นาโอมิ และ การรีทัชกับวงการแฟชั่นเป็นของคู่กันจริงหรือ Retouch and Fashion

ที่มาจาก http://pingpoy.com/2013/10/29/retouch-and-fashion/

Retouch และ Fashion ถือเป็นเรื่องขาดจากกันไม่ได้ เพราะอย่างไรก็ตาม วงการแฟชั่นก็ต้องการภาพสวยๆ เพื่อที่จะขายของได้ แต่บางครั้งนั้น การรีทัชก็เกินงาม จนสังคมตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

กลายเป็น Hot Issue ทันทีเมื่อนิตยสารอย่าง โว้ก ประเทศไทย ได้เผยภาพนิตยสารฉบับเดือนพฤศจิกายน โดยนางแบบของปกคือนาโอมิ แคมป์เบล ที่ผ่านการรีทัชแบบคนในวงกว้างรับไม่ได้ ทั้ง การเหลาจมูกของนางแบบให้โด่งเกินจริง ตกแต่งสีผิวของนางแบบให้ดูขาว ปรับสีตานางแบบจนเพี้ยน และ รีทัชรูปหน้าจนเป็น V Shape

แม้ว่านิตยสารจะเปิดออกมาแถลงว่า มันเป็นสไตล์ของช่างภาพที่อยากจะได้ภาพที่นวลเนียน ละมุนละไม จึงรีทัชผิวจนสว่างกว่าเดิม แต่สิ่งอื่นๆล่ะ นี่เป็นครั้งแรกหรือที่มีการรีทัชแบบสุดขั่วขนาดนี้



นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่อย่างไร เพราะสำหรับการถ่ายภาพนั้นการรีทัชเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ไม่ควรจะเกินงาม เรื่องการรีทัชจนเกินความพอดีนี้ผู้ที่ถูกต่อว่ามากที่สุดคงหนีไม่พ้นนิตยสารยักษ์ใหญ่อย่างโว้กอเมริกัน ที่รีทัชปกแบบเกินงามกันเป็นว่าเล่น และรีทัชจนเกินธรรมชาติ


ฮัลลี่ แบรี่ โดนรีทัชจนกลายเป็นหุ่นขี้ผึ้ง


หากย้อนกลับไปเมื่อสองสามปีก่อน มีสารคดีที่ตามติดการทำนิตยสารโว้ก อเมริกัน ฉบับเดือนกันยายน 2007 เรื่อง September Issue จะมีฉากหนึ่งที่แอนนา วินทัวร์ มาชี้ที่พุงของช่างภาพที่เข้าร่วมเฟรมของนางแบบ แล้วเธอพูดว่า เอารีทัชพุงของเค้าออกซะ !!!!


ภาพเจ้าปัญหา ที่โดนบรรณาธิการ แอนนา วินทัวร์ สั่งให้หั่นพุงของช่างภาพออก



อีกเหตุการณ์ที่ลืมไม่ได้เลยสำหรับนิตยสารในเครื่องของโว้ก คือ เมื่อโว้กรัซเซียจับเอาคู่รัก(ณ ตอนนั้น) อย่าง นักร้องนำวง Maroon 5 อย่างหนุ่มอดัม เลอวีน และแฟนสาวนางแบบ แอนน์ วี  มาขึ้นปกและถ่ายภาพเซ็ทใน และรีทัชจนหน้าทองของหนุ่มอดัม เว้าแหว่งจนเกินธรรมชาติ



ไม่ใช่แค่โว้กเจ้าเดียวที่มักจะรีทัชเยอะเกินความพอดี นิตยสารคู่แข่งอย่าง W Magazine ก็เคยโดนจับได้มาแล้วเช่นกัน เมื่อนำสาวใหญ่อย่างเดมี่ มัวร์ มาถ่ายปกอวดหุ่นเซี๊ยะในวัยเฉียดห้าสิบพร้อมกับชุดเดรสของแบรนด์ บัลแมง แต่มีสาวกแฟชั่นตาดี ไปจับได้ว่า หน้าหน่ะ เป็นของเดมี่ มัวร์จริง แต่หุ่นของเธอนี่สิ กลับเป็นร่างกายของสาวนางแบบ อันย่า รูบิค ซะนี่





ส่วนโฆษณาแฟชั่นก็ไม่แพ้กัน โฆษณาของแบรนด์ Chloe’ เมื่อปี 2010 ก็รีทัชหน้าสามนางแบบสาวสวย จนกลายเป็นหน้าบิดเบี้ยวจนหน้าจริงไปซะอย่างนั้น



ทุกๆครั้งที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จะมีคนพูดเสมอว่า วงการแฟชั่นมักจะทำร้ายคนเสพสื่อ ด้วยการพยายามหาสิ่งที่ดูสมบูรณ์เกินจริง จนสร้างมายาคติแก่คนเสพว่า ชั้นต้องสวยเพอร์เฟกดั่งเช่นนั้นบ้าง ซึ่งแท้จริงแล้วนั้น หารู้ไม่ว่า กว่าจะผ่านมาสู่สายตาของพวกเรานั้น มันผ่านการรีทัชมาแล้วหลายรอบ
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า จงเป็นอย่างที่เราเป็น ไม่มีใครสามารถเพอร์เฟ็กที่สุดได้ดังเช่นหน้านิตยสาร ฝ่ายนิตยสารก็เช่นกัน ควรเสนอภาพที่เป็นความจริงมากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดมายาคติที่ผิดๆแก่ผู้อ่านทั้งหลาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่