วันนี้เรามาดูเรื่อง ROA-ROE กันบ้างนะครับ
โดยไปดูว่าตามโจทย์ที่อาจารย์ฉัตรชัยตั้งขึ้นมา ท่านอาจารย์ทั้งหลายมีการวิเคราะห์อย่างไรบ้าง กระทู้นี้ตั้งแต่ปี 2003 นะครับ แต่ยังมีคุณค่ามาก เชิญอ่านได้เลยครับ...
การวิเคราะห์ ROE และ ROA
chatchai Posted: Mon Sep 22, 2003 9:02 pm
ผมเห็นมีคนสนใจเรื่อง ROE และ ROA กันมาก ผมเลยมีโจทย์หนึ่งข้อมาให้เพื่อนๆวิเคราะห์กันดูครับ อาจจะยาวซักหน่อย
บริษัท C ประกอบธุรกิจสร้างศูนย์การค้าให้เช่าทั้งระยะยาว (เซ้ง) และเช่าระยะสั้น
บริษัทเริ่มด้วยทุนจดทะเบียน 500 ลบ ทำการกู้ยืมเงินมา 500 ลบ ดอกเบี้ย 5% ต่อปี ผ่อนชำระปีแรก 300 ลบ ปีต่อไปปีละ 50 ลบ เพื่อสร้างศูนย์การค้ามูลค่าโครงการ 1,000 ลบ
อาคารมีมูลค่าซาก 50 ลบ ดังนั้นค่าเสื่อมราคา 20 ปี คิดปีละ 45 ลบ
ปีแรกบริษัทสามารถเซ้งพื้นที่ได้เงินมา 400 ลบ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตลอดระยะเวลา 20 ปีๆละ 20 ลบ และบริษัทยังมีรายได้ค่าเช่าระยะสั้นอีกปีละ 130 ลบ ในขณะที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปีละ 5 ลบ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไรสุทธิ .......................(ดูภาพประกอบ)...........................
ถ้าเราใช้หลักเกณฑ์ Buffett พิจารณาที่ ROA เกิน 12%
ถ้าเราพิจารณาบริษัท C ที่ช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินงาน เราจะถือว่าบริษัทนี้ไม่มี durable competitive advantage แต่ถ้าเรากลับมาพิจารณาในปีที่ 6 บริษัท C จะเข้าเกณฑ์ ทั้งที่บริษัทเดียวกัน ทำธุรกิจเดิมๆ บริหารงานแบบเดิมๆ รายได้เท่าเดิม ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
เราควรจะเริ่มลงทุนบริษัท C ตั้งแต่ปีแรกเลยหรือต้องรอถึงปีที่ 6 ROA ของบริษัทจึงจะเกณฑ์?
หลักเกณฑ์ ROA ใช้ได้ดีหรือไม่ วานพี่เจ๋งและน้องวิบูลย์ช่วยเฉลยหน่อยครับ ไม่รู้จะอ่านรู้เรื่องไหม?
………………………………………………………………………………….
Jeng Posted: Mon Sep 22, 2003 9:21 pm
สุดยอดเลยครับ คุณฉัตรชัย ผู้รู้จริง
เท่าที่อ่านถ้าเป็นกิจการให้เช่า เขาเน้นซื้อที่ต่ำกว่า book คือซื้อได้ราคา .5 ยิ่งดี เพราะเขาคิดว่า ตอนที่เศรฐกิจตก จะเก็บค่าเช่าได้ไม่ดี พอเศรษฐกิจกลับมาดี จะเก็บค่าเช่าได้มาก
เพราะฉะนั้นตอนที่เศรษฐกิจตก ค่าเช่าที่เก็บได้ทำให้ได้กำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุน เช่นซื้อหุ้นไป 100 ล้านบาท แล้วได้กำไรสุทธิซัก 10 ล้านบาท (ถ้าไม่มีตัวเลือกอื่น) แต่ซื้อในราคาต่ำกว่า book ครึ่งหนึ่ง พออสังหาริมทรัพย์กลับมาดีขึ้น กำไรสุทธิก็จะมากขึ้น เพราะเก็บค่าเช่าได้สูงขึ้น หรือไม่ก็มีพื้นที่ว่างน้อยลง
อย่างเช่น Modern ก็มีพื้นที่ว่าง ถ้าจำไม่ผิดตั้ง 90 เปอร์เซ็นต์เป็นต้น
ถ้าเป็นกิจการให้เช่า
วอเรนจะเน้น
1. ซื้อต่ำกว่า book
2. รายได้ที่ได้รับในปัจจุบันเมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุน พอรับได้เมื่อเทียบกับพันธบัตร
3. แนวโน้มอสังหาจะกลับมาดี
ส่วนเรื่องเปรียบเทียบกับ ROA ที่คุณฉัตรทำไว้ เป็นการประมาณการว่าจะเป็นแบบนั้น ผมวิเคราะห์ไม่เป็นจริงๆ เพราะในความเป็นจริง อสังหานี่ชอบมีการเปลี่ยนแปลง ราคาขึ้น ราคาลง และมีการแข่งขันด้านราคาอยู่เหมือนกัน ผมจึงเห็นด้วยกัยวอเรนที่เน้นซื้อราคาต่ำกว่า book ไว้ก่อน(แต่ต้องทำรายได้ ได้ในระดับที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ลงทุน)
ช่วงที่ราคาต่ำกว่า book มากๆ ผมว่า ROA จะดูต่ำมากนะครับ
แต่ถ้ากู้เงินมาเยอะขนาดนั้น ตามกรณีศึกษา ผมขอซื้อปีที่ 6 เพื่อที่จะได้ดูงบย้อนหลัง ว่าเขาสามารถทำกำไรได้จริงตามประมาณการแค่ไหน
และการซื้อปีที่ 6 อย่างน้อยก็เริ่มปลอดภัย เพราะหนี้เริ่มน้อยลง พนักงานก็เริ่มเป็นมืออาชีพมากขึ้น และกำไรต่อสินทรัพย์ คือ ROA ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
วิเคราะห์แบบนี้ สงสัยมีช่องโหว่มากเลย วิบูลย์ช่วยพี่หน่อยซิ
…………………………………………………………………………………………………………..
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376
การวิเคราะห์ ROE และ ROA-อาจารย์ฉัตรชัย
วันนี้เรามาดูเรื่อง ROA-ROE กันบ้างนะครับ
โดยไปดูว่าตามโจทย์ที่อาจารย์ฉัตรชัยตั้งขึ้นมา ท่านอาจารย์ทั้งหลายมีการวิเคราะห์อย่างไรบ้าง กระทู้นี้ตั้งแต่ปี 2003 นะครับ แต่ยังมีคุณค่ามาก เชิญอ่านได้เลยครับ...
การวิเคราะห์ ROE และ ROA
chatchai Posted: Mon Sep 22, 2003 9:02 pm
ผมเห็นมีคนสนใจเรื่อง ROE และ ROA กันมาก ผมเลยมีโจทย์หนึ่งข้อมาให้เพื่อนๆวิเคราะห์กันดูครับ อาจจะยาวซักหน่อย
บริษัท C ประกอบธุรกิจสร้างศูนย์การค้าให้เช่าทั้งระยะยาว (เซ้ง) และเช่าระยะสั้น
บริษัทเริ่มด้วยทุนจดทะเบียน 500 ลบ ทำการกู้ยืมเงินมา 500 ลบ ดอกเบี้ย 5% ต่อปี ผ่อนชำระปีแรก 300 ลบ ปีต่อไปปีละ 50 ลบ เพื่อสร้างศูนย์การค้ามูลค่าโครงการ 1,000 ลบ
อาคารมีมูลค่าซาก 50 ลบ ดังนั้นค่าเสื่อมราคา 20 ปี คิดปีละ 45 ลบ
ปีแรกบริษัทสามารถเซ้งพื้นที่ได้เงินมา 400 ลบ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตลอดระยะเวลา 20 ปีๆละ 20 ลบ และบริษัทยังมีรายได้ค่าเช่าระยะสั้นอีกปีละ 130 ลบ ในขณะที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปีละ 5 ลบ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไรสุทธิ .......................(ดูภาพประกอบ)...........................
ถ้าเราใช้หลักเกณฑ์ Buffett พิจารณาที่ ROA เกิน 12%
ถ้าเราพิจารณาบริษัท C ที่ช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินงาน เราจะถือว่าบริษัทนี้ไม่มี durable competitive advantage แต่ถ้าเรากลับมาพิจารณาในปีที่ 6 บริษัท C จะเข้าเกณฑ์ ทั้งที่บริษัทเดียวกัน ทำธุรกิจเดิมๆ บริหารงานแบบเดิมๆ รายได้เท่าเดิม ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
เราควรจะเริ่มลงทุนบริษัท C ตั้งแต่ปีแรกเลยหรือต้องรอถึงปีที่ 6 ROA ของบริษัทจึงจะเกณฑ์?
หลักเกณฑ์ ROA ใช้ได้ดีหรือไม่ วานพี่เจ๋งและน้องวิบูลย์ช่วยเฉลยหน่อยครับ ไม่รู้จะอ่านรู้เรื่องไหม?
………………………………………………………………………………….
Jeng Posted: Mon Sep 22, 2003 9:21 pm
สุดยอดเลยครับ คุณฉัตรชัย ผู้รู้จริง
เท่าที่อ่านถ้าเป็นกิจการให้เช่า เขาเน้นซื้อที่ต่ำกว่า book คือซื้อได้ราคา .5 ยิ่งดี เพราะเขาคิดว่า ตอนที่เศรฐกิจตก จะเก็บค่าเช่าได้ไม่ดี พอเศรษฐกิจกลับมาดี จะเก็บค่าเช่าได้มาก
เพราะฉะนั้นตอนที่เศรษฐกิจตก ค่าเช่าที่เก็บได้ทำให้ได้กำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุน เช่นซื้อหุ้นไป 100 ล้านบาท แล้วได้กำไรสุทธิซัก 10 ล้านบาท (ถ้าไม่มีตัวเลือกอื่น) แต่ซื้อในราคาต่ำกว่า book ครึ่งหนึ่ง พออสังหาริมทรัพย์กลับมาดีขึ้น กำไรสุทธิก็จะมากขึ้น เพราะเก็บค่าเช่าได้สูงขึ้น หรือไม่ก็มีพื้นที่ว่างน้อยลง
อย่างเช่น Modern ก็มีพื้นที่ว่าง ถ้าจำไม่ผิดตั้ง 90 เปอร์เซ็นต์เป็นต้น
ถ้าเป็นกิจการให้เช่า
วอเรนจะเน้น
1. ซื้อต่ำกว่า book
2. รายได้ที่ได้รับในปัจจุบันเมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุน พอรับได้เมื่อเทียบกับพันธบัตร
3. แนวโน้มอสังหาจะกลับมาดี
ส่วนเรื่องเปรียบเทียบกับ ROA ที่คุณฉัตรทำไว้ เป็นการประมาณการว่าจะเป็นแบบนั้น ผมวิเคราะห์ไม่เป็นจริงๆ เพราะในความเป็นจริง อสังหานี่ชอบมีการเปลี่ยนแปลง ราคาขึ้น ราคาลง และมีการแข่งขันด้านราคาอยู่เหมือนกัน ผมจึงเห็นด้วยกัยวอเรนที่เน้นซื้อราคาต่ำกว่า book ไว้ก่อน(แต่ต้องทำรายได้ ได้ในระดับที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ลงทุน)
ช่วงที่ราคาต่ำกว่า book มากๆ ผมว่า ROA จะดูต่ำมากนะครับ
แต่ถ้ากู้เงินมาเยอะขนาดนั้น ตามกรณีศึกษา ผมขอซื้อปีที่ 6 เพื่อที่จะได้ดูงบย้อนหลัง ว่าเขาสามารถทำกำไรได้จริงตามประมาณการแค่ไหน
และการซื้อปีที่ 6 อย่างน้อยก็เริ่มปลอดภัย เพราะหนี้เริ่มน้อยลง พนักงานก็เริ่มเป็นมืออาชีพมากขึ้น และกำไรต่อสินทรัพย์ คือ ROA ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
วิเคราะห์แบบนี้ สงสัยมีช่องโหว่มากเลย วิบูลย์ช่วยพี่หน่อยซิ
…………………………………………………………………………………………………………..
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376