เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมารถของพี่เราโดนมอเตอร์ไซค์ สกูปปี้เสียบเข้าที่ล้อหน้าอย่างจัง
เหตุการณ์คือ รถกำลังจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านทางฝั่งขวา ได้จอดรอและระวังอย่างดี (เพราะรถไม่มีประกันชั้นหนึ่ง) ฝั่งถนนเลนสวนมีรถสองแถวสีแดงขับมาและจอดรอเพื่อให้ทางพี่เราเลี้ยว พอพี่กำลังเคลื่อนตัวรถ ก็มีมอเตอร์ไซค์คู่กรณีแซงซ้ายรถสองแถว(ที่จอดรอ) มาป๊ะ!! เข้ากับรถพอดี ชนแรงมาก แบบเร่งมาอย่างเร็ว จังหวะเร่งแซง ตอนแรกนึกว่าต้องเจ็บหนัก แต่เดชะบุญเจ้าหนุ่มคนขับมอไซไม่เป็นไร ฟกช้ำเล็กน้อย
ลักษณะการชนคือชนเข้าล้อหน้าเต็มๆ สภาพรถเก๋งไฟหน้าแตก กันชนยุบ ประตูหน้าข้างคนขับเปิดไม่ได้ ถังน้ำที่ปัดน้ำฝนแตกรั่ว
ส่วนมอไซค์ช่วงฝาหน้าแตก
พอชนเสร็จก็มาพูดคุยตกลงกันว่าจะยังไง ทางฝ่ายเจ้าหนุ่มเรียกที่บ้านมาคุย คือคุณน้าและคุณยาย ซึ่งมาถึงก็ยังตกลงไม่ได้อีกกก บอกว่าจะรอถามประกันกับทางร้านที่ออกรถมอไซ ต้องรอพรุ่งนี้ เพราะตอนนั้นร้านมอไซปิดแล้ว (พึ่งออกรถได้แค่เดือนเดียว!!) แถมเราเห็นเอกสารประกันของมอไซ มันคือประกันชีวิตตตต มิได้ครอบคลุมค่าเสียหายแก่คู่กรณีใดๆ จะรอคุยเพื่ออ!!! พวกเราจึงต้องไปตกลงกันต่อที่โรงพักที่ใกล้ที่สุด
ณ โรงพลั่ก! ทางคนขับมอไซยอมรับกับคุณตำรวจก้านยาว(เค้าตัวสูงมวาก) ว่าขับรถโดยประมาท ใบขับขี่ไม่มี ไม่สวมหมวกกันน๊อค ส่วนทางญาติฝ่ายมอไซก็พูดแสดงความรับผิดชอบตลอดดดดด ว่าไม่มีเงินหร๊อกกกก! (ตำรวจจะปรับไม่ใส่กันน๊อค ยังบอกตำรวจเลยว่า ไม่มีเงิน) (แต่เราดูว่าทางฝ่ายญาติก็ดูแต่งตัวดี แม้ใส่ชุดอยู่บ้าน มีทองหยองใส่นะ ไม่น่าจะจนขนาดนั้น แต่ดูจะปัดความรับผิดชอบมากกว่า)
"เด็กมันเพิ่งได้งานทำ ทางฝั่งเค้าก็เจ็บ รถมอไซเค้าก็เสียหาย "
พี่เราก็พยายามพูดกับฝั่งคู่กรณีดีๆว่า เข้าใจว่าลำบาก แต่ทางพี่เราก็ไม่ใช่คนร่ำรวย รถก็ยังต้องผ่อน มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆนี่แหละ (ประกันรถชั้นหนึ่งยังไม่ได้ทำเลย มีแต่เป็นประกันชั้นสาม อีตาประกันวิริอุสาห่ะ พอเห็นเป็นชั้นสาม ถูกเรียกตัวมาก็ไม่ได้ดูดำดูดี ไม่ช่วยอะไรเล๊ยยย ปล่อยให้คู่กรณีคุยกันอย่างกันเอง = =")
สรุปพี่เราอยากให้ทางฝั่งมอไซ (ซึ่งเป็นผู้ขับรถโดยประมาท) แสดงความรับผิดชอบ ร่วมช่วยเสียค่าเสียหายที่เกิดขึ้น จะช่วยเท่าไหร่ก็ให้บอกมา ตกลงกัน
ฝั่งคุณน้าคนขับมอไซก็กั๊กไม่ยอมตกลงว่าจะช่วยเท่าไหร่ พูดจาไม่ดี บอกว่าจะช่วยเท่าที่ช่วยได้! ทางเราก็พยายามถามว่าเท่าที่ช่วยได้หน่ะเท่าไหร่ บอกเป็นเปอร์เซ็นของค่าซ่อมก็ยังดี คืออยากให้มันชัดเจน คุณน้าก็เริ่มใส่อารมณ์บอกว่า
"หมื่นนึง!!" ซึ่งตัวเราเอง (ไปเป็นพยาน) โกรธมาก ตอนนั้นคิดกันไปว่าค่าซ่อมน่าจะหลายหมื่น อีนี่จะช่วยรับผิดชอบแค่หมื่นเดียว!!
แล้วคุณน้าก็บอกอีกว่า "ชั้นไม่หนีหรอก" "คุณก็เอารถไปตีราคามา เท่าไหร่แล้วค่อยว่ากัน"
.............วันนั้นจึงจบแค่นี้ โดยพี่เราขอที่อยู่และเบอร์ติดต่อไว้ ทั้งเบอร์บ้านเด็กหนุ่ม และเบอร์มือถือคุณน้า และคุณตำรวจก็ได้ลงประจำวันไว้
ขอคำแนะนำ รถเก๋ง(Ford)โดนมอเตอร์ไซค์ชน แต่ฝ่ายคู่กรณีมีทีท่าว่าจะไม่ยอมรับผิดชอบ ควรทำอย่างไรดี
เหตุการณ์คือ รถกำลังจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านทางฝั่งขวา ได้จอดรอและระวังอย่างดี (เพราะรถไม่มีประกันชั้นหนึ่ง) ฝั่งถนนเลนสวนมีรถสองแถวสีแดงขับมาและจอดรอเพื่อให้ทางพี่เราเลี้ยว พอพี่กำลังเคลื่อนตัวรถ ก็มีมอเตอร์ไซค์คู่กรณีแซงซ้ายรถสองแถว(ที่จอดรอ) มาป๊ะ!! เข้ากับรถพอดี ชนแรงมาก แบบเร่งมาอย่างเร็ว จังหวะเร่งแซง ตอนแรกนึกว่าต้องเจ็บหนัก แต่เดชะบุญเจ้าหนุ่มคนขับมอไซไม่เป็นไร ฟกช้ำเล็กน้อย
ลักษณะการชนคือชนเข้าล้อหน้าเต็มๆ สภาพรถเก๋งไฟหน้าแตก กันชนยุบ ประตูหน้าข้างคนขับเปิดไม่ได้ ถังน้ำที่ปัดน้ำฝนแตกรั่ว
ส่วนมอไซค์ช่วงฝาหน้าแตก
พอชนเสร็จก็มาพูดคุยตกลงกันว่าจะยังไง ทางฝ่ายเจ้าหนุ่มเรียกที่บ้านมาคุย คือคุณน้าและคุณยาย ซึ่งมาถึงก็ยังตกลงไม่ได้อีกกก บอกว่าจะรอถามประกันกับทางร้านที่ออกรถมอไซ ต้องรอพรุ่งนี้ เพราะตอนนั้นร้านมอไซปิดแล้ว (พึ่งออกรถได้แค่เดือนเดียว!!) แถมเราเห็นเอกสารประกันของมอไซ มันคือประกันชีวิตตตต มิได้ครอบคลุมค่าเสียหายแก่คู่กรณีใดๆ จะรอคุยเพื่ออ!!! พวกเราจึงต้องไปตกลงกันต่อที่โรงพักที่ใกล้ที่สุด
ณ โรงพลั่ก! ทางคนขับมอไซยอมรับกับคุณตำรวจก้านยาว(เค้าตัวสูงมวาก) ว่าขับรถโดยประมาท ใบขับขี่ไม่มี ไม่สวมหมวกกันน๊อค ส่วนทางญาติฝ่ายมอไซก็พูดแสดงความรับผิดชอบตลอดดดดด ว่าไม่มีเงินหร๊อกกกก! (ตำรวจจะปรับไม่ใส่กันน๊อค ยังบอกตำรวจเลยว่า ไม่มีเงิน) (แต่เราดูว่าทางฝ่ายญาติก็ดูแต่งตัวดี แม้ใส่ชุดอยู่บ้าน มีทองหยองใส่นะ ไม่น่าจะจนขนาดนั้น แต่ดูจะปัดความรับผิดชอบมากกว่า)
"เด็กมันเพิ่งได้งานทำ ทางฝั่งเค้าก็เจ็บ รถมอไซเค้าก็เสียหาย "
พี่เราก็พยายามพูดกับฝั่งคู่กรณีดีๆว่า เข้าใจว่าลำบาก แต่ทางพี่เราก็ไม่ใช่คนร่ำรวย รถก็ยังต้องผ่อน มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆนี่แหละ (ประกันรถชั้นหนึ่งยังไม่ได้ทำเลย มีแต่เป็นประกันชั้นสาม อีตาประกันวิริอุสาห่ะ พอเห็นเป็นชั้นสาม ถูกเรียกตัวมาก็ไม่ได้ดูดำดูดี ไม่ช่วยอะไรเล๊ยยย ปล่อยให้คู่กรณีคุยกันอย่างกันเอง = =")
สรุปพี่เราอยากให้ทางฝั่งมอไซ (ซึ่งเป็นผู้ขับรถโดยประมาท) แสดงความรับผิดชอบ ร่วมช่วยเสียค่าเสียหายที่เกิดขึ้น จะช่วยเท่าไหร่ก็ให้บอกมา ตกลงกัน
ฝั่งคุณน้าคนขับมอไซก็กั๊กไม่ยอมตกลงว่าจะช่วยเท่าไหร่ พูดจาไม่ดี บอกว่าจะช่วยเท่าที่ช่วยได้! ทางเราก็พยายามถามว่าเท่าที่ช่วยได้หน่ะเท่าไหร่ บอกเป็นเปอร์เซ็นของค่าซ่อมก็ยังดี คืออยากให้มันชัดเจน คุณน้าก็เริ่มใส่อารมณ์บอกว่า
"หมื่นนึง!!" ซึ่งตัวเราเอง (ไปเป็นพยาน) โกรธมาก ตอนนั้นคิดกันไปว่าค่าซ่อมน่าจะหลายหมื่น อีนี่จะช่วยรับผิดชอบแค่หมื่นเดียว!!
แล้วคุณน้าก็บอกอีกว่า "ชั้นไม่หนีหรอก" "คุณก็เอารถไปตีราคามา เท่าไหร่แล้วค่อยว่ากัน"
.............วันนั้นจึงจบแค่นี้ โดยพี่เราขอที่อยู่และเบอร์ติดต่อไว้ ทั้งเบอร์บ้านเด็กหนุ่ม และเบอร์มือถือคุณน้า และคุณตำรวจก็ได้ลงประจำวันไว้