ออกตัวไว้ก่อนนะครับ ผมเองไม่ได้เก่งถึงขั้นนักกีฬาอาชีพหรือโค้ช เพียงแค่เป็นคนชอบดูแบดและติดตามวงการแบดพอสมควรในฐานะคนดูคนนึง ในทัวร์นาเม้นท์แบดเยาวชนชิงแชมป์โลกทั้งประเภททีมและบุคคลครั้งนี้ เนื่องจากจัดที่หัวหมาก เป็นทางผ่านจากที่ทำงานกลับบ้าน ทำให้มีโอกาสได้ไปดูหลายวัน เสาร์ อาทิตย์ก็ไปนั่งดูในสนามอีก รวมๆแล้วก็เกือบครึ่งนึงของเวลาทำการแข่งขัน ได้เห็นฟอร์มการเล่นของนักแบดเยาวชนไทย และต่างชาติ จึงขอเรียบเรียง จุดอ่อนของนักแบดไทยมาไว้ในกระทู้นี้ หวังว่าถ้าคนในหรือทีมงานที่เกี่ยวข้องได้มาอ่าน จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานักกีฬาของเราบ้าง ไม่มากก็น้อย
ในภาพรวมเท่าที่ดู นักแบดของเราถือว่าฝีมือดีครับ หลายคนมีแววไปได้ไกล ในการแข่งครั้งนี้เท่าที่ผมเห็น นักแบดของเราหลายคน ยังมีจุดอ่อนคล้ายๆกัน เมื่อเจอกับมือรองบ่อน จุดอ่อนนี้ไม่ค่อยปรากฎเพราะชนะสบาย แต่เมื่อไหร่เจอมือทัดเทียมกันหรือมือเหนือกว่า อาการออกทันทีครับ
หลังจากดูแมตช์ สิทธิคม แพ้ Jonatan Christie จบ ผมจึงตัดสินใจตั้งกระทู้นี้ คาดว่าน่าจะมีทีมงานของไทย อัดวีดีโอเอาไว้บ้างนะครับ ลองเปิดให้น้องๆดูประกอบกับคำอธิบายของผมจะเห็นภาพมากขึ้น
สิทธิคมเป็นมือวางอันดับ 2 ของรายการในประเภทชายเดี่ยว เจอกับ Jonatan Christie อายุ 16 เป็นดาวรุ่งฝีมือดีของอินโดนิเซีย ถ้าพูดกันถึงเรื่องฝีมือ ณ ปัจจุบัน ผมยังมองว่าสิทธิคมยังเหนือกว่านิดๆครับ ในช่วงแรกที่ทำการแข่งขัน คู่นี้ทันกันทั้งรุกและรับ สิ่งที่ทำให้สิทธิคมแพ้ นั่นคือ ทัศนคติเชิงบวกในการเล่น ความมุ่งมั่นมีสมาธิกับเกมส์ body language หรือการแสดงออกทางสีหน้า แววตา ท่าทาง
พอตีเสีย นักกีฬาของเราต้องใช้คำว่า ออกอาการ มีตั้งแต่หน้าตาเหยเก ออกอาการเสียดาย มองโค้ชบ่อยครั้ง ฯลฯ ในขณะที่คู่ต่อสู้จะนิ่งกว่า ดูมุ่งมั่นตลอดเวลา ทั้งตอนที่แต้มตกเป็นรอง และแต้มนำ แน่นอนในระดับเยาวชนคู่ต่อสู้ก็มีออกอาการบ้างเหมือนกัน แต่กับนักกีฬาไทยนั้น ค่อนข้างจะชัดในเรื่องนี้ ถามว่า body language เหล่านี้มันสำคัญอย่างไร ก็ต้องบอกว่ามันสะท้อน ทัศนคติในการเล่น ความมุ่งมั่นมีสมาธิกับเกมส์ นอกจากนั้นมันยังส่งผลโดยตรงกับคู่ต่อสู้ของเราโดยตรง ไม่ต้องถึงกับออกอาการข่มเค้าหรอกครับ แค่เราแสดงออกว่าไม่หวั่นไหว นิ่งและมีสมาธิกับเกมส์ตลอดเวลา ก็มีโอกาสได้ชัยมากขึ้นแล้วครับ
ต่อมาในเรื่องทัศนคติเชิงบวกในการเล่น และความมุ่งมั่นมีสมาธิกับเกมส์ ถ้าดูนักแบดของเรา หลายคนคงจะเห็นว่า เวลาเสียแต้ม ต้องใช้คำว่าไหลเป็นน้ำ บางครั้งเกิดจากการแก้เกมส์ของคู่ต่อสู้ แล้วเราแก้ไม่ได้ (ซึ่งตรงนี้โค้ชคอยช่วยเหลืออยู่แล้ว) แต่บ่อยครั้งที่เห็นคือ คุมสมาธิไม่อยู่ อย่างช่วงที่สิทธิคมนำอยู่ 5 แต้ม แล้วโดนเอาคืน 7 แต้มรวมกลายมาเป็นตาม จนเสียเกมส์แรกนั่นเห็นได้ชัดเจน ว่าตีเสียเองซะเป็นส่วนมาก สมาธิหลุดไปเอง ซึ่งสิ่งที่คู่ต่อสู้ทำในช่วงนั้นคือ ออกลูกให้แน่นอนเข้าไว้ ไม่ตีเสียเอง ค่อยๆแสดงออกถึงความมั่นใจเล็กๆ กับแต้มที่ได้มาเรื่อยๆ สีหน้าและแววตาของ 2 คนต่างกันอย่างชัดเจน สิทธิคมจะดูกังวล กดดัน สีหน้าแววตา ค่อนข้างเครียด พอเกมส์ที่สองคู่ต่อสู้ใจมาเต็มที่ เล่นดีขึ้นไปอีกทั้งรุกและรับ ในขณะที่นักแบดของเราไม่สามารถพลิกสภาวะกลับมาได้
นี่ขนาดมือต้นๆเยาวชนโลก ที่ฝีมือไม่เป็นรองคู่แข่งนะครับ แถมแข่งในบ้านเสียงเชียร์สภาพแวดล้อมก็เป็นต่อ แต่แข่งไปแข่งมากลับเป็นรองซะอย่างนั้น ยังไม่ต้องพูดถึง นักแบดเยาวชนคนอื่นอีกหลายคน ที่เริ่มต้นสูสีกับคู่แข่ง หรือเป็นรองคู่แข่ง ไปเอาสถิติดูได้ครับ พอแต้มเบียดกันแถวๆ 18-19-20 จำนวนเกมส์ที่นักแบดเยาวชนไทยแพ้ มากกว่าชนะครับ
สุดท้ายผมก็ไม่แน่ใจว่า สิ่งที่บรรยายมานี้เราจะสามารถเอามาปรับปรุงนักกีฬาของเราได้แค่ไหน และด้วยวิธีการใด แต่อยากให้ดูนักวอลเล่ย์หญิงไทยเป็นตัวอย่างครับ ตีได้ตีเสีย ช่างมัน ยังยิ้มออก และตั้งสมาธิกับแต้มต่อไป แต้มเบียดๆกันปลายเซต วอลเล่ย์หญิงไทยชนะ มากกว่าแพ้นะครับ ก็หวังว่านักแบดเยาวชนชุดนี้และอีกหลายชุดต่อไป ซึ่งหลายคนมีแววว่าจะเติบโตออกสู่โลกกว้าง จะสามารถพัฒนาจิตใจ สมาธิ ความมุ่งมั่นในเกมส์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาฝีมือในเชิงแบด เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในระดับโลก ให้กองเชียร์ชาวไทยได้ชื่นใจนะครับ
สาเหตุแห่งความพ่ายแพ้ของนักแบดเยาวชนไทย และสิ่งที่ควรต้องปรับปรุงควบคู่ไปกับการพัฒนาฝีมือ
ในภาพรวมเท่าที่ดู นักแบดของเราถือว่าฝีมือดีครับ หลายคนมีแววไปได้ไกล ในการแข่งครั้งนี้เท่าที่ผมเห็น นักแบดของเราหลายคน ยังมีจุดอ่อนคล้ายๆกัน เมื่อเจอกับมือรองบ่อน จุดอ่อนนี้ไม่ค่อยปรากฎเพราะชนะสบาย แต่เมื่อไหร่เจอมือทัดเทียมกันหรือมือเหนือกว่า อาการออกทันทีครับ
หลังจากดูแมตช์ สิทธิคม แพ้ Jonatan Christie จบ ผมจึงตัดสินใจตั้งกระทู้นี้ คาดว่าน่าจะมีทีมงานของไทย อัดวีดีโอเอาไว้บ้างนะครับ ลองเปิดให้น้องๆดูประกอบกับคำอธิบายของผมจะเห็นภาพมากขึ้น
สิทธิคมเป็นมือวางอันดับ 2 ของรายการในประเภทชายเดี่ยว เจอกับ Jonatan Christie อายุ 16 เป็นดาวรุ่งฝีมือดีของอินโดนิเซีย ถ้าพูดกันถึงเรื่องฝีมือ ณ ปัจจุบัน ผมยังมองว่าสิทธิคมยังเหนือกว่านิดๆครับ ในช่วงแรกที่ทำการแข่งขัน คู่นี้ทันกันทั้งรุกและรับ สิ่งที่ทำให้สิทธิคมแพ้ นั่นคือ ทัศนคติเชิงบวกในการเล่น ความมุ่งมั่นมีสมาธิกับเกมส์ body language หรือการแสดงออกทางสีหน้า แววตา ท่าทาง
พอตีเสีย นักกีฬาของเราต้องใช้คำว่า ออกอาการ มีตั้งแต่หน้าตาเหยเก ออกอาการเสียดาย มองโค้ชบ่อยครั้ง ฯลฯ ในขณะที่คู่ต่อสู้จะนิ่งกว่า ดูมุ่งมั่นตลอดเวลา ทั้งตอนที่แต้มตกเป็นรอง และแต้มนำ แน่นอนในระดับเยาวชนคู่ต่อสู้ก็มีออกอาการบ้างเหมือนกัน แต่กับนักกีฬาไทยนั้น ค่อนข้างจะชัดในเรื่องนี้ ถามว่า body language เหล่านี้มันสำคัญอย่างไร ก็ต้องบอกว่ามันสะท้อน ทัศนคติในการเล่น ความมุ่งมั่นมีสมาธิกับเกมส์ นอกจากนั้นมันยังส่งผลโดยตรงกับคู่ต่อสู้ของเราโดยตรง ไม่ต้องถึงกับออกอาการข่มเค้าหรอกครับ แค่เราแสดงออกว่าไม่หวั่นไหว นิ่งและมีสมาธิกับเกมส์ตลอดเวลา ก็มีโอกาสได้ชัยมากขึ้นแล้วครับ
ต่อมาในเรื่องทัศนคติเชิงบวกในการเล่น และความมุ่งมั่นมีสมาธิกับเกมส์ ถ้าดูนักแบดของเรา หลายคนคงจะเห็นว่า เวลาเสียแต้ม ต้องใช้คำว่าไหลเป็นน้ำ บางครั้งเกิดจากการแก้เกมส์ของคู่ต่อสู้ แล้วเราแก้ไม่ได้ (ซึ่งตรงนี้โค้ชคอยช่วยเหลืออยู่แล้ว) แต่บ่อยครั้งที่เห็นคือ คุมสมาธิไม่อยู่ อย่างช่วงที่สิทธิคมนำอยู่ 5 แต้ม แล้วโดนเอาคืน 7 แต้มรวมกลายมาเป็นตาม จนเสียเกมส์แรกนั่นเห็นได้ชัดเจน ว่าตีเสียเองซะเป็นส่วนมาก สมาธิหลุดไปเอง ซึ่งสิ่งที่คู่ต่อสู้ทำในช่วงนั้นคือ ออกลูกให้แน่นอนเข้าไว้ ไม่ตีเสียเอง ค่อยๆแสดงออกถึงความมั่นใจเล็กๆ กับแต้มที่ได้มาเรื่อยๆ สีหน้าและแววตาของ 2 คนต่างกันอย่างชัดเจน สิทธิคมจะดูกังวล กดดัน สีหน้าแววตา ค่อนข้างเครียด พอเกมส์ที่สองคู่ต่อสู้ใจมาเต็มที่ เล่นดีขึ้นไปอีกทั้งรุกและรับ ในขณะที่นักแบดของเราไม่สามารถพลิกสภาวะกลับมาได้
นี่ขนาดมือต้นๆเยาวชนโลก ที่ฝีมือไม่เป็นรองคู่แข่งนะครับ แถมแข่งในบ้านเสียงเชียร์สภาพแวดล้อมก็เป็นต่อ แต่แข่งไปแข่งมากลับเป็นรองซะอย่างนั้น ยังไม่ต้องพูดถึง นักแบดเยาวชนคนอื่นอีกหลายคน ที่เริ่มต้นสูสีกับคู่แข่ง หรือเป็นรองคู่แข่ง ไปเอาสถิติดูได้ครับ พอแต้มเบียดกันแถวๆ 18-19-20 จำนวนเกมส์ที่นักแบดเยาวชนไทยแพ้ มากกว่าชนะครับ
สุดท้ายผมก็ไม่แน่ใจว่า สิ่งที่บรรยายมานี้เราจะสามารถเอามาปรับปรุงนักกีฬาของเราได้แค่ไหน และด้วยวิธีการใด แต่อยากให้ดูนักวอลเล่ย์หญิงไทยเป็นตัวอย่างครับ ตีได้ตีเสีย ช่างมัน ยังยิ้มออก และตั้งสมาธิกับแต้มต่อไป แต้มเบียดๆกันปลายเซต วอลเล่ย์หญิงไทยชนะ มากกว่าแพ้นะครับ ก็หวังว่านักแบดเยาวชนชุดนี้และอีกหลายชุดต่อไป ซึ่งหลายคนมีแววว่าจะเติบโตออกสู่โลกกว้าง จะสามารถพัฒนาจิตใจ สมาธิ ความมุ่งมั่นในเกมส์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาฝีมือในเชิงแบด เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในระดับโลก ให้กองเชียร์ชาวไทยได้ชื่นใจนะครับ