ในฐานะที่เราเป็นLittle monsterคนนึง ก็อยากจะให้ทุกคนได้รู้ว่า Lady Gaga ที่ทุกคนรู้จักไม่ใช่แค่นักร้องที่ทำตัวบ้าๆไปวันๆ
เธอมีอะไรมากกว่านั้นที่คุณไม่รู้อีกเยอะ เรามาดูกันเลยดีกว่า
กว่ากาก้าจะมาถึงจุดนี้ ที่เราเอ่ยชื่อที่ไหนทุกคนต่างก็รู้จัก ผลงานของเธอเรียกได้ว่าเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
*รางวัลที่เธอได้รับ อ้างอิงจาก Performing X Factor UK - 27/OCT/13
28 มีนาคม 1986 โจแอนน์ สเตฟานี แองเจลินา เจอร์มานอตต้าก็ได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาลในย่านแมนฮัตตันที่ชื่อว่า Lenox Hill Hospital NYC สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวอิตาเลียน-อเมริกัน ด้วยเชื้อสายอิตาเลี่ยน I'm Italian! ก็เป็นคำพูดติดหูชาวลิตเติ้ลมอนส์เตอร์อยู่ไม่น้อย มีอยู่ช่วงนึงที่กาก้าอ้วนขึ้นก็เพราะเธอกินอาหารอิตาเลี่ยนฝีมือพ่อเธอนี่แหละ ทุกวันนี้เธอก็อายุ27ปีเข้าไปแล้ว
*รูปจาก Performing Gypsy เมื่อ Oct 24, 2013 < กาก้าพูดชื่อBangkokในเพลงนี้ด้วย ไปหาฟังกันได้
*กาก้าช่วงที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์นิดนึง ออกข่าวกันยกใหญ่ ข่าวออกมาได้ไม่นานกาก้าก็รีบเทรน Body Revolution ในเว็บของเธอเอง
*Lady gaga ในคอนเซ็ป Body Revolution ของเธอ
กาก้าเริ่มฝึกหัดเล่นเปียโนตั้งแต่ 4 ขวบ เธอรักและชื่นชอบในเปียโน จวบจนทุกวันนี้การแสดงของเธอนับครั้งไม่ถ้วนต่างก็มีเปียโนในเพอร์ฟอแมนซ์
Lady GaGa - When She Was A Kid (First Cover Piano) [1993]
สมัยเด็กกาก้าไม่ใช่คนร่ำรวย เธอได้เข้าเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์แซเครดฮาร์ต โรงเรียนเอกชนคอนแวนต์คาทอลิก พ่อแม่ของเธอเรียกได้ว่าอยู่ในชนชั้นแรงงาน เธอมักจะโดนเพื่อนแกล้งเสมอ ชีวิตในวัยเด็กของกาก้าจึงถือได้ว่าไม่สวยงามนัก
อันที่จริง กาก้าได้รับการสนับสนุนจากแม่ของเธอให้เรียนในมหาวิทยาลัย Collaborative Arts Project 21 (CAP21) และพอมาถึงช่วงอายุ19ปี กาก้าคิดว่าเธอมีความคิดที่แตกต่างจากคนอื่น เธอจึงขออนุญาตพ่อของเธอแล้วจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมองหาโอกาสในอาชีพทางดนตรีในภาคเรียนที่สองขณะเรียนชั้นปีที่ 2 พ่อของเธอยินยอมที่จะออกค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ให้เป็นเวลา 1 ปี โดยมีเงื่อนไขว่า หากไม่ประสบความสำเร็จด้านอาชีพ จะต้องกลับมาเรียนใหม่ เธอเริ่มต้นทำงานที่คลับละแวกนั้นตอนอายุเพียงประมาณ19ปี
*คลิปกาก้าแสดงเพลงฮอลลิวูดในคลับสมัยที่เธออายุได้ 20 ปี 20/JAN/06
===========================================
กาก้าได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
"I left my entire family, got the cheapest apartment I could find, and ate shit until somebody would listen"
"ฉันเลือกที่จะปลีกแยกออกมาจากครอบครัว เลือกเช่าอพาร์ทเม้นที่ถูกที่สุดที่หาได้ และกินอาหารคุณภาพต่ำไปจนกว่าจะมีคนรับฟังเพลงของฉัน"
ไม่ถึงปี กาก้าก็สามารถก่อตั้งวง Stefani Germanotta Band (SGBand) ได้ในปี 2005
Stefani Germanotta Band (SGBand) Live at Lollapalooza 2007
กาก้าและสมาชิกวงก็ได้ขยายและปรับปรุงแนวเพลงของเธอจนเป็นรูปเป็นร่าง และออกอัลบั้มแรกของเธอเองอย่างเป็นทางการ คือ Stefani Germanotta RED & BLUE ในปี2005 เช่นเดียวกัน
SGBand ถึงจุดช่วงขีดสุดในช่วงประมาณปี 2006 เนื่องจากมีการเสาะหานักร้องหญิงเดี่ยวหน้าใหม่ ซึ่งคุณสมบัติทุกอย่างตรงกับกาก้า กาก้าได้รับการติดต่อมาจากโปรดิวเซอร์เพลงที่ชื่อ Rob Fusari ทำให้SGBandมันเหตุจำเป็นต้องกระจายตัวไป
Lady gaga และ Rob Fusari ผู้ซึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ได้ค้นพบ เลดี้กาก้า ตัวจริง
Rob Fusari ได้เปรียบเทียบเนื้อเสียงของกาก้าว่า กาก้านั้นมีเสียงที่สามารถประสานและลงรอยเดียวกันกับ Freddie Mercury นักร้องนำวง QUEEN ได้เลยที่เดียว
Freddie Mercury
Rob Fusari ได้เรียกร้องให้กำเนิดชื่อ Lady Gaga ให้เป็นชื่อเล่นของเธอ ซึ่งอิงมาจากเพลงRadio Ga GaของวงQUEEN นั่นเอง
Queen - Radio Ga Ga
เขาได้พูดไว้ว่า
"Every day, when Stef came to the studio, instead of saying hello, I would start singing 'Radio Ga Ga'. That was her entrance song"
"ในทุกๆวัน เมื่อสเตฟานี่ได้เข้ามาสู่ในสตูดิโอนี้แล้ว แทนที่ฉันจะพูดทักทาย ฉันเลือกที่จะร้องเพลง 'Radio Ga Ga' ดีกว่า เพราะนั่นเป็นเพลงที่ทำให้เธอเข้ามาถึงทุกวันนี้"
กาก้าก็ได้ตอบกลับไปเช่นกันว่า
"Don't ever call me Stefani again."
"อย่าได้เรียกฉันว่าสเตฟานี่อีก" < คือจริงๆยังเรียกได้นะครับ แต่กาก้าพูดในฐานะของศิลปินว่าให้เรียกว่ากาก้าดีกว่า กาก้าเคยให้สัมภาษณ์ไว้อีกเช่นกันว่า หากฉันกำลังมีเซ็กส์ ฉันอยากให้คู่นอนของฉันเรียกฉันว่าสเตฟานี่ดีกว่าเลดี้กาก้าแน่นอน
แต่ไม่ว่ายังไง The New York Post ก็ยังเคลือบแคลงที่มาของชื่อนี้อยู่ไม่น้อย เพราะคิดว่าชื่อนี้ได้มาจาก lady starlight
ผลงาน RED&BLUE ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร Rob Fusari และ Lady Gaga ทั้งคู่จึงได้เริ่มก่อตั้งตัวใหม่และจัดทำเพลงแนว electropop แทน และได้ผลตอบรับกลับมาในทางที่ดี เธอได้รับโอกาสอีกครั้ง เพลงที่ออกมาผมชอบนะ ลองฟังดู อย่างเพลงนี้ Boys Boys Boys
ต่อมาในปี 2008 กาก้าได้ย้ายไปอยู่ที่ลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย กาก้าได้เร่งทำอัลบั้มเปิดตัว 'LADY GAGA' ในชื่ออัลบั้ม The Fame และ The Fame Monster มาถึงช่วงที่โลกได้รู้จักเธอกันแล้ว มาดูกันดีกว่า
กาก้าได้ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 บุคคลน่าชื่นชมมากที่สุดแห่งปี 2009 โดยบาร์บารา วอลเทอร์ส ระหว่างรายการวอลเตอร์ส แอนนวล เอบีซี สเปเชียล ในระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการเธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามในข้อกล่าวหาที่ว่าเธอเป็นกะเทยแท้ ที่มีสองเพศในตัวเองตามข่าวลือ และตอบกลับไปว่า "ตอนแรก ๆ เรื่องนี้มันแปลกแต่ทุกคนก็คิดว่ามันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ แต่ฉันเองเชื่อว่า ตัวเองมีภาพลักษณ์ของสาวประเภทสองจริงๆ และฉันเองก็รักพวกสามประเภทสองด้วยนะ"
ในปี2010 เลดี้กาก้าใส่แว่น ตาแต่งตัวเรียบร้อยกระโดดขึ้นเวทีเป็นผู้นำม็อบที่เมืองปอร์ตแลนด์ ในการรณรงค์เรียกร้องให้วุฒิสภาลงมติทบทวนนโยบาย Don't Ask Don't Tell ของกองทัพที่เกี่ยวกับชาวรักร่วมเพศ มีคนราว 2 พันเข้าร่วมการเดินขบวนซึ่งนำโดยทหารผ่านศึก ทั้งบก อากาศ และนาวิกโยธิน ผู้ถูกปลดออกเพียงเพราะเป็นเกย์หรือเลสเบียน
Lady Gaga speaks out for gay rights
Lady Gaga Presents: The Monster Ball Tour
จบไปสำหรับอัลบั้ม The Fame monster ของเธอ และเริ่มต้นเข้าสู่ก้าวใหม่ BORN THIS WAY
Lady Gaga - Born This Way In Live VMA 2010 กับชุดเนื้อของเธอ ที่มีความหมายว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นแค่เศษเนื้อเท่านั้น ตัวเธอเองก็มีหัวใจ
กาก้าในชุดเนื้อสดที่ออกแบบโดยฟรังค์ เฟอร์ดินานด์ ในระหว่างพิธีมอบรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิค อวอร์ดส
ในปี 2011 เลดี้กาก้าได้ขอร่วมไว้อาลัยให้กับ "เจมี โรดเมเยอร์" เด็กชายวัย 14 ปีที่เพิ่งฆ่าตัวตายเพราะถูกรุมรังแกโดนล้อเป็นเกย์ บนเวที iHeartRadio Music Festival ที่จัดขึ้นในลาสเวกัส
Lady Gaga - Hair (Live at iHeartRadio 2011) RIP Jamey
เลดี้ กาก้าได้ใช้เพลง Hair เพื่อบอกผู้ชมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ฉันเขียนเพลงนี้ซึ่งเป็นเรื่องราวบอกเล่าว่า ตัวตนของคุณเป็นอย่างไรก็ต่อเมื่อได้รับสิ่งต่างๆขณะอยู่ในโรงเรียน..ดังนั้นคืนนี้ เจมี ฉันรู้ว่าเธออยู่บนนั้นกำลังมองพวกเราอยู่ และเธอไม่ได้เป็นเหยื่อ เธอเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับพวกเราทุกคน"
"เธอไม่จำเป็นต้องเป็นไอ้ขี้แพ้ในโรงเรียนมัธยมโดยเด็กนักเรียนจอมอันธพาลหรอกนะ เจ้าพวกนั้นมันต่างมาจากหลากหลายที่มา ให้อยู่กับคนที่เธอไว้ใจได้ มันไม่ได้หมายความว่าคุณมีเพื่อนน้อยหรอกนะ บางครั้งเธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นบุคคลที่เติบโตขึ้นมา"
ในการอุทิศเพลงให้กับเจมี ครั้งนี้ เลดี้ กาก้า ยังได้หยุดกลางเพลงเพื่อพูดว่า "การรังแกคนอื่นมีไว้สำหรับพวกขี้แพ้"
ตามรายงานระบุว่า เจมี ก่อนจะจากโลกนี้ไปเขาได้โพสท์เนื้อเพลง The Queen ของ เลดี้ กาก้า ที่เขายกให้เป็นไอดอลในดวงใจลงใน Facebook ของเขา พร้อมข้อความว่า "อย่าลืมผมตอนที่ผมกำลังร้องไห้อยู่หน้าประตูสวรรค์"
เจมี ฆ่าตัวตายหลังจากที่ตัวเขาถูกแกล้งและถูกถากถางมาเป็นเวลานานนับปีจากเด็กคนอื่นๆ เขาร้องขอความช่วยเหลือในโลกสังคมออนไลน์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง โดยเขาระบุว่าเขาต้องการมีชีวิตของเขาเอง แต่ก็นำมาซึ่งความเห็นร้ายๆมากมายจากบรรดาเพื่อนๆของเขา
โดยหนึ่งในนั้นระบุว่า "เจมีไอ้โง่, เกย์, อ้วน, อัปลักษณ์ เขาต้องตาย" "ฉันไม่สนหรอกถ้านายตาย ไม่มีใครสนด้วย เอาเลย ทำเลย มันคงจะทำให้ทุกคนมีความสุขขึ้น!"
เจมี ได้เขียนข้อความลงใน Tumblr ว่า "ผมพยายามพูดเสมอว่าผมโดนกลั่นแกล้งยังไง แต่ไม่มีใครฟังผมเลย ผมจะทำยังไงดีเพื่อให้มีคนฟังผมบ้าง?" ผ่านมาไม่ถึงหนึ่งวัน เจมี ก็ได้ทิ้งข้อความไว้ 2 ข้อความในบล็อกของเขาก่อนจะลาโลกโดยระบุว่าเขาตั้งตาคอยที่จะได้พบกับยายทวดของเขา ที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานนี้ และอีกหนึ่งข้อความไปยัง เลดี้ กาก้า โดยขอบคุณเธอสำหรับข้อความและสารดีๆที่เธอพยายามนำเสนอออกมาเกี่ยวกับการสนับสนุนชาวเกย์
ทางด้าน เทรซี โรดเมเยอร์ แม่ของเจมี ได้พูดถึงลูกชายของเขาว่า "เขาเข้าถึงใจของหลายๆคน ฉันไม่รู้ว่ามีคนมากแค่ไหนที่สัมผัสเขาได้ในเรื่องนี้ เขาเป็นเด็กน่ารัก เป็นเด็กที่จิตใจดีที่สุดคนหนึ่งเลย เขาจะให้ใจทั้งหมดกับคุณก่อนที่เขาจะให้กับตัวเขาเองเสียอีก"
ด้าน ทิม โรดเมเยอร์ พ่อของเขาได้พูดในนามของลูกชายของเขาว่า "ถึงเด็กๆที่ชอบรังแกคนอื่น พึงระลึกไว้เสมอนะว่าคำพูดพวกนั้นมันมีพลังมหาศาลและถ้าคิดว่าทำแค่สนุกๆและเป็นเกมส์อย่างหนึ่งมันไม่สนุกด้วยเลยสำหรับบางคน และที่สำคัญคุณกำลังทำลายชีวิตหลายๆชีวิตเลย"
===========================================
ไว้มาต่อวันหลังอีกนะ วันนี้เหนื่อยแล้ว 555555555
มารู้จักLADY GAGAในมุมมองที่คนไม่ค่อยรู้จักกันดีกว่า
เธอมีอะไรมากกว่านั้นที่คุณไม่รู้อีกเยอะ เรามาดูกันเลยดีกว่า
กว่ากาก้าจะมาถึงจุดนี้ ที่เราเอ่ยชื่อที่ไหนทุกคนต่างก็รู้จัก ผลงานของเธอเรียกได้ว่าเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
*รางวัลที่เธอได้รับ อ้างอิงจาก Performing X Factor UK - 27/OCT/13
28 มีนาคม 1986 โจแอนน์ สเตฟานี แองเจลินา เจอร์มานอตต้าก็ได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาลในย่านแมนฮัตตันที่ชื่อว่า Lenox Hill Hospital NYC สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวอิตาเลียน-อเมริกัน ด้วยเชื้อสายอิตาเลี่ยน I'm Italian! ก็เป็นคำพูดติดหูชาวลิตเติ้ลมอนส์เตอร์อยู่ไม่น้อย มีอยู่ช่วงนึงที่กาก้าอ้วนขึ้นก็เพราะเธอกินอาหารอิตาเลี่ยนฝีมือพ่อเธอนี่แหละ ทุกวันนี้เธอก็อายุ27ปีเข้าไปแล้ว
*รูปจาก Performing Gypsy เมื่อ Oct 24, 2013 < กาก้าพูดชื่อBangkokในเพลงนี้ด้วย ไปหาฟังกันได้
*กาก้าช่วงที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์นิดนึง ออกข่าวกันยกใหญ่ ข่าวออกมาได้ไม่นานกาก้าก็รีบเทรน Body Revolution ในเว็บของเธอเอง
*Lady gaga ในคอนเซ็ป Body Revolution ของเธอ
กาก้าเริ่มฝึกหัดเล่นเปียโนตั้งแต่ 4 ขวบ เธอรักและชื่นชอบในเปียโน จวบจนทุกวันนี้การแสดงของเธอนับครั้งไม่ถ้วนต่างก็มีเปียโนในเพอร์ฟอแมนซ์
Lady GaGa - When She Was A Kid (First Cover Piano) [1993]
สมัยเด็กกาก้าไม่ใช่คนร่ำรวย เธอได้เข้าเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์แซเครดฮาร์ต โรงเรียนเอกชนคอนแวนต์คาทอลิก พ่อแม่ของเธอเรียกได้ว่าอยู่ในชนชั้นแรงงาน เธอมักจะโดนเพื่อนแกล้งเสมอ ชีวิตในวัยเด็กของกาก้าจึงถือได้ว่าไม่สวยงามนัก
อันที่จริง กาก้าได้รับการสนับสนุนจากแม่ของเธอให้เรียนในมหาวิทยาลัย Collaborative Arts Project 21 (CAP21) และพอมาถึงช่วงอายุ19ปี กาก้าคิดว่าเธอมีความคิดที่แตกต่างจากคนอื่น เธอจึงขออนุญาตพ่อของเธอแล้วจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมองหาโอกาสในอาชีพทางดนตรีในภาคเรียนที่สองขณะเรียนชั้นปีที่ 2 พ่อของเธอยินยอมที่จะออกค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ให้เป็นเวลา 1 ปี โดยมีเงื่อนไขว่า หากไม่ประสบความสำเร็จด้านอาชีพ จะต้องกลับมาเรียนใหม่ เธอเริ่มต้นทำงานที่คลับละแวกนั้นตอนอายุเพียงประมาณ19ปี
*คลิปกาก้าแสดงเพลงฮอลลิวูดในคลับสมัยที่เธออายุได้ 20 ปี 20/JAN/06
===========================================
กาก้าได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
"I left my entire family, got the cheapest apartment I could find, and ate shit until somebody would listen"
"ฉันเลือกที่จะปลีกแยกออกมาจากครอบครัว เลือกเช่าอพาร์ทเม้นที่ถูกที่สุดที่หาได้ และกินอาหารคุณภาพต่ำไปจนกว่าจะมีคนรับฟังเพลงของฉัน"
ไม่ถึงปี กาก้าก็สามารถก่อตั้งวง Stefani Germanotta Band (SGBand) ได้ในปี 2005
Stefani Germanotta Band (SGBand) Live at Lollapalooza 2007
กาก้าและสมาชิกวงก็ได้ขยายและปรับปรุงแนวเพลงของเธอจนเป็นรูปเป็นร่าง และออกอัลบั้มแรกของเธอเองอย่างเป็นทางการ คือ Stefani Germanotta RED & BLUE ในปี2005 เช่นเดียวกัน
SGBand ถึงจุดช่วงขีดสุดในช่วงประมาณปี 2006 เนื่องจากมีการเสาะหานักร้องหญิงเดี่ยวหน้าใหม่ ซึ่งคุณสมบัติทุกอย่างตรงกับกาก้า กาก้าได้รับการติดต่อมาจากโปรดิวเซอร์เพลงที่ชื่อ Rob Fusari ทำให้SGBandมันเหตุจำเป็นต้องกระจายตัวไป
Lady gaga และ Rob Fusari ผู้ซึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ได้ค้นพบ เลดี้กาก้า ตัวจริง
Rob Fusari ได้เปรียบเทียบเนื้อเสียงของกาก้าว่า กาก้านั้นมีเสียงที่สามารถประสานและลงรอยเดียวกันกับ Freddie Mercury นักร้องนำวง QUEEN ได้เลยที่เดียว
Freddie Mercury
Rob Fusari ได้เรียกร้องให้กำเนิดชื่อ Lady Gaga ให้เป็นชื่อเล่นของเธอ ซึ่งอิงมาจากเพลงRadio Ga GaของวงQUEEN นั่นเอง
Queen - Radio Ga Ga
เขาได้พูดไว้ว่า
"Every day, when Stef came to the studio, instead of saying hello, I would start singing 'Radio Ga Ga'. That was her entrance song"
"ในทุกๆวัน เมื่อสเตฟานี่ได้เข้ามาสู่ในสตูดิโอนี้แล้ว แทนที่ฉันจะพูดทักทาย ฉันเลือกที่จะร้องเพลง 'Radio Ga Ga' ดีกว่า เพราะนั่นเป็นเพลงที่ทำให้เธอเข้ามาถึงทุกวันนี้"
กาก้าก็ได้ตอบกลับไปเช่นกันว่า
"Don't ever call me Stefani again."
"อย่าได้เรียกฉันว่าสเตฟานี่อีก" < คือจริงๆยังเรียกได้นะครับ แต่กาก้าพูดในฐานะของศิลปินว่าให้เรียกว่ากาก้าดีกว่า กาก้าเคยให้สัมภาษณ์ไว้อีกเช่นกันว่า หากฉันกำลังมีเซ็กส์ ฉันอยากให้คู่นอนของฉันเรียกฉันว่าสเตฟานี่ดีกว่าเลดี้กาก้าแน่นอน
แต่ไม่ว่ายังไง The New York Post ก็ยังเคลือบแคลงที่มาของชื่อนี้อยู่ไม่น้อย เพราะคิดว่าชื่อนี้ได้มาจาก lady starlight
ผลงาน RED&BLUE ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร Rob Fusari และ Lady Gaga ทั้งคู่จึงได้เริ่มก่อตั้งตัวใหม่และจัดทำเพลงแนว electropop แทน และได้ผลตอบรับกลับมาในทางที่ดี เธอได้รับโอกาสอีกครั้ง เพลงที่ออกมาผมชอบนะ ลองฟังดู อย่างเพลงนี้ Boys Boys Boys
ต่อมาในปี 2008 กาก้าได้ย้ายไปอยู่ที่ลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย กาก้าได้เร่งทำอัลบั้มเปิดตัว 'LADY GAGA' ในชื่ออัลบั้ม The Fame และ The Fame Monster มาถึงช่วงที่โลกได้รู้จักเธอกันแล้ว มาดูกันดีกว่า
กาก้าได้ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 บุคคลน่าชื่นชมมากที่สุดแห่งปี 2009 โดยบาร์บารา วอลเทอร์ส ระหว่างรายการวอลเตอร์ส แอนนวล เอบีซี สเปเชียล ในระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการเธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามในข้อกล่าวหาที่ว่าเธอเป็นกะเทยแท้ ที่มีสองเพศในตัวเองตามข่าวลือ และตอบกลับไปว่า "ตอนแรก ๆ เรื่องนี้มันแปลกแต่ทุกคนก็คิดว่ามันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ แต่ฉันเองเชื่อว่า ตัวเองมีภาพลักษณ์ของสาวประเภทสองจริงๆ และฉันเองก็รักพวกสามประเภทสองด้วยนะ"
ในปี2010 เลดี้กาก้าใส่แว่น ตาแต่งตัวเรียบร้อยกระโดดขึ้นเวทีเป็นผู้นำม็อบที่เมืองปอร์ตแลนด์ ในการรณรงค์เรียกร้องให้วุฒิสภาลงมติทบทวนนโยบาย Don't Ask Don't Tell ของกองทัพที่เกี่ยวกับชาวรักร่วมเพศ มีคนราว 2 พันเข้าร่วมการเดินขบวนซึ่งนำโดยทหารผ่านศึก ทั้งบก อากาศ และนาวิกโยธิน ผู้ถูกปลดออกเพียงเพราะเป็นเกย์หรือเลสเบียน
Lady Gaga speaks out for gay rights
Lady Gaga Presents: The Monster Ball Tour
จบไปสำหรับอัลบั้ม The Fame monster ของเธอ และเริ่มต้นเข้าสู่ก้าวใหม่ BORN THIS WAY
Lady Gaga - Born This Way In Live VMA 2010 กับชุดเนื้อของเธอ ที่มีความหมายว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นแค่เศษเนื้อเท่านั้น ตัวเธอเองก็มีหัวใจ
กาก้าในชุดเนื้อสดที่ออกแบบโดยฟรังค์ เฟอร์ดินานด์ ในระหว่างพิธีมอบรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิค อวอร์ดส
ในปี 2011 เลดี้กาก้าได้ขอร่วมไว้อาลัยให้กับ "เจมี โรดเมเยอร์" เด็กชายวัย 14 ปีที่เพิ่งฆ่าตัวตายเพราะถูกรุมรังแกโดนล้อเป็นเกย์ บนเวที iHeartRadio Music Festival ที่จัดขึ้นในลาสเวกัส
Lady Gaga - Hair (Live at iHeartRadio 2011) RIP Jamey
เลดี้ กาก้าได้ใช้เพลง Hair เพื่อบอกผู้ชมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ฉันเขียนเพลงนี้ซึ่งเป็นเรื่องราวบอกเล่าว่า ตัวตนของคุณเป็นอย่างไรก็ต่อเมื่อได้รับสิ่งต่างๆขณะอยู่ในโรงเรียน..ดังนั้นคืนนี้ เจมี ฉันรู้ว่าเธออยู่บนนั้นกำลังมองพวกเราอยู่ และเธอไม่ได้เป็นเหยื่อ เธอเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับพวกเราทุกคน"
"เธอไม่จำเป็นต้องเป็นไอ้ขี้แพ้ในโรงเรียนมัธยมโดยเด็กนักเรียนจอมอันธพาลหรอกนะ เจ้าพวกนั้นมันต่างมาจากหลากหลายที่มา ให้อยู่กับคนที่เธอไว้ใจได้ มันไม่ได้หมายความว่าคุณมีเพื่อนน้อยหรอกนะ บางครั้งเธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นบุคคลที่เติบโตขึ้นมา"
ในการอุทิศเพลงให้กับเจมี ครั้งนี้ เลดี้ กาก้า ยังได้หยุดกลางเพลงเพื่อพูดว่า "การรังแกคนอื่นมีไว้สำหรับพวกขี้แพ้"
ตามรายงานระบุว่า เจมี ก่อนจะจากโลกนี้ไปเขาได้โพสท์เนื้อเพลง The Queen ของ เลดี้ กาก้า ที่เขายกให้เป็นไอดอลในดวงใจลงใน Facebook ของเขา พร้อมข้อความว่า "อย่าลืมผมตอนที่ผมกำลังร้องไห้อยู่หน้าประตูสวรรค์"
เจมี ฆ่าตัวตายหลังจากที่ตัวเขาถูกแกล้งและถูกถากถางมาเป็นเวลานานนับปีจากเด็กคนอื่นๆ เขาร้องขอความช่วยเหลือในโลกสังคมออนไลน์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง โดยเขาระบุว่าเขาต้องการมีชีวิตของเขาเอง แต่ก็นำมาซึ่งความเห็นร้ายๆมากมายจากบรรดาเพื่อนๆของเขา
โดยหนึ่งในนั้นระบุว่า "เจมีไอ้โง่, เกย์, อ้วน, อัปลักษณ์ เขาต้องตาย" "ฉันไม่สนหรอกถ้านายตาย ไม่มีใครสนด้วย เอาเลย ทำเลย มันคงจะทำให้ทุกคนมีความสุขขึ้น!"
เจมี ได้เขียนข้อความลงใน Tumblr ว่า "ผมพยายามพูดเสมอว่าผมโดนกลั่นแกล้งยังไง แต่ไม่มีใครฟังผมเลย ผมจะทำยังไงดีเพื่อให้มีคนฟังผมบ้าง?" ผ่านมาไม่ถึงหนึ่งวัน เจมี ก็ได้ทิ้งข้อความไว้ 2 ข้อความในบล็อกของเขาก่อนจะลาโลกโดยระบุว่าเขาตั้งตาคอยที่จะได้พบกับยายทวดของเขา ที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานนี้ และอีกหนึ่งข้อความไปยัง เลดี้ กาก้า โดยขอบคุณเธอสำหรับข้อความและสารดีๆที่เธอพยายามนำเสนอออกมาเกี่ยวกับการสนับสนุนชาวเกย์
ทางด้าน เทรซี โรดเมเยอร์ แม่ของเจมี ได้พูดถึงลูกชายของเขาว่า "เขาเข้าถึงใจของหลายๆคน ฉันไม่รู้ว่ามีคนมากแค่ไหนที่สัมผัสเขาได้ในเรื่องนี้ เขาเป็นเด็กน่ารัก เป็นเด็กที่จิตใจดีที่สุดคนหนึ่งเลย เขาจะให้ใจทั้งหมดกับคุณก่อนที่เขาจะให้กับตัวเขาเองเสียอีก"
ด้าน ทิม โรดเมเยอร์ พ่อของเขาได้พูดในนามของลูกชายของเขาว่า "ถึงเด็กๆที่ชอบรังแกคนอื่น พึงระลึกไว้เสมอนะว่าคำพูดพวกนั้นมันมีพลังมหาศาลและถ้าคิดว่าทำแค่สนุกๆและเป็นเกมส์อย่างหนึ่งมันไม่สนุกด้วยเลยสำหรับบางคน และที่สำคัญคุณกำลังทำลายชีวิตหลายๆชีวิตเลย"
===========================================
ไว้มาต่อวันหลังอีกนะ วันนี้เหนื่อยแล้ว 555555555