เสน่ห์ของการ Battle มันอยู่ตรงไหนรู้มั๊ยครับ
ด้านสว่าง มันคือความสนุก ความมันส์ ที่ได้ฟังการร้องที่กลมกลืม เหมือนคนนึงถามแล้วอีกคนนึงตอบ ถ้าถามและตอบกันรู้เรื่องเป็นภาษาเดียวกัน ทันกัน แม้เสียงจะคนละแนวแต่สามารถร้องและส่งเสริมกันได้ เพลงนั้นจะมีมิติน่าฟังขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ด้านมืด มันเปรียบเหมือนเราฟังเพลงที่ Bitrates 128 kbps กับลำโพงราคา 1 ล้านบาทอ่ะครับ ลำโพงที่ดี ๆ มันจะถ่ายทอดเสียงออกมาให้เราได้ยินแบบชัดเจนมาก ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าเสียงไม่ดีจริง ๆ ลำโพงมันจะฟ้องครับ จากเพลงที่เคยฟังได้กลายเป็นเพลงที่ฟังไม่ได้ซะงั้น การ Battle ก็คล้าย ๆ กัน เวลาร้องคนเดียวฟังดูแล้ว เอ้อ! เหมือนจะดีแห๊ะ แต่พอร้องกับอีกคนมันจะเกิดข้อเปรียบเทียบชัดเจน ประโยคต่อประโยค กันเลยทีเดียว คนที่เราเคยฟังว่าดีเวลาร้องคนเดียว คราวนี้กลับไม่ใช่ซะแล้ว
โอปอล์ VS ปูเป้ - Bring Me To Life
เพลงนี้เป็นเพลงที่เลือกมาได้ดีเพลงนึงเลยครับ โค้ชคิ้มพัฒนาขึ้นมาจากซีซั่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเลยนะผมว่า แต่!!
ผมให้น้องโอปอล์ชนะตั้งแต่ยังไม่ได้ร้องเลยครับ ทำไมรู้มั๊ย จริง ๆ มันเป็นการยากมาก ๆ ที่คนที่มีสรีระแบบผู้ชายจะมาร้องเสียงผู้หญิง เพราะการหลบเสียงขึ้นสูงไปร้องเสียงผู้หญิงนั่นเป็นการใช้ความสามารถที่มีในการร้องเพลงไปจนหมดสิ้นแล้ว ไหนจะต้องประคองเสียงไม่ให้เพี้ยน ไหนจะต้องคุมเสียงในนุ่มนวลน่าฟังเหมือนเสียงผู้หญิงจริง ๆ แค่นี้ก็หมดแล้วครับ ไม่สามารถจะสร้างมิติหรือเล่นอะไรได้อีกแล้ว ยิ่งต้องมาร้องคู่กับผู้หญิงจริง ๆ นี่ความต่างมันเกิดชัดมาก
น้องโอปอล์ – แกว่งหน่อยนึงตอนขึ้นต้น และมีอีกบางช่วงที่แกว่งเหมือนกัน แต่สำหรับน้อง เพลงนี้ไม่ต้องใช้ความสามารถมากนักหรอกครับ ร้องธรรมดาก็พอเพราะเสียง Soprano แบบธรรมชาติกับเพลงคลาสสิคร๊อคแค่นี้ก็เหลือเฟื่อ จริง ๆ ถ้าเล่นลูก Improvise มากกว่านี้อีกสักหน่อยจะขาดลอยมากกว่านี้ครับ แต่ปัญหาคือถ้าร้องเพลงแนว Pop ธรรมดาจะร้องยังไงล่ะทีนี้ เพราะคนเคยร้องโอเปร่าห์จะให้มาร้องเพลงธรรมดาแล้วไม่ให้เหมือนคลาสสิคนี่ยังไม่เห็นสักคนที่ลงมาได้เลยครับ
ปูเป้ – อย่างที่บอกไปแล้วล่ะครับ คุณปูเป้ใช้ความสามารถในการร้องไปทั้งหมดแล้วกับการหลบเสียงขึ้นไปร้องเสียงผู้หญิง จึงไม่สามารถเล่นอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว เอาแค่เร่งให้เสียงดังกว่านี้ยังลำบากเลยครับ มีโอกาสคุมเสียงไม่อยู่ได้ง่าย ๆ ไม่รู้จะเอาอะไรมาสู้แล้วล่ะครับ
สรุป: ไม่มีข้อสงสัยแต่ประการใดครับ ฟังออกค่อนข้างชัดเจนกันทีเดียว
โอปอล์ VS อ้น - อยู่ต่อเลยได้ไหม
สัปดาห์นี้ผมว่าผมชอบเพลงนี้ที่สุดแล้วครับ ร้องสไตล์เดียวกัน ลูกเล่นไม่ต้องมาก แต่ได้ความลื่นไหลน่าฟังจริง ๆ นะครับ เหมือนเค้าถามตอบกันลงตัวดีครับ ทั้งสองเป็นนักร้องที่ควรจะอยู่ต่อทั้งคู่แหล่ะครับ การจับเอาสองคนนี้มาชนกันนี่เป็นเรื่องยากมากที่จะตัดสินครับ
โอปอล์ – เสียงฟังรื่นหู ลื่นไหล และพริ้วไหวซะเหลือเกิน น้องร้องได้เป็นธรรมชาติดีครับ แล้วหน้าตายังหล่อซะด้วย (หรือเปล่า? ผู้ชายด้วยกันบางทีก็ดูไม่ออกอ่ะครับ สังเกตุจากเสียงกรี๊ดเอาครับ 555) ที่สำคัญอีกเรื่องคือร้องประสานเสียงดีอีกต่างหาก เอาแค่ลากเสียงตอนจบถ้าหูไม่แม่นจริง ๆ ร้องโน๊ตตัวนั้นไม่ง่ายเลยนะครับขอบอก
อ้น – เป็นอีกคนที่มีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์นะครับ มีชั้นเชิงในการร้องอีกแบบนึง อาจจะไม่ลื่นไหลเท่าแต่คำแต่ละคำที่ร้องออกมามันชัดเจนและมีความเท่ห์อ่ะครับ อธิบายไม่ถูก
สรุป: โอปอล์ชนะไปได้แบบฉิวเฉียดจริง ๆ ครับ คือภาพรวมในการร้องเพลงแบบนี้ฟังแล้วครบเครื่องเรื่องต้มยำมากว่าคุณอ้นหน่อยนึงครับ และดีใจครับที่โค้ชโจอี้ขโมยตัวไปได้ เยี่ยมเลยครับ
ตุ๊กตา VS ปลา – ไม่บอกเธอ
ไม่รู้ท่านอื่น ๆ จะรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็กเลยอ่ะ ตุ๊กตานั่นเหมือนผู้ใหญ่ที่ร้องคู่กับเด็กเลยครับ คุมเวทีเก่งมาก ลองสังเกตุดูครับตุ๊กตาจะเป็นผู้นำตลอดในการเคลื่อนที่บริเวณรอบเวที แล้วน้องปลาจะขยับตาม แม้แต่การสื่อสารกันทางสายตาหรือภาษากาย ตุ๊กตาก็เป็นคนเปิดประตูออกมาก่อนตลอด
ตุ๊กตา – ละลายเลยอ่ะ ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มากนะครับ ร้องออกมาแต่ละคำทั้ง ๆ ที่เสียงก็ไม่ได้ดีมากมายอะไร แต่ความรู้สึกที่ส่งออกมาทางสายตาและรอยยิ้มทำให้โลกสดใสน่าอยู่จัง เธอมีประสบการณ์บนเวทีเยอะเลยครับ คุมเวทีได้หมด การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างธรรมชาติจริง ๆ
น้องปลา – ขึ้นเวทีกับนักร้องเจนเวทีแบบนี้ลำบากครับ น้องร้องเพี้ยนค่อนข้างเยอะเลย แกว่งไปแกว่งมาหลายครั้งเหมือนกัน คงจะตื่นเต้นน่าดู อาจจะเป็นเพราะแบบนี้การร้องเลยไม่มีเสน่ห์เลยครับ
สรุป: ชนะใสเลยครับคู่นี้
กิต VS เบ็น - Time Of My Life
หลังท่อนแร๊บเละเทะเลยอ่ะครับ เป็นเพลงที่ไม่ชอบที่สุดของสัปดาห์นี้ เป็นคู่ที่ไม่เข้ากันอย่างแรง พากันออกทะเลกลับฝั่งไม่ได้เลยจริง ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าจะเขียน review นี่ฟังไม่จบเพลงแน่นอน ตอนที่น้องเบ็นร้องขึ้นมาคำแรก เออฟังดูดีแห๊ะ แต่ไป ๆ มา ๆ ทำไมร้องจับใจความไม่ได้ซะอย่างนั้น ส่วนคุณกิตนั่นก็น่าจะร้องเป็นหลักให้ได้สักหน่อย แต่ก็เปล่าเลย โดยเฉพาะการประสานเสียงของคู่นี้สอบตกเลยครับ ไปร้องโน๊ตคู่ที่ไม่มีใครเค้าเอามาร้องประสานกัน ไม่มีใครร้องโน๊ตตัวหลักสักคน ปล่อยมาได้ไงเนี่ยโค้ชโจอี้
กิต – เอ่ะอ่ะก็จะใช้ความยิ่งใหญ่อลังการณ์ตลอดเลยน้า เพลงบางเพลงหรือบางท่อนไม่ควรใช้ก็ยังจะใช้ สำหรับเพลงนี้ควรจะร้องเป็นหลักไว้ แล้วให้น้องเบ็นออกสีสันไป แต่กลับไป improvise ซะเมามัน ที่สำคัญมันไม่เข้ากับเพลง แล้วยังทำให้คนร้องคู่ด้วยร้องไม่ออกอีกต่างหาก เสียงแบบนี้สไตล์การร้องแบบนี้ หาเพลงร้องยากมากนะครับ ต้องแต่งเพลงใหม่มาร้องเท่านั้น ไม่งั้นต้องกลับไปร้องเพลงของ Tom Jones ตลอดชีวิต 555 จริง ๆ เสียงแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ นะครับสำหรับคนไทย ถ้าปรับนิดนึงไปร้องแบบ Andrea Bocelli น่าจะได้นะครับ
น้องเบ็น – ไปไม่เป็นเลยนะน้อง เจอคู่แบบนี้เข้าไป ตอนแรกดูเหมือนจะดีแต่พอร้อง ๆ ไปจับใจความใด ๆ ไม่ได้เลย น่าเห็นใจนะครับ จริง ๆ ผมว่าโค้ชโจอี้เลือกเพลงนี้มาเข้าทางน้องมากกว่าด้วยซ้ำ อุตส่าห์แอบใส่ท่อนแร๊พมาให้
สรุป: อยากรู้จังว่าตอนซ้อมนี่เค้าร้องกันยังไง แต่ไม่น่าจะใช่แบบนี้แน่ เพราะโค้ชโจอี้ยังทำหน้าเหยเกซะขนาดนั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดมากของความไม่เข้ากัน การตัดสินคู่นี้ทำได้อย่างเดียวคือเลือกคนที่ร้องได้น้ำได้เนื้อ เป็นเรื่องเป็นราว และจับใจความได้มากที่สุดเท่านั้นแหล่ะครับ แล้วจะเลือกใครได้นอกจากคุณกิตล่ะครับ
ฝน VS วอลนัท - แค่คุณ
จริง ๆ คู่นี้ไม่ได้สูสีกันเหมือนที่โค้ชพูดออกมาหลังจากจบเพลงนะครับ ฟังออกชัดมากว่าใครเหนือกว่า แล้วนิดนึงครับโค้ชโจอี้คงมีเขินเล็กน้อย เพราะท่อนสุดท้ายนั่นไม่ใช่ไทยเดิมเลยนะครับ แต่เป็นลูกทุ่งต่างหาก ริทึ่มแบบนั้นไม่มีในไทยเดิมแต่มีอยู่ในเพลงลูกทุ่งทั่ว ๆ ไปครับ แต่น้องวอลนัทเค้าไปร้องสไตล์แบบไทยเดิมมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนั้น
น้องฝน – น้องคนนี้ผมชอบมากเลยตั้งแต่ได้ฟังรอบ Blind เสียงน้องใสกังวาลมาก แล้วมีเทคนิคการร้องที่เหมาะกับเสียงตัวเองมากด้วย ปลายเสียงเวลาทอดยาว ๆ ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย 555 อีกอย่างคือมี sense การร้องเพลงที่ดีมาก ๆ sense การร้องเพลงผมพูดง่าย ๆ คือ การดีไซน์โน๊ตในการร้องได้เหมาะเจาะกับเพลง ๆ นั้น รู้ว่าควรจะใส่อะไร แค่ไหน ชอบครับน้องฝน
น้องวอลนัท – น้องร้องเพลงได้ดีมากเลยทีเดียวครับ ติดนิดนึงอาจจะตีความและดีไซน์การร้องออกมาผิดไปหน่อยตรงท่อนลูกทุ่ง เลยฟังดูแปลก ๆ และออกจากเกิน ๆ ไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วดีครับ
สรุป: ผมให้เป็นเอกฉันท์นะครับคู่นี้
สงกรานต์ VS ต้า
ถ้าร้องเต็ม ๆ เสียงได้เท่า ๆ กันเพลงนี้จะสะใจมากกว่านี้อีกครับ เสียดายที่น้องต้าเค้าร้องแบบเต็ม ๆ เสียงไม่ค่อยได้ แต่แค่นี้ก็ค่อนข้างชัดแล้วครับว่าใครร้องได้ดีกว่ากัน
สงกรานต์ – หนักแน่น แม่นยำ ร้องเต็มเสียงดีเหลือเกิน อย่าพยายามว๊ากกกมากเกิน หรือหวีดเสียงเป็นอันขาดเพราะเสียงจะหลง ร้องแบบนี้แหล่ะ บี้เสียงให้หนัก ๆ ให้เจ็บ ๆ เข้าไว้ เสียงร้องแบบแท้ ๆ ของน้องสะใจดีนักเชียว
ต้า– เอาจริง ๆ ร้องได้แบบน้องต้านี่ก็ดีอย่างเสียอย่างนะครับ ดีตรงที่มีท่าไม้ตายที่ค่อยข้างรุนแรง แต่เสียตรงที่ใช้บ่อย ๆ มันเหนื่อยและจะเริ่มเดาออก เสียงเต็ม ๆ ของน้องไม่ค่อยดีนะครับ ธรรมดา ๆ มาก มีดีตรงเสียงหวีดอย่างเดียวเลย เวลาลงมาร้องเสียงแบบธรรมชาติมีโอกาสเพี้ยนอยู่พอสมควรเลยครับ เพราะถนัดร้องแบบ (Harmonic ไม่รู้จริงเค้าเรียกกันแบบนี้หรือเปล่า) แล้วเพลงนี้ก็ร้องเพี้ยนไปหลายดอกอยู่เหมือนกันครับ
สรุป: ถึงจะมีท่าไม้ตายแต่เป็นท่าไม้ตายที่เดาง่ายครับ น้องต้าแพ้ลูกเบสิคครับ น้องสงกรานต์ร้องได้เต็มและมีไดนามิคมากกว่าเยอะ ไม่ขัดสายตาครับคู่นี้ การแย่งกัน Steal ของโค้ชที่เหลือนี่ ผมมองว่าน้องต้าเค้าร้องได้แค่นี้ครับ เดาทางออกเป็นม้าที่สปีดไม่ขึ้นไปมากกว่านี้แล้วครับ
ขอบคุณที่อ่านครับ
[CR] The Voice Thailand Review: Battle Round 27/10/2013 (ความเห็นส่วนตัวครับ)
ด้านสว่าง มันคือความสนุก ความมันส์ ที่ได้ฟังการร้องที่กลมกลืม เหมือนคนนึงถามแล้วอีกคนนึงตอบ ถ้าถามและตอบกันรู้เรื่องเป็นภาษาเดียวกัน ทันกัน แม้เสียงจะคนละแนวแต่สามารถร้องและส่งเสริมกันได้ เพลงนั้นจะมีมิติน่าฟังขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ด้านมืด มันเปรียบเหมือนเราฟังเพลงที่ Bitrates 128 kbps กับลำโพงราคา 1 ล้านบาทอ่ะครับ ลำโพงที่ดี ๆ มันจะถ่ายทอดเสียงออกมาให้เราได้ยินแบบชัดเจนมาก ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าเสียงไม่ดีจริง ๆ ลำโพงมันจะฟ้องครับ จากเพลงที่เคยฟังได้กลายเป็นเพลงที่ฟังไม่ได้ซะงั้น การ Battle ก็คล้าย ๆ กัน เวลาร้องคนเดียวฟังดูแล้ว เอ้อ! เหมือนจะดีแห๊ะ แต่พอร้องกับอีกคนมันจะเกิดข้อเปรียบเทียบชัดเจน ประโยคต่อประโยค กันเลยทีเดียว คนที่เราเคยฟังว่าดีเวลาร้องคนเดียว คราวนี้กลับไม่ใช่ซะแล้ว
โอปอล์ VS ปูเป้ - Bring Me To Life
เพลงนี้เป็นเพลงที่เลือกมาได้ดีเพลงนึงเลยครับ โค้ชคิ้มพัฒนาขึ้นมาจากซีซั่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเลยนะผมว่า แต่!!
ผมให้น้องโอปอล์ชนะตั้งแต่ยังไม่ได้ร้องเลยครับ ทำไมรู้มั๊ย จริง ๆ มันเป็นการยากมาก ๆ ที่คนที่มีสรีระแบบผู้ชายจะมาร้องเสียงผู้หญิง เพราะการหลบเสียงขึ้นสูงไปร้องเสียงผู้หญิงนั่นเป็นการใช้ความสามารถที่มีในการร้องเพลงไปจนหมดสิ้นแล้ว ไหนจะต้องประคองเสียงไม่ให้เพี้ยน ไหนจะต้องคุมเสียงในนุ่มนวลน่าฟังเหมือนเสียงผู้หญิงจริง ๆ แค่นี้ก็หมดแล้วครับ ไม่สามารถจะสร้างมิติหรือเล่นอะไรได้อีกแล้ว ยิ่งต้องมาร้องคู่กับผู้หญิงจริง ๆ นี่ความต่างมันเกิดชัดมาก
น้องโอปอล์ – แกว่งหน่อยนึงตอนขึ้นต้น และมีอีกบางช่วงที่แกว่งเหมือนกัน แต่สำหรับน้อง เพลงนี้ไม่ต้องใช้ความสามารถมากนักหรอกครับ ร้องธรรมดาก็พอเพราะเสียง Soprano แบบธรรมชาติกับเพลงคลาสสิคร๊อคแค่นี้ก็เหลือเฟื่อ จริง ๆ ถ้าเล่นลูก Improvise มากกว่านี้อีกสักหน่อยจะขาดลอยมากกว่านี้ครับ แต่ปัญหาคือถ้าร้องเพลงแนว Pop ธรรมดาจะร้องยังไงล่ะทีนี้ เพราะคนเคยร้องโอเปร่าห์จะให้มาร้องเพลงธรรมดาแล้วไม่ให้เหมือนคลาสสิคนี่ยังไม่เห็นสักคนที่ลงมาได้เลยครับ
ปูเป้ – อย่างที่บอกไปแล้วล่ะครับ คุณปูเป้ใช้ความสามารถในการร้องไปทั้งหมดแล้วกับการหลบเสียงขึ้นไปร้องเสียงผู้หญิง จึงไม่สามารถเล่นอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว เอาแค่เร่งให้เสียงดังกว่านี้ยังลำบากเลยครับ มีโอกาสคุมเสียงไม่อยู่ได้ง่าย ๆ ไม่รู้จะเอาอะไรมาสู้แล้วล่ะครับ
สรุป: ไม่มีข้อสงสัยแต่ประการใดครับ ฟังออกค่อนข้างชัดเจนกันทีเดียว
โอปอล์ VS อ้น - อยู่ต่อเลยได้ไหม
สัปดาห์นี้ผมว่าผมชอบเพลงนี้ที่สุดแล้วครับ ร้องสไตล์เดียวกัน ลูกเล่นไม่ต้องมาก แต่ได้ความลื่นไหลน่าฟังจริง ๆ นะครับ เหมือนเค้าถามตอบกันลงตัวดีครับ ทั้งสองเป็นนักร้องที่ควรจะอยู่ต่อทั้งคู่แหล่ะครับ การจับเอาสองคนนี้มาชนกันนี่เป็นเรื่องยากมากที่จะตัดสินครับ
โอปอล์ – เสียงฟังรื่นหู ลื่นไหล และพริ้วไหวซะเหลือเกิน น้องร้องได้เป็นธรรมชาติดีครับ แล้วหน้าตายังหล่อซะด้วย (หรือเปล่า? ผู้ชายด้วยกันบางทีก็ดูไม่ออกอ่ะครับ สังเกตุจากเสียงกรี๊ดเอาครับ 555) ที่สำคัญอีกเรื่องคือร้องประสานเสียงดีอีกต่างหาก เอาแค่ลากเสียงตอนจบถ้าหูไม่แม่นจริง ๆ ร้องโน๊ตตัวนั้นไม่ง่ายเลยนะครับขอบอก
อ้น – เป็นอีกคนที่มีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์นะครับ มีชั้นเชิงในการร้องอีกแบบนึง อาจจะไม่ลื่นไหลเท่าแต่คำแต่ละคำที่ร้องออกมามันชัดเจนและมีความเท่ห์อ่ะครับ อธิบายไม่ถูก
สรุป: โอปอล์ชนะไปได้แบบฉิวเฉียดจริง ๆ ครับ คือภาพรวมในการร้องเพลงแบบนี้ฟังแล้วครบเครื่องเรื่องต้มยำมากว่าคุณอ้นหน่อยนึงครับ และดีใจครับที่โค้ชโจอี้ขโมยตัวไปได้ เยี่ยมเลยครับ
ตุ๊กตา VS ปลา – ไม่บอกเธอ
ไม่รู้ท่านอื่น ๆ จะรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็กเลยอ่ะ ตุ๊กตานั่นเหมือนผู้ใหญ่ที่ร้องคู่กับเด็กเลยครับ คุมเวทีเก่งมาก ลองสังเกตุดูครับตุ๊กตาจะเป็นผู้นำตลอดในการเคลื่อนที่บริเวณรอบเวที แล้วน้องปลาจะขยับตาม แม้แต่การสื่อสารกันทางสายตาหรือภาษากาย ตุ๊กตาก็เป็นคนเปิดประตูออกมาก่อนตลอด
ตุ๊กตา – ละลายเลยอ่ะ ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มากนะครับ ร้องออกมาแต่ละคำทั้ง ๆ ที่เสียงก็ไม่ได้ดีมากมายอะไร แต่ความรู้สึกที่ส่งออกมาทางสายตาและรอยยิ้มทำให้โลกสดใสน่าอยู่จัง เธอมีประสบการณ์บนเวทีเยอะเลยครับ คุมเวทีได้หมด การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างธรรมชาติจริง ๆ
น้องปลา – ขึ้นเวทีกับนักร้องเจนเวทีแบบนี้ลำบากครับ น้องร้องเพี้ยนค่อนข้างเยอะเลย แกว่งไปแกว่งมาหลายครั้งเหมือนกัน คงจะตื่นเต้นน่าดู อาจจะเป็นเพราะแบบนี้การร้องเลยไม่มีเสน่ห์เลยครับ
สรุป: ชนะใสเลยครับคู่นี้
กิต VS เบ็น - Time Of My Life
หลังท่อนแร๊บเละเทะเลยอ่ะครับ เป็นเพลงที่ไม่ชอบที่สุดของสัปดาห์นี้ เป็นคู่ที่ไม่เข้ากันอย่างแรง พากันออกทะเลกลับฝั่งไม่ได้เลยจริง ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าจะเขียน review นี่ฟังไม่จบเพลงแน่นอน ตอนที่น้องเบ็นร้องขึ้นมาคำแรก เออฟังดูดีแห๊ะ แต่ไป ๆ มา ๆ ทำไมร้องจับใจความไม่ได้ซะอย่างนั้น ส่วนคุณกิตนั่นก็น่าจะร้องเป็นหลักให้ได้สักหน่อย แต่ก็เปล่าเลย โดยเฉพาะการประสานเสียงของคู่นี้สอบตกเลยครับ ไปร้องโน๊ตคู่ที่ไม่มีใครเค้าเอามาร้องประสานกัน ไม่มีใครร้องโน๊ตตัวหลักสักคน ปล่อยมาได้ไงเนี่ยโค้ชโจอี้
กิต – เอ่ะอ่ะก็จะใช้ความยิ่งใหญ่อลังการณ์ตลอดเลยน้า เพลงบางเพลงหรือบางท่อนไม่ควรใช้ก็ยังจะใช้ สำหรับเพลงนี้ควรจะร้องเป็นหลักไว้ แล้วให้น้องเบ็นออกสีสันไป แต่กลับไป improvise ซะเมามัน ที่สำคัญมันไม่เข้ากับเพลง แล้วยังทำให้คนร้องคู่ด้วยร้องไม่ออกอีกต่างหาก เสียงแบบนี้สไตล์การร้องแบบนี้ หาเพลงร้องยากมากนะครับ ต้องแต่งเพลงใหม่มาร้องเท่านั้น ไม่งั้นต้องกลับไปร้องเพลงของ Tom Jones ตลอดชีวิต 555 จริง ๆ เสียงแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ นะครับสำหรับคนไทย ถ้าปรับนิดนึงไปร้องแบบ Andrea Bocelli น่าจะได้นะครับ
น้องเบ็น – ไปไม่เป็นเลยนะน้อง เจอคู่แบบนี้เข้าไป ตอนแรกดูเหมือนจะดีแต่พอร้อง ๆ ไปจับใจความใด ๆ ไม่ได้เลย น่าเห็นใจนะครับ จริง ๆ ผมว่าโค้ชโจอี้เลือกเพลงนี้มาเข้าทางน้องมากกว่าด้วยซ้ำ อุตส่าห์แอบใส่ท่อนแร๊พมาให้
สรุป: อยากรู้จังว่าตอนซ้อมนี่เค้าร้องกันยังไง แต่ไม่น่าจะใช่แบบนี้แน่ เพราะโค้ชโจอี้ยังทำหน้าเหยเกซะขนาดนั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดมากของความไม่เข้ากัน การตัดสินคู่นี้ทำได้อย่างเดียวคือเลือกคนที่ร้องได้น้ำได้เนื้อ เป็นเรื่องเป็นราว และจับใจความได้มากที่สุดเท่านั้นแหล่ะครับ แล้วจะเลือกใครได้นอกจากคุณกิตล่ะครับ
ฝน VS วอลนัท - แค่คุณ
จริง ๆ คู่นี้ไม่ได้สูสีกันเหมือนที่โค้ชพูดออกมาหลังจากจบเพลงนะครับ ฟังออกชัดมากว่าใครเหนือกว่า แล้วนิดนึงครับโค้ชโจอี้คงมีเขินเล็กน้อย เพราะท่อนสุดท้ายนั่นไม่ใช่ไทยเดิมเลยนะครับ แต่เป็นลูกทุ่งต่างหาก ริทึ่มแบบนั้นไม่มีในไทยเดิมแต่มีอยู่ในเพลงลูกทุ่งทั่ว ๆ ไปครับ แต่น้องวอลนัทเค้าไปร้องสไตล์แบบไทยเดิมมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนั้น
น้องฝน – น้องคนนี้ผมชอบมากเลยตั้งแต่ได้ฟังรอบ Blind เสียงน้องใสกังวาลมาก แล้วมีเทคนิคการร้องที่เหมาะกับเสียงตัวเองมากด้วย ปลายเสียงเวลาทอดยาว ๆ ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย 555 อีกอย่างคือมี sense การร้องเพลงที่ดีมาก ๆ sense การร้องเพลงผมพูดง่าย ๆ คือ การดีไซน์โน๊ตในการร้องได้เหมาะเจาะกับเพลง ๆ นั้น รู้ว่าควรจะใส่อะไร แค่ไหน ชอบครับน้องฝน
น้องวอลนัท – น้องร้องเพลงได้ดีมากเลยทีเดียวครับ ติดนิดนึงอาจจะตีความและดีไซน์การร้องออกมาผิดไปหน่อยตรงท่อนลูกทุ่ง เลยฟังดูแปลก ๆ และออกจากเกิน ๆ ไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วดีครับ
สรุป: ผมให้เป็นเอกฉันท์นะครับคู่นี้
สงกรานต์ VS ต้า
ถ้าร้องเต็ม ๆ เสียงได้เท่า ๆ กันเพลงนี้จะสะใจมากกว่านี้อีกครับ เสียดายที่น้องต้าเค้าร้องแบบเต็ม ๆ เสียงไม่ค่อยได้ แต่แค่นี้ก็ค่อนข้างชัดแล้วครับว่าใครร้องได้ดีกว่ากัน
สงกรานต์ – หนักแน่น แม่นยำ ร้องเต็มเสียงดีเหลือเกิน อย่าพยายามว๊ากกกมากเกิน หรือหวีดเสียงเป็นอันขาดเพราะเสียงจะหลง ร้องแบบนี้แหล่ะ บี้เสียงให้หนัก ๆ ให้เจ็บ ๆ เข้าไว้ เสียงร้องแบบแท้ ๆ ของน้องสะใจดีนักเชียว
ต้า– เอาจริง ๆ ร้องได้แบบน้องต้านี่ก็ดีอย่างเสียอย่างนะครับ ดีตรงที่มีท่าไม้ตายที่ค่อยข้างรุนแรง แต่เสียตรงที่ใช้บ่อย ๆ มันเหนื่อยและจะเริ่มเดาออก เสียงเต็ม ๆ ของน้องไม่ค่อยดีนะครับ ธรรมดา ๆ มาก มีดีตรงเสียงหวีดอย่างเดียวเลย เวลาลงมาร้องเสียงแบบธรรมชาติมีโอกาสเพี้ยนอยู่พอสมควรเลยครับ เพราะถนัดร้องแบบ (Harmonic ไม่รู้จริงเค้าเรียกกันแบบนี้หรือเปล่า) แล้วเพลงนี้ก็ร้องเพี้ยนไปหลายดอกอยู่เหมือนกันครับ
สรุป: ถึงจะมีท่าไม้ตายแต่เป็นท่าไม้ตายที่เดาง่ายครับ น้องต้าแพ้ลูกเบสิคครับ น้องสงกรานต์ร้องได้เต็มและมีไดนามิคมากกว่าเยอะ ไม่ขัดสายตาครับคู่นี้ การแย่งกัน Steal ของโค้ชที่เหลือนี่ ผมมองว่าน้องต้าเค้าร้องได้แค่นี้ครับ เดาทางออกเป็นม้าที่สปีดไม่ขึ้นไปมากกว่านี้แล้วครับ
ขอบคุณที่อ่านครับ