เที่ยว Brussels - Gent - Bruges ภายใน 1 วัน! (มีรูป)

สวัสดีทุกคนค่า วันนี้ว่างๆไม่มีอะไรทำเลยมานั่งเขียน blog ที่เริ่มต้นเอาไว้นานแล้วไม่จบสักที เอารูปที่ไปเที่ยว brussels มาเมื่อเดือนกรกฎา2013 มาบันทึกเก็บไว้ให้ตัวเองอ่านเอง ไปๆมาๆ เอ้ะ ถ้าจะทำซะเยอะขนาดนี้ ขอเอามาแชร์หน่อยดีกว่า เผื่อจะเป็นที่อ่านเพลินๆของใครสักคนได้บ้าง ^_^

ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ในที่นี้ด้วยเป็นมือใหม่หัดโพสนะค้าาาา >_<
ปกติว่านเขียนบลอคอยู่ bloggang นะคะ ลองกดไปอ่านได้ เผื่อใครที่สนใจเรื่องไปเที่ยว ความสวยความงาม อันนี้ขอแอบโปรยนิดนึงก่อนเข้าเรื่อง อิอิ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=missmanita

เที่ยว Brussels <part1> http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=missmanita&date=20-08-2013&group=4&gblog=7 เพื่อความต่อเนื่อง

ส่วน entry นี้เป็น เที่ยว Brussels <part2> ไปเมืองมรดกโลก Bruges และ Gent ในช่วงวันชาติของชาวเบลเยี่ยมค่ะ

เรามาเริ่มกั่นนนนเล้ยยยยยย

วันรุ่งขึ้นเป็นวันชาติของชาวเบลเยี่ยมค่ะ แต่ละเมืองก็จะมีการจัดงานดนตรีเครื่องดื่มเยอะแยะมากมาย แหมช่างมาถูกจังหวะจริงจริ้งง ข้อดีของการมาเบลเยี่ยมช่วงนี้คือ จะได้มีโอกาสไปยืนฟังคอนเสิตกลางเมืองเป็นช่วงเฉลิมฉลองทุกคนดูครึกครื้น แต่! ข้อเสียก็คือเมืองรกรุงรังมาก อันนี้พูดเลยยยย ถ่ายรูปออกมาไม่สวย ไม่ได้สัมผัสรสชาติของเมืองคลาสสิคที่สมควรจะได้เลย เสียดายเบาๆ
แต่ไม่เป็นไรค่ะ เรามาเริ่มการเดินทางของวันที่ 2 ณ เมืองบรัซเซลกันเลยดีกว่าาา
มีเวลาเยอะๆอย่างนี้เราก็ออกไปเที่ยวต่างเมืองกันสิคะ! destination ของเราในวันนี้ก็คือ เมืองมรดกโลก Brugge หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Bruges ค่ะ


ปกติแล้วเนี่ยเวลาที่คนในไฟล้ทจะไปเที่ยวต่างเมืองกัน เค้าก็นิยมที่จะ เช่ารถตู้ ที่มีพี่คนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่นู้นเป็นคนขับ แต่เนื่องจากว่า เราจะไปในวันอาทิตย์และเป็นโชคดีของเราที่....วันอาทิตย์ตั๋วรถไฟลดราคาจร้าาาา ก็เลยไปทางรถไฟจะถูกกว่าเช่ารถ ก็เลยถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้นั่งรถไฟเค้าเล่นดูนะคะ ^_^ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 7 euro กว่าๆ การซื้อตั๋วก็เป็น Bruxelles -> Brugge / Brugge -> Gent / Gent -> Bruxelles ทั้งหมดมี 2 ใบค่า เป็นแบบไปกลับในใบเดียวกัน ปล. เราจะแวะเมือง Gent กันในระหว่างทางกลับด้วย ไหนๆก็ผ่านอยู่แล้ว จัดซะหน่อย


ตั๋วหน้าตาเป็นแบบนี้


ภาษาอังกฤษที่นี่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ว่านอาศัยความทรงจำในภาษาฝรั่งเศสอันน้อยนิดของว่านในการเอาตัวรอด...อย่างตอนยืนรอรถไฟอยู่ อยู่ดีๆก็ประกาศว่ารถไฟที่จะไป Brugge จะเปลี่ยน platform พูดประมาณ 2 ภาษาและไม่มีภาษาอังกฤษเลย เงิบค่ะ กะเหรี่ยงว่านก็ยืน เงิบๆ ไม่สนใจฟัง จนแบบเอ้ะ... ฟังไปฟังมา เฮ้ย เปลี่ยนชานชาลานี่ วิ่งแจ้นกันเกือบไม่ทัน


พอเรานั่งรถไฟมาถึงที่สถานี Brugge แล้วเนี่ยนะคะ เดินออกมาจากสถานี ก่อนทางออกจากสถานีจะมีห้องน้ำ เราก็เข้าซะให้เรียบร้อย (แต่ต้องเสียงเงินนะคะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 50 cent ไม่แน่ใจ) เสร็จพอออกมาปุ๊ป มองไปทางซ้ายมือจะมีป้ายรถเมล์อยู่ ที่ที่เราจะไปก็คือ Centrum - Markt รถที่วิ่งก็จะมีสาย 1,3,4,6,11,13,14,16 เราก็จัดการซื้อตั๋วรถเมล์ ถ้าซื้อเป็นกลุ่มก็จะถูกกว่าค่ะ ซื้อได้กับเจ้าหน้าที่ที่นั่งประจำอยู่ที่ป้ายรถเลย


หน้าสถานีรถไฟ


ขึ้นรถเมล์มาแล้วเดิน walking street เพื่อไป canal ค่ะ


เหมือนจะเป็นจตุรัสอะไรสักอย่าง จำไม่ได้ เห็นมีคนยืนถ่ายรูปเลยเลียนแบบ


ระหว่างเดิน walking street ค่ะ เนื่องจากเป็นวันชาติ เค้าเลยปิดถนนให้คนเดิน (ร้านค้าขายเสื้อผ้า แฟชั่นๆอะไรพวกนี้จะปิด จะเปิดพวกร้านขายของที่ระทึกและร้านขายช็อคโกแลต


เมืองบรูชนี่ถือว่าเป็น "Venice of the North" เลยนะคะ เพราะว่ามันเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่เมืองที่เป็น "canal-based" นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงนิยมไปล่องเรือเที่ยวชมเมืองกันค่ะ สำหรับว่าน แค่นั่งโบกมือบ้ายบายคนนั่งเรือผ่านไปผ่านมาก็เพลินละ ขอไปเดินเที่ยวชมเมืองดีกว่า เวลาก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นนะเนี่ยจะว่าไป ฮ่าๆ


ร้อนมั้ยจ๊าา ฝรั่งจ๋าาา


คนไทยขอมายืนถ่ายรูปเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวไปละ 5555

วันนี้เป็นวันที่อากาศดีมากจริงๆ แดดดี อากาศเย็นสบาย (สำหรับฝรั่งอาจจะถือว่าอากาศร้อนเลยด้วยซ้ำ) ดอกไม้กำลังสวย เมืองน่ารักสมเป็นเมืองมรดกโลกจริงๆค่ะ บ้านเมืองเค้าและการสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในยุค medieval เราถึงสามารถสัมผัสได้ถึงความคลาสสิคยังกับอยู่ในหนังอะไรอย่างนั้น




อีกหนึ่งโบสถ์ที่สวยที่สุดของเมืองชื่อว่า Church of Our Lady อลังการงานสร้างมาก พอได้มาอ่านถึงได้รู้ว่าโบสถ์นี้เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีการก่อสร้างจากอิฐที่มีความสูงที่สุดในโลก นั่นก็คืออยู่ที่ประมาณ 122.3 เมตร บริเวณโบสถ์ก็สวยงามมาก เดินเล่นแล้วดื่มด่ำกับบรรยากาศ มีความสุขจริงๆ


Church of our lady - ไม่สามารถถ่ายให้เห็นยอดได้จริงๆ ไม่งั้นต้องนอนราบกับพื้นแล้วถ่ายมุมช้อนขึ้น กลัวจะสวยเกินไปใส่กระโปรงซะด้วย (ไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายให้ติด ผช คนนี้จริงๆนะ แต่เค้านั่งเก๊กหล่อมาก ไม่ไปไหนเลย555)


ขอเก็กมั่งดิ ฮิฮิ แต้แพ้ ผช คนนั้นอะ

เมืองนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็สามารถเพลิดเพลินไปได้ทุกมุมเลยจริงๆ
ส่วนเรื่องอาหารการกินก็มีร้านน่ารักๆน่านั่งเต็มไปหมด หรือถ้าอยากจะประหยัด budget ก็แนะนำซื้อเป็น sandwich หรือ จำพวก panini เป็นแบบ to go ราคาก็ไม่แพงมาก ส่วนว่านด้วยความว่าหิวมาก ล่อซะไก่ย่างกับเบียร์ แมนโคดๆ เลย ชิงๆ5555


ร้านอาหารที่ไปกินค่า ร้านน่ารักมากๆ


อร่อยด้วะ

มาทริปนี้แล้วอยากมีกล้องดีๆติดตัวสักตัววว กล้องไอโฟนมันก็ดีนะ กับการถ่ายตัวเอง แต่พอต้องการวิวที่สวยๆมันมักเก็บไม่หมด ไม่ค่อยมีมิติ ยังไงก็ไม่รุ้ (หรือคิดไปเอง เพราะหาเรื่องอยากซื้อของใหม่หว่า อิอิ)

เวลาไม่เคยรีรอใคร พวกเราก็นั่งรถเมกลับไปที่สถานีรถไฟ เพื่อจะเดินทางต่อไปยัง เมือง Gent ค่ะ เมืองนี้ว่านขอให้เป็น optional แล้วกันนะคะ ใครที่มีเวลาเหลือก็แวะไป แต่ถ้าให้เทียบว่าเมืองไหนสวยกว่ากันระหว่าง Brugge กับ Gent ว่านว่า Brugge สวยกว่านะ แต่ไหนๆก็มาแล้ว ก็อย่าให้เสียเที่ยว!


พอเรามาถึงที่ Gent ออกมาจากสถานี มองไปทางซ้ายมือ จะเห็นเหมือนเป็น โรงๆเหมือนท่ารถ บขส. ป้ายรถ tram ก็อยู่ตรงนั้นแหละค่ะ แต่!ก่อนจะออกมาจากสถานีรถไฟ ให้เราซื้อตั๋วรถ tram ก่อนนะ เพราะถ้าไปซื้อในรถ tram นี่มันจะค่อนข้างทุลักทุเลมาก ก็บอกไปโลดว่าจะไป city centre จำชื่อสถานีจริงๆไม่ได้แล้ว แต่ถ้าบอกว่า city centre เค้าก็เข้าใจกัน ฮ่าๆ



ในตัวเมืองเดินเล่นก็เพลินดีค่ะ มีโบสถ์ใหญ่ๆอลังการเรียงต่อกัน สามอัน เดินไปเดินมาได้นิดหน่อยก็ …..หมดแรง เนื่องจากมันเป็นช่วงเทศกาล มันก็จะมีคอนเสิตเล่นอยู่ตลอดเวลา คนก็เดินเล่นถือเบียร์ กินนู้นกินนี่กัน ว่านก็นั่งเล่นๆอยู่ดีๆ เหลือบไปเหลือบมา เหยยยยยยย นั่นมันนน เหยยยย



มันคือที่ยืนฉี่รุ่นพิเศษแบบมีลมโกรก 555 เต้าคงรู้ว่าแบบ ยิ่งคนกินเบียร์เยอะๆ มันจะปวดฉี่บ่อยมาก ทำที่แบบนี้ให้คนมาฉี่ ดีกว่าให้เค้าไปหามุมมืดแล้วฉี่ให้มันเหม็น แหม เป็นผู้ชายนี่เค้าอำนวยความสะดวกให้จริงๆเลยนะ แล้วผู้หญิงล่ะ ทำไง! อ้ะโด่ๆๆๆ

เมื่อถึงเวลานัด เราก็พากันนั่งรถไฟฟลับกันมาที่ brussels มามันส์กันต่อกับงานวันชาตินะคะ ช่างเป็นโชคอีกแล้ว ที่เวทีดนตรี อยู่หน้าโรงแรมว่านพอดี แล้วทุกอย่างก็อำนวยมาก เพราะโดยรอบ โรงแรมว่าน เป็นร้านขายเครื่องดื่ม 55555 โอ้ย ม่วนนนน



เจ้าของร้านมาเจอแก๊งคนไทยเข้าไปนี่ ขายดิบขายดีเพราะติดลมกันไปถ้วนหน้า เพราะพวกฝรั่งเอาเข้าจริงๆนะคะ หลังจากที่นั่งสังเกตุมานานพอสมควร เค้าจะมานั่งร้านนึง สั่งเครื่องดื่มคนละแก้ว (หรือไม่ก็ที่เก๋มากๆก็คือ มาคนเดียว) กินแก้วเดียวแล้วนั่งแช่ นานมากกกกก จนมีคนเริ่มมากดดันว่าอยากจะนั่งเนี่ย เค้าก็จะ อ้ะ ลุกก็ได้ แล้วก็จะเดินไปร้านอื่น แต่พวกเรานี่เฮฮาสุดริดนั่งร้านไหนร้านนั้น รักเดียวใจเดียว สนุกจริงๆ ทั้งงานมีเพลงที่รุ้จักอยุ่ท่อนเดียวของ Oasis นอกนั้นร้องอะไรก๊านนนนฟังไม่รู้เรื่องแต่โคดมันส์เลยยย 5555 ป้าเป้อเต้นกันใหญ่ ไม่จำกัดอายุเลยจริงๆ


เป็นผญดื่ม raspberry beer เบาๆ 55555 รสชาจิเหมือนกินอยู่ HOBS บ้านเรา แต่นี่มันเมืองต้นกำเนิด โฮการ์เด้นเลยนะ!! บรรยากาศกินขาด อันนี้พูดเลย


นี่จ้าของจริง draft beer from the tappppp หน้ากรึ่มอย่างเห็นได้ชัด

ไฟล้ทนี้เป็นไฟล้ทที่เจอพี่ๆที่น่ารักสนุกสนานมากกว่าที่คิดไว้เยอะมากกก
แต่ก็อดที่จะอยากพาครอบครัวมาด้วยไม่ได้ เสียดายที่งวดนี้คุณแม่เกิดขี้เกียจไปขอวีซ่า เพระามันก็ดูยุ่งยาก แต่ว่านเชื่อว่าเห็นงี้ครั้งหน้าคุณแม่ขอตั๋วตามแน่นอน 555 จะไปตะลุยถึงปารีสเลยคอยดูสิ้

และแล้วทริปนี้ก็จบลงด้วยความประทับใจ ทำงานกลับบ้านเราอย่างปลอดภัย
ไว้เจอกันใหม่เอนทรี่หน้า สวัสดีค้า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่