คุณอาผม นายกิติพงศ์ นทีทอง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทัวร์ ของ บ.โซวะคังโค ได้ทำการเดินทางไปญี่ปุ่นในวันที่ 24 ต.ค. 56 เวลา 21.45 น. เที่ยวบินที่ JL034 จาก สุวรรณภูมิ ไป ฮาเนดะ
ตอนที่เดินเข้าเครื่อง x-ray จำเป็นจะต้องนำทรัพย์สิน ของมีค่า ต่าง ๆ รวมทั้งกระเป๋าที่ติดตัวมาเข้าเครื่องเพื่อทำการตรวจสอบ โดยแบ่งเป็น 3 ถาดดังนี้
- ถาดแรก ใส่เข็มขัด นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ ipad
- ถาดที่สอง กระเป๋าเป้ที่ใส่ และของใช้ทั่ว ๆ ไป และกระเป๋าคาดเอว โดยในกระเป๋าคาดเอวนั้นมีเงินญี่ปุ่นอยู่ซึ่งได้ใส่รวมกับกระเป๋าเป้ จำนวน 3.5 ล้านเยน ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 ล้านบาท
- ถาดที่สาม ใส่เสื้อสูท
เมื่อตอนเดินผ่านเครื่อง x-ray เพื่อรอถาดของนั้น ถาดที่สองนั้นออกมาช้าผิดปกติ (ประมาณ 30 วินาที) จึงได้ทำการชะโงกดูจอมอนิเตอร์ เมื่อออกมาก็ไม่ได้เอะใจอะไรตอนหยิบ เนื่องจากใส่รวมกับกระเป๋าเป้ซึ่งมี ของใช้อื่น ๆ และ ipad อยู่ด้วยทำให้ น.น. ของกระเป๋าไม่ได้มีความผิดปกติมากนัก ก็เช็คอิน ขึ้นเครื่องตามปกติ
พอถึงเวลาจะลงเครื่องจึงได้ทำการเช็คกระเป๋านี้ถึงพบว่า เงินในกระเป๋าคาดเอวได้หายไปแล้ว
เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบเดินทางกลับมายังประเทศไทยเมื่อคืนวันที่ 27 ต.ค. 56 และได้ทำการแจ้งความที่สถานีตำรวจราชาเทวะในสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 4 ทุ่มเศษ ของวันเดียวกัน (27 ต.ค. 56) เพื่อขอดูวงจรปิด แต่ทางตำรวจบอกว่าไม่สามารถดูได้ตอนนี้ ต้องเป็นในวันรุ่งขึ้นช่วงเวลาประมาณ 9.30
ในวันรุ่งขึ้นคุณอาได้เข้าไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ
28 ต.ค. 56 เมื่อเวลา 10.00 น. ได้เข้าไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด สังเกตุเห็นจุดผิดปกติ 2 จุดคือ
- จุดแรก คือ ภาพที่คุณอาชะโงกดูจอมอนิเตอร์ แต่กลับไม่มีภาพของตัวเองติด ซึ่งคุณอาผมบอกว่าเหมือนการตัดต่อภาพวีดีโอ
- จุดที่สองคือ ที่เครื่อง x-ray เจ้าหน้าที่บอกว่าภาพในวันนั้นได้ถูกทับไปแล้ว เนื่องจากเครื่อง x-ray จะทำการบันทึกภาพได้ในจำนวน 5000 ภาพ จากนั้นจำทำการบันทึกซ้ำไปเรื่อย ๆ และได้ทำการสอบถามว่ามีเครื่องอื่น backup ไว้ไหม ทางสนามบินบอกว่าไม่มีแล้ว
ไม่ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้างครับ ?
ตอนนี้เดือดร้อนมาก ต้องการความช่วยเหลือครับ เนื่องจากเป็นเงินของทาง บริษัทครับ
ขอบคุณครับ
ต้องการความช่วยเหลือครับ คุณอาโดนขโมยเงินในสนามบินครับ
ตอนที่เดินเข้าเครื่อง x-ray จำเป็นจะต้องนำทรัพย์สิน ของมีค่า ต่าง ๆ รวมทั้งกระเป๋าที่ติดตัวมาเข้าเครื่องเพื่อทำการตรวจสอบ โดยแบ่งเป็น 3 ถาดดังนี้
- ถาดแรก ใส่เข็มขัด นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ ipad
- ถาดที่สอง กระเป๋าเป้ที่ใส่ และของใช้ทั่ว ๆ ไป และกระเป๋าคาดเอว โดยในกระเป๋าคาดเอวนั้นมีเงินญี่ปุ่นอยู่ซึ่งได้ใส่รวมกับกระเป๋าเป้ จำนวน 3.5 ล้านเยน ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 ล้านบาท
- ถาดที่สาม ใส่เสื้อสูท
เมื่อตอนเดินผ่านเครื่อง x-ray เพื่อรอถาดของนั้น ถาดที่สองนั้นออกมาช้าผิดปกติ (ประมาณ 30 วินาที) จึงได้ทำการชะโงกดูจอมอนิเตอร์ เมื่อออกมาก็ไม่ได้เอะใจอะไรตอนหยิบ เนื่องจากใส่รวมกับกระเป๋าเป้ซึ่งมี ของใช้อื่น ๆ และ ipad อยู่ด้วยทำให้ น.น. ของกระเป๋าไม่ได้มีความผิดปกติมากนัก ก็เช็คอิน ขึ้นเครื่องตามปกติ
พอถึงเวลาจะลงเครื่องจึงได้ทำการเช็คกระเป๋านี้ถึงพบว่า เงินในกระเป๋าคาดเอวได้หายไปแล้ว
เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบเดินทางกลับมายังประเทศไทยเมื่อคืนวันที่ 27 ต.ค. 56 และได้ทำการแจ้งความที่สถานีตำรวจราชาเทวะในสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 4 ทุ่มเศษ ของวันเดียวกัน (27 ต.ค. 56) เพื่อขอดูวงจรปิด แต่ทางตำรวจบอกว่าไม่สามารถดูได้ตอนนี้ ต้องเป็นในวันรุ่งขึ้นช่วงเวลาประมาณ 9.30
ในวันรุ่งขึ้นคุณอาได้เข้าไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ
28 ต.ค. 56 เมื่อเวลา 10.00 น. ได้เข้าไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด สังเกตุเห็นจุดผิดปกติ 2 จุดคือ
- จุดแรก คือ ภาพที่คุณอาชะโงกดูจอมอนิเตอร์ แต่กลับไม่มีภาพของตัวเองติด ซึ่งคุณอาผมบอกว่าเหมือนการตัดต่อภาพวีดีโอ
- จุดที่สองคือ ที่เครื่อง x-ray เจ้าหน้าที่บอกว่าภาพในวันนั้นได้ถูกทับไปแล้ว เนื่องจากเครื่อง x-ray จะทำการบันทึกภาพได้ในจำนวน 5000 ภาพ จากนั้นจำทำการบันทึกซ้ำไปเรื่อย ๆ และได้ทำการสอบถามว่ามีเครื่องอื่น backup ไว้ไหม ทางสนามบินบอกว่าไม่มีแล้ว
ไม่ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้างครับ ?
ตอนนี้เดือดร้อนมาก ต้องการความช่วยเหลือครับ เนื่องจากเป็นเงินของทาง บริษัทครับ
ขอบคุณครับ