จากกระทู้นี้ครับ
http://ppantip.com/topic/31170111
(ลอกมา)
ปูเป้ ภาณุนาถนะคะ
ขอบคุณจขกท.ที่ตั้งกระทู้ถึงค่ะ 555 พอดีมีเพื่อนส่งมาให้ดู ก็เลยถือโอกาสเข้ามาตอบในบางประเด็นที่สามารถตอบได้ตามที่หลายท่านตั้งข้อสังเกตไว้นะคะ
เรื่องแรก คือเรื่องเสียงของเป้ ที่ได้ยินจาก VTR คือการตัดมาบางส่วน ขออนุญาตเล่าตรงนี้แล้วกันนะคะ เป้บอกว่าธรรมชาติการใช้เสียงของเป้เป็นแบบนี้ คือ เป้พูดด้วยโทนเสียงแบบนี้ ร้องเพลงด้วยโทนเสียงแบบนี้ แถมยิ่งเรียนร้องเพลงคลาสสิค ซึ่ง Register หรือช่องเสียงที่ใช้มันจะเป็นอีกโทนนึง ภาษาเด็กคลาสสิคจะเรียกกันสั้น ๆ ว่าเสียงหลอก เนื่องจากเพลงคลาสสิคมีแบบแผนในการร้องค่อนข้างเฉพาะทางและมีรายละเอียดเยอะ ลักษณะโทนเสียงก็เลยจะต่างจากช่องเสียงที่ใช้ร้องเพลงป๊อบ เพราะนั่นจะเป็น Speech Level คือใกล้เคียงกันโทนเสียงพูดมากกว่า และเป้ก็ร้องไปตามธรรมชาติของเป้ ไม่ได้พยายามทำให้มันเป็นเสียงผู้หญิง เพราะก็ไม่ได้คิดว่าเสียงตัวเองเหมือนผู้หญิง ฟังยังไงก็เป็นเสียงกะเทยค่ะ เพียงแต่ในเพลง Part of your world ตัวเพลง เมโลดี้ และอารมณ์มันบังคับให้ต้องวางโทนเป็นคาแรคเตอร์แรกรุ่นดรุณี เลยต้องร้องแบบนั้นเท่านั้นเอง
สำหรับโจทย์รอบแบทเทิลเพลง Bring me to life โจทย์ที่โค้ชให้มาคือ ให้ใช้วิธีการร้องแบบคลาสสิคมาร้องกับเพลงร็อคค่ะ อีกทั้งเพลง Bring me to life เนื้อหาตีความยากมาก เพราะมันมีความเป็นกึ่งจินตนาการสูง ดังนั้น ความยากของโชว์นี้จึงมีสองเรื่องคือ อารมณ์เพลงที่สองนางต้องมโนตีความกันไปมา และเรื่องเทคนิควิธีการร้องซึ่งเป็นโจทย์ที่ถูกตั้งมา ซึ่งตอนแรกทั้งเป้และปอก็แอบรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับอะเรนจ์เมนท์ของเพลงเลย ระหว่างช่วงที่ซักซ้อมก็มีเรื่องให้ต้องผจญภัยเยอะสิ่งตามประสารายการโทรทัศน์ แต่พอลองซ้อมด้วยกันแล้วรู้สึกทัาทายมาก ไม่รู้สึกว่าเป็นการแข่งขันเลย ส่วนตัวเป้นะ รู้สึกย้อนวัยไปสมัยประถมฯเวลาโดนคุณครูจับแสดงงานโรงเรียนแล้วต้องซ้อมน่ะ ตื่นเต้นและสนุกมากจริง ๆ เป้กับโอปอคุยกันว่าถ้าไม่ได้มาร่วมรายการนี้ ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้ร้องเพลงนี้ เพราะงานปกติของเราสองคนจะหนักไปทางร้องแจ๊ส ร้องคลาสสิค ของเป้มีลูกกรุงสุนทราภรณ์ด้วย ทั้งเป้และปอก็เลยรู้สึกดีใจที่ได้ร้องเพลงนี้ค่ะ แม้ว่าเพลงจะยาก แต่เป้ก็ทำได้เต็มที่ที่สุดของเป้ในเวลานั้นแล้ว ถ้าใครฟังแล้วรู้สึกไม่ชอบ ไม่พอใจเสียงเป้ที่เป็นเสียงกะเทยแบบนี้ อันนี้เป้ก็จนใจจริง ๆ ค่ะ แต่อยากบอกว่าเป้พอใจกับโชว์ที่ออกมาของตัวเองและโอปอมากเลยล่ะค่ะ เพราะเราร้องกันเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมายมาแล้วจริง ๆ ยิ้ม
ส่วนเรื่องหน้าตาเป้แหย ๆ วันนั้น เพราะคืนก่อนวันแข่งเป้ท้องเสีย แล้วทีนี้อาการไม่ค่อยโอเค ก็สะโหลสะเหลมาตั้งแต่เที่ยง แล้วลากยาวไปเกือบ ๆ สี่ทุ่ม บนเวทีนั่นคือแรงก๊อกสุดท้ายแล้วจริง ๆ ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ขอบคุณทีมงานของ #TheVoiceTH ที่ดูแลเป้เป็นอย่างดีนะคะ มีไปซื้อโจ๊กมาให้กะเทยร่างเปลี้ยด้วยนะ ขอบคุณคุณแม่ของน้องลูกพีช รพีพร และคุณแม่ของน้องปลา สุชญาด้วยค่ะ คุณแม่ทั้งสองท่านน่ารักมากเลย ทั้งหายามาให้ ทั้งคอยดูแลถามไถ่อาการของเป้ตลอดทั้งวันเลย แต่อาการท้องเสียไม่ได้มีผลต่อการร้องเพลงของเป้นะคะ เพราะก็ร้องได้เหมือนแบบที่สบายดีนั่นแหละค่ะ เพียงแต่พอใช้แรงที่มีไปหมดจนแรงตกแล้ว หน้าก็จะเริ่มเหี่ยว ๆ เนือย ๆ เท่านั้นเองค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ทุกคนใน #TheVoiceTH ต่อไปด้วยนะคะ
ปูเป้ - ภาณุนาถ บุญฤทธิ์โชค
คุณ ปูเป้ มาตอบคำถาม หลายๆคน ผมเอามาปะ ให้อ่านกัน
http://ppantip.com/topic/31170111
(ลอกมา)
ปูเป้ ภาณุนาถนะคะ
ขอบคุณจขกท.ที่ตั้งกระทู้ถึงค่ะ 555 พอดีมีเพื่อนส่งมาให้ดู ก็เลยถือโอกาสเข้ามาตอบในบางประเด็นที่สามารถตอบได้ตามที่หลายท่านตั้งข้อสังเกตไว้นะคะ
เรื่องแรก คือเรื่องเสียงของเป้ ที่ได้ยินจาก VTR คือการตัดมาบางส่วน ขออนุญาตเล่าตรงนี้แล้วกันนะคะ เป้บอกว่าธรรมชาติการใช้เสียงของเป้เป็นแบบนี้ คือ เป้พูดด้วยโทนเสียงแบบนี้ ร้องเพลงด้วยโทนเสียงแบบนี้ แถมยิ่งเรียนร้องเพลงคลาสสิค ซึ่ง Register หรือช่องเสียงที่ใช้มันจะเป็นอีกโทนนึง ภาษาเด็กคลาสสิคจะเรียกกันสั้น ๆ ว่าเสียงหลอก เนื่องจากเพลงคลาสสิคมีแบบแผนในการร้องค่อนข้างเฉพาะทางและมีรายละเอียดเยอะ ลักษณะโทนเสียงก็เลยจะต่างจากช่องเสียงที่ใช้ร้องเพลงป๊อบ เพราะนั่นจะเป็น Speech Level คือใกล้เคียงกันโทนเสียงพูดมากกว่า และเป้ก็ร้องไปตามธรรมชาติของเป้ ไม่ได้พยายามทำให้มันเป็นเสียงผู้หญิง เพราะก็ไม่ได้คิดว่าเสียงตัวเองเหมือนผู้หญิง ฟังยังไงก็เป็นเสียงกะเทยค่ะ เพียงแต่ในเพลง Part of your world ตัวเพลง เมโลดี้ และอารมณ์มันบังคับให้ต้องวางโทนเป็นคาแรคเตอร์แรกรุ่นดรุณี เลยต้องร้องแบบนั้นเท่านั้นเอง
สำหรับโจทย์รอบแบทเทิลเพลง Bring me to life โจทย์ที่โค้ชให้มาคือ ให้ใช้วิธีการร้องแบบคลาสสิคมาร้องกับเพลงร็อคค่ะ อีกทั้งเพลง Bring me to life เนื้อหาตีความยากมาก เพราะมันมีความเป็นกึ่งจินตนาการสูง ดังนั้น ความยากของโชว์นี้จึงมีสองเรื่องคือ อารมณ์เพลงที่สองนางต้องมโนตีความกันไปมา และเรื่องเทคนิควิธีการร้องซึ่งเป็นโจทย์ที่ถูกตั้งมา ซึ่งตอนแรกทั้งเป้และปอก็แอบรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับอะเรนจ์เมนท์ของเพลงเลย ระหว่างช่วงที่ซักซ้อมก็มีเรื่องให้ต้องผจญภัยเยอะสิ่งตามประสารายการโทรทัศน์ แต่พอลองซ้อมด้วยกันแล้วรู้สึกทัาทายมาก ไม่รู้สึกว่าเป็นการแข่งขันเลย ส่วนตัวเป้นะ รู้สึกย้อนวัยไปสมัยประถมฯเวลาโดนคุณครูจับแสดงงานโรงเรียนแล้วต้องซ้อมน่ะ ตื่นเต้นและสนุกมากจริง ๆ เป้กับโอปอคุยกันว่าถ้าไม่ได้มาร่วมรายการนี้ ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้ร้องเพลงนี้ เพราะงานปกติของเราสองคนจะหนักไปทางร้องแจ๊ส ร้องคลาสสิค ของเป้มีลูกกรุงสุนทราภรณ์ด้วย ทั้งเป้และปอก็เลยรู้สึกดีใจที่ได้ร้องเพลงนี้ค่ะ แม้ว่าเพลงจะยาก แต่เป้ก็ทำได้เต็มที่ที่สุดของเป้ในเวลานั้นแล้ว ถ้าใครฟังแล้วรู้สึกไม่ชอบ ไม่พอใจเสียงเป้ที่เป็นเสียงกะเทยแบบนี้ อันนี้เป้ก็จนใจจริง ๆ ค่ะ แต่อยากบอกว่าเป้พอใจกับโชว์ที่ออกมาของตัวเองและโอปอมากเลยล่ะค่ะ เพราะเราร้องกันเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมายมาแล้วจริง ๆ ยิ้ม
ส่วนเรื่องหน้าตาเป้แหย ๆ วันนั้น เพราะคืนก่อนวันแข่งเป้ท้องเสีย แล้วทีนี้อาการไม่ค่อยโอเค ก็สะโหลสะเหลมาตั้งแต่เที่ยง แล้วลากยาวไปเกือบ ๆ สี่ทุ่ม บนเวทีนั่นคือแรงก๊อกสุดท้ายแล้วจริง ๆ ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ขอบคุณทีมงานของ #TheVoiceTH ที่ดูแลเป้เป็นอย่างดีนะคะ มีไปซื้อโจ๊กมาให้กะเทยร่างเปลี้ยด้วยนะ ขอบคุณคุณแม่ของน้องลูกพีช รพีพร และคุณแม่ของน้องปลา สุชญาด้วยค่ะ คุณแม่ทั้งสองท่านน่ารักมากเลย ทั้งหายามาให้ ทั้งคอยดูแลถามไถ่อาการของเป้ตลอดทั้งวันเลย แต่อาการท้องเสียไม่ได้มีผลต่อการร้องเพลงของเป้นะคะ เพราะก็ร้องได้เหมือนแบบที่สบายดีนั่นแหละค่ะ เพียงแต่พอใช้แรงที่มีไปหมดจนแรงตกแล้ว หน้าก็จะเริ่มเหี่ยว ๆ เนือย ๆ เท่านั้นเองค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ทุกคนใน #TheVoiceTH ต่อไปด้วยนะคะ
ปูเป้ - ภาณุนาถ บุญฤทธิ์โชค