เหตุการณ์เเรก
เรื่องมีอยู่ว่า เราเดินทางไปญี่ปุ่นคนเดียวเป็นครั้งเเรก ปกติไปกับครอบครัวค่ะ
ที่นี้ เราเคยอ่านหนังสือเจอมาว่า
คนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยคุยกับคนเเปลกหน้าค่ะ โดยเฉพาะคนต่างชาติอย่างเรา
เเต่เราก็เเปลกใจว่าตั้งเเต่เเรกขาไปญี่ปุ่นเลย ได้คุยกับป้าญี่ปุ่นสองคน คุยเก่งมาก
คุยเยอะจนเราเเบบว่า อยากเข้าห้องน้ำ ไม่ไหวเเล้ว เเต่ป้าก็ยังคุยไม่จบ 5555
การคุยกับเรากับป้าเริ่มขึ้นจาก ป้างงๆ หน้าจอเเบบสัมผัสของเครื่องบิน เราเลยชี้ว่า เเบบนี้ๆ ถ้าจะเปลี่ยนเป็นภาษาญี่ปุ่นกดปุ่มนี้ค่ะ
(เราพูดญี่ปุ่นได้ค่ะ เรียนเอกญี่ปุ่น ส่วนมากคนญี่ปุ่นมักจะถามว่าเราเป็นนักเรียนต่างชาติหรือเปล่า เเต่เราไม่ได้เป็นนักเรียนต่างชาติค่ะ
เเต่เราเป็นลูกครึ่งค่ะ ภาษาญี่ปุ่นเเค่พอคุยรอด พ่อเป็นคนญี่ปุ่นเเละอยู่ญี่ปุ่น เลยไม่ค่อยได้ฝึกภาษาค่ะ)
ขนาดถึงจุดหมายปลายทางที่ญี่ปุ่นเเล้ว ป้ายังบอกว่าขอบใจมาก คุยกับเราสนุกมาก หวังว่าคงได้เจอกันอีกนะ
(บอกตรงๆ เราไม่รู้จักนิสัยคนญี่ปุ่นเท่าไหร่
เเต่พ่อเป็นคนฝั่งคันโต พูดเก่ง ร่าเริง พูดตรงมากค่ะ 555+ เเ่ต่นิสัยคนญี่ปุ่นที่นอกเหนือจากนี้เราเเทบไม่รู้เลยนะ)
ตอนเเรกก็เเค่งงๆ ว่าทำไมป้าเเกชอบพูดกับเราจัง ดูตื่นเต้นกับการถามข้อมูลเกี่ยวกับเมืองไทย เเละเปิดกล้องให้เราดูว่าเเกไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้างในญี่ปุ่น เเล้วบอกว่าถ้าเราว่างๆ ก็เเวะไปได้นะ (พร้อมให้ที่อยู่ เบอร์โทร)
เเอบซึ้งใจความน่ารักของคนญี่ปุ่นค่ะ
เหตุการณ์ที่2
เป็นตอนขากลับค่ะ เเบบว่าเงิบมาก ที่ดันได้นั่งที่นั่งระหว่างกลางชายญี่ปุ่นสองคน
คนขวาเเกกินเบียร์เเล้วก็หลับตลอด เราก็เกร็งค่ะ ง่วงเหมือนกัน เเต่นอนไม่หลับ
ส่วน
คนซ้าย ก็นั่งอ่านหนังสือตลอดเวลา
ตอนนั้นเรานึกในใจตลอดเวลาว่า ถ้าเราปวดชิ้งฉ่องเราจะทำยังไง เราจะบอกเขายังไงกันดี
คนขวาก็หลับไปเเล้ว คงบอกเขาไม่ได้เเน่
คนซ้ายก็ดูจะเคร่งเครียดกับการอ่านหนังสือตลอดเวลา เเอบส่องค่ะ เป็นหนังสือภาษาฝรั่งเศส *
จากนั้นเเอร์เดินมาเสิร์ฟอาหาร
ญี่ปุ่นที่อ่านหนังสือตลอดเวลา หันไปพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องเเคล่วกับเเอร์ (อึ้งค่าา ภาษาอังกฤษเราได้ไม่ถึงครึ่งของเขาเลย)
คนที่หลับ ก็หลับต่อไป อยากปลุกนะ เเต่ไม่กล้า เเต่ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาเอง (ขอบคุณสวรรค์)
จากนั้นหลังจากกินอาหารเสร็จเเล้ว คนซ้ายที่อ่านหนังสือตลอดเวลา ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ
เเล้วเเอร์ก็ดันมาเเจกใบตรวจคนเข้าเมืองตอนนี้พอดี คนขวาก็ได้ใบเเล้ว เเต่คนซ้ายไม่ได้
ด้วยความที่เห็นเเล้วเราทนไม่ไหว (นิสัยชอบเผือก) เลยตัดสินใจถามคนญี่ปุ่นคนซ้ายมือที่ชอบหนังสือตลอดเวลาว่า
"คุณได้ใบตรวจคนเข้าเมืองเเล้วหรือยังคะ..(ถามเกริ่น)"
เขาก็ตกใจ น่าจะเพราะไม่คิดว่าเราพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เเล้วตอบว่ายัง เราเลยขอใบจากเเอร์มาให้
เขาก็ขอบคุณใหญ่ เเล้วชวนเราพูดจนกระทั่งเครื่องบินลงจอดไทย เรื่องที่ถามก็มีว่า "เราเป็นนักเรียนต่างชาติเหรอ อายุเท่าไหร่เเล้ว เรียนเอกอะไร มีงานวิจัยจบไหม เรียนจบเเล้วอยากทำงานอะไร จะมาญี่ปุ่นอีกไหม" เเล้วเขียนที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล์ ให้เรามา
บอกเราว่า คุณเป็นคนที่ใจดีมากเลย (พร้อมกับเเจกลูกอมให้เรากิน555) ถ้ามีโอกาสมาโตเกียวอีกเมื่อไหร่ให้ติดต่อเขา เขาจะพาเที่ยวโตเกียว
หรือถ้าไม่มีเรื่องอะไร ไม่ได้มาโตเกียว ก็สามารถคุยกับเขาทางอีเมล์ได้นะ
พอลงจากเครื่องบิน ก็โบกมือบ๊ายบาย เขาก็บอกว่า ขอเช็คเเฮนด์ได้ไหมครับ เสียมารยาทหรือเปล่า
หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะครับ
เราก็งงๆ ก็เช็คเเฮนด์ไป
อ้อ ระหว่างที่คุยกัน เราบอกเราอายุ 22 เขาก็ยิ้มเจื่อนๆ เเล้วบอกว่า ผมเเก่พอจะเป็นพ่อคุณได้เลยครับ
เราก็เลยถามว่า อายุเท่าไหร่เหรอคะ พ่อเราอายุ 65 เเล้ว
เขาก็บอกว่า เขาอายุ 52 (ตอนเเรกฟังเเล้วช็อคค่ะ คือดูดีมาก เเต่งตัวดี ดูเเลสุขภาพ ดูอ่อนกว่าวัย ตอนเเรกเห็นเเล้วคิดว่าสักสามสิบปลายๆ หรือสี่สิบต้นๆ)
เราก็คิดว่า อายุเขาราวๆ นี้ คงมีลูกอายุพอๆ กับเรามั้งเนี่ย เราเลย(เผือก)ต่อว่า "ลูกคุณอายุประมาณเท่าไหร่เหรอคะ"
เเกหัวเราะ เเล้วบอกว่า ผมโสดครับ
ตอนนี้เราก็สงสัยว่า
ทำไมคนญี่ปุ่นให้ที่อยู่ ข้อมูลติดต่อกันมาง่ายๆ เเบบนี้เนี่ย
ทั้งป้าสองคนเเรก เเละลุงคนหลัง นี่เขาไม่กลัวมิจฉาีชีพเหรอ - -* รู้สึกเป็นห่วงจังเลย
เป็นเรา เราก็กลัวนะ
ข่าวก็เยอะเเยะไปว่า คนญี่ปุ่นโดนคนไทยหลอกอะไรเเบบนี้
ใครที่รู้จักนิสัยคนญี่ปุ่น หรือเข้าใจธรรมชาติของคนญี่ปุ่น รบกวนช่วยอธิบายหน่อยนะคะ (เพราะเรารู้จักคนญี่ปุ่นเเค่คนในบ้าน เเละอาจารย์เเค่นี้เองจริงๆ ค่ะ)
ขอบคุณค่ะ
ปล.เเก้คำผิดค่ะ
นิสัยคนญี่ปุ่นนี่เค้าไว้ใจคนง่ายหรือคะ ให้ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล์กันง่ายๆ เลยหรือคะ - -*
เรื่องมีอยู่ว่า เราเดินทางไปญี่ปุ่นคนเดียวเป็นครั้งเเรก ปกติไปกับครอบครัวค่ะ
ที่นี้ เราเคยอ่านหนังสือเจอมาว่า คนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยคุยกับคนเเปลกหน้าค่ะ โดยเฉพาะคนต่างชาติอย่างเรา
เเต่เราก็เเปลกใจว่าตั้งเเต่เเรกขาไปญี่ปุ่นเลย ได้คุยกับป้าญี่ปุ่นสองคน คุยเก่งมาก
คุยเยอะจนเราเเบบว่า อยากเข้าห้องน้ำ ไม่ไหวเเล้ว เเต่ป้าก็ยังคุยไม่จบ 5555
การคุยกับเรากับป้าเริ่มขึ้นจาก ป้างงๆ หน้าจอเเบบสัมผัสของเครื่องบิน เราเลยชี้ว่า เเบบนี้ๆ ถ้าจะเปลี่ยนเป็นภาษาญี่ปุ่นกดปุ่มนี้ค่ะ
(เราพูดญี่ปุ่นได้ค่ะ เรียนเอกญี่ปุ่น ส่วนมากคนญี่ปุ่นมักจะถามว่าเราเป็นนักเรียนต่างชาติหรือเปล่า เเต่เราไม่ได้เป็นนักเรียนต่างชาติค่ะ
เเต่เราเป็นลูกครึ่งค่ะ ภาษาญี่ปุ่นเเค่พอคุยรอด พ่อเป็นคนญี่ปุ่นเเละอยู่ญี่ปุ่น เลยไม่ค่อยได้ฝึกภาษาค่ะ)
ขนาดถึงจุดหมายปลายทางที่ญี่ปุ่นเเล้ว ป้ายังบอกว่าขอบใจมาก คุยกับเราสนุกมาก หวังว่าคงได้เจอกันอีกนะ
(บอกตรงๆ เราไม่รู้จักนิสัยคนญี่ปุ่นเท่าไหร่
เเต่พ่อเป็นคนฝั่งคันโต พูดเก่ง ร่าเริง พูดตรงมากค่ะ 555+ เเ่ต่นิสัยคนญี่ปุ่นที่นอกเหนือจากนี้เราเเทบไม่รู้เลยนะ)
ตอนเเรกก็เเค่งงๆ ว่าทำไมป้าเเกชอบพูดกับเราจัง ดูตื่นเต้นกับการถามข้อมูลเกี่ยวกับเมืองไทย เเละเปิดกล้องให้เราดูว่าเเกไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้างในญี่ปุ่น เเล้วบอกว่าถ้าเราว่างๆ ก็เเวะไปได้นะ (พร้อมให้ที่อยู่ เบอร์โทร)
เเอบซึ้งใจความน่ารักของคนญี่ปุ่นค่ะ
เหตุการณ์ที่2
เป็นตอนขากลับค่ะ เเบบว่าเงิบมาก ที่ดันได้นั่งที่นั่งระหว่างกลางชายญี่ปุ่นสองคน
คนขวาเเกกินเบียร์เเล้วก็หลับตลอด เราก็เกร็งค่ะ ง่วงเหมือนกัน เเต่นอนไม่หลับ
ส่วนคนซ้าย ก็นั่งอ่านหนังสือตลอดเวลา
ตอนนั้นเรานึกในใจตลอดเวลาว่า ถ้าเราปวดชิ้งฉ่องเราจะทำยังไง เราจะบอกเขายังไงกันดี
คนขวาก็หลับไปเเล้ว คงบอกเขาไม่ได้เเน่
คนซ้ายก็ดูจะเคร่งเครียดกับการอ่านหนังสือตลอดเวลา เเอบส่องค่ะ เป็นหนังสือภาษาฝรั่งเศส *
จากนั้นเเอร์เดินมาเสิร์ฟอาหาร
ญี่ปุ่นที่อ่านหนังสือตลอดเวลา หันไปพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องเเคล่วกับเเอร์ (อึ้งค่าา ภาษาอังกฤษเราได้ไม่ถึงครึ่งของเขาเลย)
คนที่หลับ ก็หลับต่อไป อยากปลุกนะ เเต่ไม่กล้า เเต่ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาเอง (ขอบคุณสวรรค์)
จากนั้นหลังจากกินอาหารเสร็จเเล้ว คนซ้ายที่อ่านหนังสือตลอดเวลา ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ
เเล้วเเอร์ก็ดันมาเเจกใบตรวจคนเข้าเมืองตอนนี้พอดี คนขวาก็ได้ใบเเล้ว เเต่คนซ้ายไม่ได้
ด้วยความที่เห็นเเล้วเราทนไม่ไหว (นิสัยชอบเผือก) เลยตัดสินใจถามคนญี่ปุ่นคนซ้ายมือที่ชอบหนังสือตลอดเวลาว่า
"คุณได้ใบตรวจคนเข้าเมืองเเล้วหรือยังคะ..(ถามเกริ่น)"
เขาก็ตกใจ น่าจะเพราะไม่คิดว่าเราพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เเล้วตอบว่ายัง เราเลยขอใบจากเเอร์มาให้
เขาก็ขอบคุณใหญ่ เเล้วชวนเราพูดจนกระทั่งเครื่องบินลงจอดไทย เรื่องที่ถามก็มีว่า "เราเป็นนักเรียนต่างชาติเหรอ อายุเท่าไหร่เเล้ว เรียนเอกอะไร มีงานวิจัยจบไหม เรียนจบเเล้วอยากทำงานอะไร จะมาญี่ปุ่นอีกไหม" เเล้วเขียนที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล์ ให้เรามา
บอกเราว่า คุณเป็นคนที่ใจดีมากเลย (พร้อมกับเเจกลูกอมให้เรากิน555) ถ้ามีโอกาสมาโตเกียวอีกเมื่อไหร่ให้ติดต่อเขา เขาจะพาเที่ยวโตเกียว
หรือถ้าไม่มีเรื่องอะไร ไม่ได้มาโตเกียว ก็สามารถคุยกับเขาทางอีเมล์ได้นะ
พอลงจากเครื่องบิน ก็โบกมือบ๊ายบาย เขาก็บอกว่า ขอเช็คเเฮนด์ได้ไหมครับ เสียมารยาทหรือเปล่า
หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะครับ
เราก็งงๆ ก็เช็คเเฮนด์ไป
อ้อ ระหว่างที่คุยกัน เราบอกเราอายุ 22 เขาก็ยิ้มเจื่อนๆ เเล้วบอกว่า ผมเเก่พอจะเป็นพ่อคุณได้เลยครับ
เราก็เลยถามว่า อายุเท่าไหร่เหรอคะ พ่อเราอายุ 65 เเล้ว
เขาก็บอกว่า เขาอายุ 52 (ตอนเเรกฟังเเล้วช็อคค่ะ คือดูดีมาก เเต่งตัวดี ดูเเลสุขภาพ ดูอ่อนกว่าวัย ตอนเเรกเห็นเเล้วคิดว่าสักสามสิบปลายๆ หรือสี่สิบต้นๆ)
เราก็คิดว่า อายุเขาราวๆ นี้ คงมีลูกอายุพอๆ กับเรามั้งเนี่ย เราเลย(เผือก)ต่อว่า "ลูกคุณอายุประมาณเท่าไหร่เหรอคะ"
เเกหัวเราะ เเล้วบอกว่า ผมโสดครับ
ตอนนี้เราก็สงสัยว่า
ทำไมคนญี่ปุ่นให้ที่อยู่ ข้อมูลติดต่อกันมาง่ายๆ เเบบนี้เนี่ย
ทั้งป้าสองคนเเรก เเละลุงคนหลัง นี่เขาไม่กลัวมิจฉาีชีพเหรอ - -* รู้สึกเป็นห่วงจังเลย
เป็นเรา เราก็กลัวนะ
ข่าวก็เยอะเเยะไปว่า คนญี่ปุ่นโดนคนไทยหลอกอะไรเเบบนี้
ใครที่รู้จักนิสัยคนญี่ปุ่น หรือเข้าใจธรรมชาติของคนญี่ปุ่น รบกวนช่วยอธิบายหน่อยนะคะ (เพราะเรารู้จักคนญี่ปุ่นเเค่คนในบ้าน เเละอาจารย์เเค่นี้เองจริงๆ ค่ะ)
ขอบคุณค่ะ
ปล.เเก้คำผิดค่ะ