนได้ในกรณีเป็นเครื่องยนต์หัวฉีดอิเลกทรอนิกส์ นั่นหมายความว่าหากเครื่องยนต์ความจุเท่าเดิม ทำอากาศได้เท่าเดิม ถ้าต้องการใช้ E-85 ให้ได้ผลดี เราต้องเพิ่มปริมาณการจ่ายเชื้อเพลิงขึ้นไปแถวๆร้อยละสี่สิบของการจ่ายเท่าเดิม ในทางกลับกัน แน่นอนครับมันต้องซดเชื้อเพลิงเป็นปริมาณที่มากกว่าเบนซินเช่นกัน แต่แคร์อะไร ยังไงมันก็ถูกกว่ามาก แม้จะมีอัตราสิ้นเปลืองต่อลิตรสูงกว่า ราคาค่าเชื้อเพลิงเมื่อคิดออกมาเทียบเป็นกิโลเมตรแล้วมันก็ยังถูกกว่าอยู่ดีครับ

-Energy Densities ม้า ม้า และม้า เป็นไฮไลท์ที่หลายคนสนใจเพราะมักได้ยินว่า "โซฮอลล์มันห่วย ไม่ได้เรื่อง รถเทพต้องน้ำมันเทพเบนซินเท่านั้น แรงงงงงงงง"
ช่างมันไปกับที่เคยได้ยินมา หากอยากอ่านต่อ ลบไอ้ที่เคยจำมาทิ้งไปซะ หรือถ้าไม่สนข้าจะเชื่อในเทพของข้า ก็ฉีกหน้านี้ทิ้งไปแล้วไปอ่านหน้าอื่นจะเหมาะกว่า

ที่ปริมาตรหนึ่งลิตร เบนซินสร้างพลังงานได้ 33.7 MJ.(Mega Joules) ส่วน E-85 สร้างพลังงานได้ 25.2 MJ./L.เอ๋????...E-85 มันน้อยกว่านี่ โห่ เห็นไหม มันไม่แรงงงงงงงงง เบนซินแรงกว่า บอกแล้วไม่เชื่อ
เอ่อ....ใจเย็นครับลูกพี่ ขึ้นไปอ่านหัวข้อก่อนหน้านี้เรื่องส่วนผสมของเชื้อเพลิงก่อน
E-85เค้าต้องการส่วนผสมที่"หนา"กว่าเบนซิน นั่นจะทำให้ E-85 สร้างพลังงานได้ในระดับที่สูงกว่าเบนซิน
หรือเรียกบ้านๆว่า"แรงกว่าเบนซิน"โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกเหนือจากการจูนให้พอดีเท่านั้นเอง

-Octane number ค่าออกเทน อันนี้แสนสำคัญ ผมบอกเสมอเพื่อนๆในโลกไซเบอร์มานานแล้วว่าออกเทนสูงไม่ทำให้รถแรง แต่รถแรงต้องการออกเทนที่สูง
อ๋อ เหรอครับ แล้วไอ้ออกเทนคืออะไรล่ะครับ?.....
อึ้ม..ไงล่ะ แบบว่าตอนนี้ขี้เกียจอธิบายน่ะ เพราะหลายๆท่านคงรู้กันอยู่แล้ว แต่สำหรับท่านที่ไม่รู้ หากมีมิตรรักแฟนเพลงกดโหวตSMSกันเข้ามามากๆผ่านท่านบอกอ.ก็อาจจะมาเจาะละเอียดๆกันอีกครั้งในวาระอื่น

สำหรับออกเทนของน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป ก็แน่นอน 91-95 เป็นเบสิค และสำหรับ E20 ก็ทะลึ่งพรวดไปเป็น 98
และแน่นอน แอลกอฮอลล์ล้วนๆออกเทนมันเกือบ120 เมื่อผสมจนเป็น E85 ยังไงออกเทนมันก็ยังเกินร้อย
อยู่ระหว่าง 105-110 ขึ้นไป (แต่รู้ไหม บริษัทพลังงานประจำชาติของเราแปะป้ายว่า E85ออกเทน95!!!! แม่เจ้าโว้ยสุดยอดครับ ฝรั่งตาน้ำข้าวงงเป็นไก่ตาแตกเป็นแถวๆ ว่าE-85บ้านเราออกเทนแค่95บริษัทพลังไทยเพื่อไทยของเราเทพจริงๆ)

เมื่อค่าออกเทนสูงซะขนาดนั้น นั่นยิ่งทำให้"เอื้อ"ต่อการทำแรงให้เครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีกโดยที่ไม่ไส้ไหลไปเสียก่อน
ไม่ว่าจะเพิ่มอัตราส่วนการอัด เพิ่มองศาไฟจุดระเบิด ก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัยมากกว่าการใช้น้ำมันเบนซิน
เหมาะมากสำหรับเครื่องยนต์กำลังสูง หรือเครื่องยนต์ที่ปรับแต่งให้มีกำลังมากกว่าเดิม "

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่