"About Time" (2013) หนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ พล๊อตเรื่องไม่น้ำเน่า น่าเลี่ยนจนอยากอ้วกเหมือนหนังรักทั่วไป About Time พูดถึงเรื่องของทนายหนุ่มที่เพิ่งรู้ว่าผู้ชายในตระกูลของตัวเอง สามารถเดินทางย้อนเวลาได้ แน่นอนว่าในเมื่อมีพรวิเศษอยู่ในมือ เขาจึงใช้มันเพื่อทำให้ชีวิตราบรื่นและดีขึ้น ที่สำคัญหลังจากย้อนเวลากลับไปกลับมาหลายครั้ง มันก็ช่วยให้เค้าเอาชนะใจสาวที่เขาตกหลุมรักได้สำเร็จ
สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้ อย่างแรกเลยตามที่เกริ่นไป ก็คือเป็นหนังรักที่พล๊อตไม่เลี่ยนเหมือนหนังรักทั่วไป หนังเดินเรื่องอย่างเรียบง่าย เป็นรักที่สัมผัสได้ และรู้สึกว่ามันมีอยู่จริงบนโลกใบนี้
บรรยากาศในหนังเต็มไปด้วยความเรียบง่าย น่ารัก ซึ้ง และขำๆ ด้วยแก๊กเบาๆ ที่ใส่มาได้อย่างถูกจังหวะ และดูไม่ยัดเยียดเกินไปจนกลายเป็นมุกตลกคาเฟ่ จะเรียกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังสไตล์อังกฤษก็ว่าได้ เพราะมันเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง มีความเป็นผู้ดี และไม่ฉาบฉวยอย่างหนังรักจากฮอลลีวู้ดอเมริกา
นอกจากความเรียบง่าย ลุ่มลึก อีกสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นความเป็นสไตล์อังกฤษ ก็คือ การให้ความสำคัญกับครอบครัว ซึ่งในหนังแสดงออกชัดเจนว่าเค้ารักกันจริง เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ เป็นต้นว่า ลูกสะใภ้กอดพ่อของแฟนอย่างที่ลูกสาวคนนึงแสดงความรักต่อพ่อ น้องสาวของแฟนกอดหอมพี่สะใภ้อย่างพี่สาวแท้ๆ คนนึง การเห่อหลานที่เพิ่งคลอด หรือการเป็นห่วงเป็นใยยามเจ็บไข้ได้ป่วยเหมือนที่คนไทยเป็นห่วงญาติพี่น้องกันจริงๆ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้คงไม่หาได้ยากในหนังฮอลลีวู้ดจากอเมริกา เพราะดูกี่เรื่องต่อกี่เรื่อง ลูกเขยลูกสะใภ้ก็ยังดูเหมือนเป็นคนอื่นที่มาแต่งงานกับลูกตัวเองอยู่ดี มันดูมีช่องว่างทางวัฒนธรรมที่ไม่หลอมรวมเป็นครอบครัวเดียวกัน และขอเดาว่า ถ้าอเมริกาทำหนังเรื่องนี้ต้องออกมาแนวฉาบฉวย และคละเคล้าไปด้วยเรื่องเซ็กส์แน่ๆ
ในด้านการแสดง นักแสดงทุกคนแสดงได้เป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะพระเอก 'Domhnall Gleeson' ที่ดูเด๋อๆ ด๋าๆ ไร้ความโรแมนติกได้สมจริง นางเอก 'Rachel McAdams' ที่แสดงน่ารักมากกๆ ลุง 'Bill Nighy' ก็เล่นได้ดูเหมือนพ่อคนจริงๆ
สุดท้ายที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือแก่นของเรื่อง - การย้อนอดีตได้อาจดูแฟนตาซีและเป็นไปไม่ได้ในโลกความเป็นจริง แต่สำหรับตัวหนังนี้มันกลับช่วยเสริม Core Story ให้ดูหนักแน่นลึกซึ้งและเตือนสติคนดูได้อย่างดี เพราะถึงเราจะย้อนอดีตได้ ก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตผ่านพ้นเรื่องเศร้า เจอแต่เรื่องดีๆ ทุกอย่างไป สุดท้ายการมีชีวิตที่ดีหรือทำให้ใครซักรักเราก็ขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งนั้น การย้อนเวลาเพื่อแก้ไขบางสิ่งในชีวิตจะไม่จำเป็นเลย ถ้าเราใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ให้ดีที่สุดเหมือนว่าวันนี้เป็นสุดท้ายของชีวิต
★★★★
8/10 ชอบ!
*** รีวิวเบาๆ กับ "About Time" หนังรักโรแมนติกฉบับ Butterfly Effect ***
สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้ อย่างแรกเลยตามที่เกริ่นไป ก็คือเป็นหนังรักที่พล๊อตไม่เลี่ยนเหมือนหนังรักทั่วไป หนังเดินเรื่องอย่างเรียบง่าย เป็นรักที่สัมผัสได้ และรู้สึกว่ามันมีอยู่จริงบนโลกใบนี้
บรรยากาศในหนังเต็มไปด้วยความเรียบง่าย น่ารัก ซึ้ง และขำๆ ด้วยแก๊กเบาๆ ที่ใส่มาได้อย่างถูกจังหวะ และดูไม่ยัดเยียดเกินไปจนกลายเป็นมุกตลกคาเฟ่ จะเรียกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังสไตล์อังกฤษก็ว่าได้ เพราะมันเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง มีความเป็นผู้ดี และไม่ฉาบฉวยอย่างหนังรักจากฮอลลีวู้ดอเมริกา
นอกจากความเรียบง่าย ลุ่มลึก อีกสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นความเป็นสไตล์อังกฤษ ก็คือ การให้ความสำคัญกับครอบครัว ซึ่งในหนังแสดงออกชัดเจนว่าเค้ารักกันจริง เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ เป็นต้นว่า ลูกสะใภ้กอดพ่อของแฟนอย่างที่ลูกสาวคนนึงแสดงความรักต่อพ่อ น้องสาวของแฟนกอดหอมพี่สะใภ้อย่างพี่สาวแท้ๆ คนนึง การเห่อหลานที่เพิ่งคลอด หรือการเป็นห่วงเป็นใยยามเจ็บไข้ได้ป่วยเหมือนที่คนไทยเป็นห่วงญาติพี่น้องกันจริงๆ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้คงไม่หาได้ยากในหนังฮอลลีวู้ดจากอเมริกา เพราะดูกี่เรื่องต่อกี่เรื่อง ลูกเขยลูกสะใภ้ก็ยังดูเหมือนเป็นคนอื่นที่มาแต่งงานกับลูกตัวเองอยู่ดี มันดูมีช่องว่างทางวัฒนธรรมที่ไม่หลอมรวมเป็นครอบครัวเดียวกัน และขอเดาว่า ถ้าอเมริกาทำหนังเรื่องนี้ต้องออกมาแนวฉาบฉวย และคละเคล้าไปด้วยเรื่องเซ็กส์แน่ๆ
ในด้านการแสดง นักแสดงทุกคนแสดงได้เป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะพระเอก 'Domhnall Gleeson' ที่ดูเด๋อๆ ด๋าๆ ไร้ความโรแมนติกได้สมจริง นางเอก 'Rachel McAdams' ที่แสดงน่ารักมากกๆ ลุง 'Bill Nighy' ก็เล่นได้ดูเหมือนพ่อคนจริงๆ
สุดท้ายที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือแก่นของเรื่อง - การย้อนอดีตได้อาจดูแฟนตาซีและเป็นไปไม่ได้ในโลกความเป็นจริง แต่สำหรับตัวหนังนี้มันกลับช่วยเสริม Core Story ให้ดูหนักแน่นลึกซึ้งและเตือนสติคนดูได้อย่างดี เพราะถึงเราจะย้อนอดีตได้ ก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตผ่านพ้นเรื่องเศร้า เจอแต่เรื่องดีๆ ทุกอย่างไป สุดท้ายการมีชีวิตที่ดีหรือทำให้ใครซักรักเราก็ขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งนั้น การย้อนเวลาเพื่อแก้ไขบางสิ่งในชีวิตจะไม่จำเป็นเลย ถ้าเราใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ให้ดีที่สุดเหมือนว่าวันนี้เป็นสุดท้ายของชีวิต
★★★★
8/10 ชอบ!