วิจารณ์หนัง : Coffee please กาแฟถ้วยงาม รสแปร่งลิ้น



วัฒนธรรมการดื่มกาแฟในบ้านเราช่วง3-4ปีมานี้ถือว่าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนค่อยๆซึมเข้าไปในวิถีชีวิต โดยเฉพาะในหมู่คนทำงาน
ที่ดูเหมือนว่าการดื่มกาแฟนอกจากจะเป็นการเสพติดรสชาติของมันแล้ว ยังเป็นการเข้าสังคม และกลายเป็นแฟชั่นเล็กๆ

มนุษย์เงินเดือนหลายคนความใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ซึ่งร้านที่ได้รับความนิยมในการออกจากงานประจำมาก่อร่างสร้างตัวคือ ร้านกาแฟ ที่ผ่านมาก็มีทั้งคนที่ขายดีบ้าง ขายไม่ดีบ้าง เจ๊งบ้าง แต่ ร้านกาแฟ ก็ยังเป็นความฝันของใครหลายคนโดยที่ไม่สนต่อคำค่อนแคะที่ว่า ทุกวันนี้บางจังหวัดมีร้านกาแฟมากกว่าเซเว่นซะอีก หรือ หกล้มหัวทิ้มไปทางไหนก็เจอร้านกาแฟ

Coffee please แก้วนี้หัวใจสั่น เป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงประเด็นนี้ได้อย่างน่าสนใจ  เรื่องย่อคือ หนุ่ม (อ๋อม อรรคพันธ์) ผู้ชายมาดกวนที่มีความฝันจะเป็น บาริสต้า เพิ่งกลับจากต่างประเทศก็ต้องเดินทางไปพบพี่ชายที่เชียงรายร่วมกับ เจน (เจนนี่ กรรณิการ์) สถาปนิกสาวกลัวเครื่องบิน ที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองในการทำงาน

ขณะที่ โต (ปิ๊ป รวิชญ์) พี่ชายของหนุ่ม ชายที่ฝันจะสร้างอะไรขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่กลับตกงานนานกว่า1ปี เดินทางมาที่ไร่กาแฟซึ่ง พ่อ (เกรียงไกร อุณหะนันทน์ )ของเขา มอบให้ลูกชายทั้งสอง กับ เฟย์ (จั้กจั่น อคัมย์สิริ) แฟนสาวของหนุ่มที่เบื่องานออฟฟิศและมีความฝันอยากทำไร่กาแฟ โต ทะเลาะกับ หนุ่ม ตั้งแต่เขาไม่ยอมสานต่อกิจการร้านกาแฟที่ระยอง โดยออกจากบ้านไปหางานทำในเมืองใหม่

การกลับมาพบหน้ากันอีกครั้งไม่ได้ช่วยอะไร โต ไม่ได้ติดต่อพ่อเลยนับจากออกจากบ้าน หนุ่ม ท้าให้โตขายไร่ แต่ เฟย์ ขอร้องให้ โต ร่วมมือกันทำไร่กาแฟต่อ เขาทั้งสองลองสร้างไร่ Green Bean ขึ้นจนประสบความสำเร็จจากความช่วยเหลือของชาวบ้าน ขณะที่ โต ซึ่งแอบชอบ เจน ที่รับงานออกแบบให้ Green Beanจึงหาเรื่องมาเชียงรายบ่อยๆ จนเขาเริ่มเข้าใจพี่ชายมากขึ้น

หนังมีมุมให้จับมาเล่นเยอะ ทว่าบทของ Coffee please กลับราบเรียบเป็นเส้นตรงทำให้เนื้อเรื่องน่าเบื่อ ทุกอย่างมันดูง่ายและลงตัวไปหมดจนดูไม่จริง ขาดอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เราเห็นใจหรือเอาใจช่วยตัวละคร ผู้กำกับอย่าง เจนไวยย์ ทองดีนอก กับประกาศิต ภัทรธีรานนท์ ยังเป็นมือใหม่ ควรจะมุ่งไปที่ธีมหลักที่ต้องการสื่อว่าจะเป็นหนังที่เน้น ดราม่า รักโรแมนติก หรือ ตลก กันแน่ เพราะการพยายามผสมทุกอย่างมารวมกันก็คล้ายกับกาแฟรสแปร่ง ซึ่งกาแฟที่ดี หากไม่หวาน ก็ควรจะขมไปเลย

แต่ในเมื่อออกมาไม่สุดสักทางมันเลยทำให้อารมณ์คนดูค้าง ปัญหาความขัดแย้งของคนสองรุ่นน่าจะเป็นส่วนที่นำเสนอได้ดีที่สุดของหนัง เกรียงไกร อุณหะนันทน์ ทำได้ดีในบทพ่อที่คาดหวังในตัวลูกชาย เข้าขากับ ปิ๊ป รวิชญ์ ลูกชายคนโตที่ต่อต้านพ่อได้อย่างดี ขณะที่ อ๋อม อรรคพันธ์ ก็ทำได้ไม่เลวในบทน้องชายคนเล็กอารมณ์ร้อน

ดราม่าครอบครัวนี้ดูดีกว่า ความรักของพระนางสองคู่ในเรื่อง โดยเฉพาะคู่ โต กับ เฟย์ ที่ถูกชูเป็นแกนหลักของเรื่องแต่เคมีของทั้งคู่ไม่เข้ากันทำให้คนดูไม่สามารถอินกับความรักฉาบฉวยครั้งนี้ได้ แม้บทจะจงใจให้ เจนนี่ กรรณิการ์ ที่แสดงเป็น เฟย์ เป็นสาวลูกครึ่งพูดไม่ชัดเหมือนตัวจริง ก้ไม่ช่วยให้การแสดงของเธอดูดีขึ้น

ประเด็นการทำตามความฝันที่ถูกนำเสนอผ่านการแข่งขันประกวดกาแฟในช่วงท้ายที่ก็ออกมาแบบเดาเนื้อหาได้ง่ายๆ ไม่มีความประทับใจเท่าไหร่ ส่วนที่ดูดีรองจากความขัดแย้งในครอบครัวคือ นักแสดงตลกในเรื่องที่ช่วยสร้างสีสันปลุกคนดูไม่ให้หลับทั้ง แอนนา ชวนชื่น และ กล้วยเชิญยิ้ม สมทบด้วย สมเล็ก ศักดิกุล กับ ค่อม ชวนชื่น สองคนหลังนี่เป็นตัวละครที่ออกจะไม่สมจริงไปบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องแลกมากับเสียงหัวเราะผู้ชม

อีกสองคนที่อยากพูดถึงคือ มอร์ วสุพล  ในบทเพื่อนพระเอก คาแร็กเตอร์ของเขาเด่นชัด การแต่งตัว กับ พฤติกรรม แปลกๆของเขาในเรื่อง
ขโมยซีนและเรียกเสียงฮาได้หลายช็อต น่าเสียดายที่บทน้อยไปหน่อย ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะถูกนำมาจับคู่กับ จอย ชลธิชา น่าจะได้เห็นคู่รักตัวรองที่สร้างรอยยิ้มได้ไม่น้อยทีเดียว

โดยรวม Coffee please เป็นหนังที่ภาพสวย โปรดักชั่นดี ตัวละครใช้ได้ทีเดียว ขาดก็แต่ว่าบทซึ่งถูกปรุงแต่งและยัดใส่อะไรมามากเกินไปหน่อย
แทนที่จะพอดี กาแฟจึงดูล้นแก้วใบเล็กๆออกมาจนเลอะเทอะ กาแฟจึงดูล้นแก้วใบเล็กๆออกมาจนเลอะเทอะ รวมถึงรสชาติก็ไม่กลมกล่อมเอาเสียเลย แถมยังดื่มแล้วชวนง่วงอีกต่างหาก

คะแนน 6/10 โดย นกไซเบอร์

ที่มาจาก http://movie.bugaboo.tv/watch/88022
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่