แชร์ประสบการณ์ iphone หาย (ตามหาเจอภายใน 3 ชั่วโมง)

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ พอดีเราได้อ่านเรื่องการตามหา iphone ของคนอื่นมาเยอะเลย และไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องลงมือตามหาเอง วันนี้เลยจะมาขอแชร์ประสบการณ์การตามหา iphone ครั้งนี้โดยใช้ find my iphone ค่ะ ใช้เวลาไปทั้งหมด เกือบ 3 ชั่วโมง

เรื่องมันมีอยู่ว่าวันศุกร์ที่แล้ว (18/10/56) เราตั้งใจกลับบ้านเร็วมากินข้าวกับครอบครัว เมื่อเดินเข้าบ้านมาประมาณ 4 โมงกว่าๆ น้องชายโทรมาบอกว่า iphone หาย คาดว่าน่าจะทำหล่นบนแท็กซี่ ให้ขับรถตามไปให้หน่อยด่วนเลย *ปล.น้องไปเรียนรด.แล้วใช้เบอร์ทหารโทรกลับมา* เราก็งงๆยังจับใจความอะไรไม่ค่อยได้ น้องบอกว่ากำลังจะรีบกลับบ้าน เลยบอกว่าถึงบ้านละให้โทรมา เรากับพ่อก็รีบออกรถ ซึ่งบ้านเราอยู่แถวสตรีนนท์ แล้วตำแหน่งไอโฟนตอนนั้นอยู่แถวๆวิภาวดี พ่อก็รีบขับ เราใช้ iphone 2 เครื่อง เปิด find my iphone หาตำแหน่ง iphone แล้วอีกเครื่องเปิด map คอยจับตำแหน่งของเราเอง ละคอยบอกตำแหน่งไปเรื่อยๆ บอกผิดมั่ง ถูกมั่ง เพราะพิกัดมันกระโดดไปกระโดดมา

ตำแหน่งแรกที่จับได้ตอนแท็กซี่จอดคือ ในซอยอินทามาระ16 ใกล้ๆทางออก ไปถนนวิภาวดี ก็เลยขับตามมาเรื่อยๆ ละยิ่งเห็นมันจอดนาน ประมาณ 30-40 นาที ได้ เลยเดาไปเรื่อยว่าอาจจะเป็น ศูนย์แท็กซี่ เข้าไปเปลี่ยนกะรึเปล่า พอขับไปใกล้ถึง ตำแหน่งไอโฟนขยับออกมาแล้ว มุ่งหน้าไปทางจตุจักรเข้าลาดพร้าว จินตนาการไปเรื่อยว่าไปหาผู้โดยสาร ด้วยความคิดที่ว่าจุดที่แท็กซี่ไปจอดเป็นศูนย์แท็กซี่ เลยตัดสินใจขับรถเข้าไปดูตรงนั้นก่อน แล้วก็พบว่ามันคือปั๊มแก๊ส ก็เลยรีบขับตามแท็กซี่ไป

มุ่งหน้าเข้าสู่ลาดพร้าว อยู่แถว union mall ซึ่งแท็กซี่กับรถเราอยู่ห่างกันพอสมควร ตอนนี้น้องกลับถึงบ้านแล้วเลยได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แท็กที่คันนั้นสีชมพูไม่รู้ป้ายทะเบียน เราเลยบอกพ่อว่าจอดรถทิ้งไว้ละไปมอไซต์เถอะน่าจะไวกว่า พ่อก็กำลังตัดสินใจ แล้วฝนก็เริ่มตกลงมาทำให้ได้ข้อสรุปทันทีว่าขับรถต่อไปนั่นแหละ พอตามไปได้เรื่อยๆ แท็กซี่วิ่งเส้นลาดพร้าว แล้วเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 71 จากนั้นวิ่งย้อนกลับมาทางถนนสายใน น่าจะเรียกว่าถนนสังคมสงเคราะห์ แล้วมาจอดอยู่ตรง 7-11 บนถนนสังคมสงเคราะห์ หน้าซอยจักรกริช 4  ซึ่งพ่อเราชำนาญเส้นทางนั้นเลยบอกว่าถ้าวิ่งเข้าทางเส้นโชคชัย 4 (ประมาณซอยลาดพร้าว 50 กว่าๆ) จะสวนกันพอดี ก็เลยขับมาเรื่อยๆ แล้วคอยดูตำำแหน่งอยู่เรื่อยมา ก็คิดกันละว่าจบที่นี่แล้วแหละ ระหว่างทางก็คิดกันไปเรื่อยว่าถ้าเป็นบ้านเค้าก็ลงไปกดอ๊อดเลย หรือ ถ้าเป็นศูนย์แท็กซี่กึคงลงไปตามหาเลย หรือถ้าจอดพักอยู่ก็จะไปลองโบกแท็กซี่แล้วขึ้นไปเอาไอโฟนละลงมา

จน 1 km. ก่อนจะถึงจุดหมาย อยู่ๆตำแหน่งไอโฟนก็ขยับวิ่งเข้ามาหาตัว ตอนนั้นยังงงๆกับทิศของแผนที่อยู่ แต่พ่อบอกว่ามีรถแท็กซี่สีชมพูสวนไปเมื่อกี้ อาจจะเป็นไปได้ แต่มองทะเบียนไม่ทัน พอจับตำแหน่งได้ก็ถูกเผงเลยคันเมื่อกี้ใช่เลย ก็รีบกลับรถละขับตามไป แต่ก็ทิ้งระยะอยุ่พอสมควรเหมือนเดิม เพราะในถนนซอยนั้นรถเยอะมาก กว่าจะกลับรถได้แท็กซี่ก็ทิ้งระยะห่างไปพอสมควรแล้ว เลยรีบโทรไปบอกน้องให้รีบเช็คว่าตรงหน้าซอยนั้นเป็นศูนย์แท็กซี่รึเปล่า ถ้าใช่ก็รีบหาเบอร์เลย


ในภาพ เส้นสีน้ำเงิน คือ เส้นทางที่แท็กซี่วิ่งตอนแรก แล้วมาจอดอยู่ตรงหน้าซอยจักรกริช 4 ค่ะ
ส่วน เส้นสีชมพู คือ ทางลัดที่เราตามไป แล้วมาสวนกับแท็กซี่ตรง จุดสีแดง จากนั้นก็ขับตามแท็กซี่ไปเรื่อยๆ ตามเส้นสีเทา

คราวนี้แท็กซี่ก็ยังคงมุ่งหน้าสู่เส้นลาดพร้าวขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านซอย 71 แล้วข้ามแยก ที่ตัดไปประดิษฐ์มนูญธรรม ก็ขับตามไป ผ่านห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ตำแหน่งไอโฟนก็ถูกบ้างผิดบ้าง ดีเลย์บ้าง เพราะมันไม่ค่อยเสถียรเลยทำให้เผลอกลับรถผิดไป ตรงซอยลาดพร้าว 112 แต่จริงๆแท็กซี่ได้เลี้ยงเข้าซอยลาดพร้าว122 ซึ่งเป็นเส้นทางลัดไปรามคำแหง65 เลยต้องเสียเวลาไปกลับรถมาใหม่ เพื่อที่จะตามไปซอยลาดพร้าว 122

เมื่อเลี้ยวเข้าไปได้ซักระยะหนึ่ง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แท็กซี่ออกมาอยู่หน้าซอย 122 ที่เราพึ่งเลี้ยวเข้ามาแล้วจ้า อาจจะไปส่งผู้โดยสารในซอยนั้น แล้วรับผู้โดยสารใหม่ออกมาได้พอดี เราก็รีบกลับรถแล้วออกจากซอย ตอนนี้แท็กซี่มุ่งหน้ากลับไปทางเดิม แต่เลี้ยวซ้ายเข้าประดิษฐ์มนูญธรรม เราก็รีบตามไป ตอนนี้แบต iphone เครื่องที่หายเหลือ 19% ก็ยังมีโอกาสตามทันอยู่ พอเลี้ยวซ้ายรถเริ่มโฟลว์ ตำแหน่งเราเริ่มเข้าใกล้แท็กซี่ขึ้นทุกที ตอนนั้นตำแหน่งเรากับไอโฟนอยู่เลย ศูนย์ Benz ไปนิดนึง ละจุดๆหนึ่งเราก็มองไปรอบๆ เจอแท็กซี่สีชมพูอยู่ 2 คัน คันหนึ่งจะตรงไป อีกคันจะกลับรถใต้ทางด่วน เราก็ไม่แน่ใจว่ามันคือคันไหน แต่ก็คิดว่าคงเป็น 1 ใน 2 คันนี้ชัว เพราะตำแหน่งชัดเจนขนาดนี้ พ่อเลยให้รีบหยิบไอโฟนมาถ่ายรูปป้ายทะเบียนไว้ก่อน เนื่องจากไอโฟน 5 กำลังเปิด find iphone อยู่ เลยใช้ 4s ถ่ายรูป ละมันช้า กว่าจะถ่ายได้รถแท็กซี่สีชมพูข้างหน้าเลยไปไหนแล้วไม่รู้


เส้นสีเทา ยังคงเป็นเส้นทางที่แท็กซี่ขับไป ก่อนที่ตำแหน่งแท็กซี่จะกลับมาโผล่ที่จุดสีแดง ตอนเราอยู่ที่จุดสีม่วง แล้วตามกลับมาตามเส้นสีแดง แล้วตามมาทัน ณ จุดสีน้ำเงิน

ตอนนั้นก็ต้องตัดสินใจละว่าจะตามคันไหนไป พ่อตัดสินใจตามคันขวาซึ่งในขณะนั้นมีผู้โดยสารอยู่ด้วย พอได้จังหวะก็รีบบีบแตร พยายามโบกให้แท็กซี่คันนั้นจอด แต่แท็กซี่เมินไม่สนใจเลย จนกระทั่งได้กลับรถใต้สะพาน พ่อก็พยายามขับขนาน แล้วรถก็ติดพอดีจนแท็กซี่รู้ตัว ตรงนั้นมีตำรวจหลบฝนอยู่ใต้สะพานลอย ตอนแรกก็คิดว่าตำรวจจะมาจับพ่อแล้ว เพราะขับรถผิดเลน แต่เราก็บอกพ่อว่าบอกตำรวจให้เรียกแท็กซี่เลย พ่อเปิดกระจกตะโกนบอกตำรวจว่าตามไอโฟนอยู่ในนั้น ตำรวจถึงจะไปเรียกแท็กซี่ให้จอด เรากับพ่อรีบลงจากรถลงมาคอย ตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นก็เดินเข้ามาคุยบอกว่า ผมก็ฟังมาเรื่อยๆเนี่ย มีคนโทรมาแจ้งรู้ว่ารถแท็กซี่สีชมพูแต่ไม่รู้ป้ายทะเบียน เราก็ฟังแบบงงๆแต่ก็คิดว่าคงเป็นคนที่บ้านจัดการแหละ ตอนแรกแท็กซี่จะไ่ม่ยอมจอดแต่สุดท้ายเค้าก็ถอยกลับมาจอด แล้วก็ส่งไอโฟนของน้องชายคืนมาให้ โดยหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง พ่อก็จัดการคุยถามไถ่ว่ายังเป็นคนเดียวกับตอนที่น้องทำไอโฟนหล่นรึเปล่า ละไปจอดทำอะไรตรงซอยจักรกริช4 ก็ได้ความว่าไปจอดพักซื้อกาแฟ นอกจากนี้แท็กซี่ยังบอกว่า มี 2 เครื่องด้วย แต่อีกเครื่องของใครเราก็ไม่รู้เหมือนกัน เรากัจัดการถ่ายบัตรประชาชน ทะเบียนรถ ( ทะเบียน ทร 7747 สีชมพูจ้า) ตำรวจก็มาถามว่าจะเอาเรื่องไหม แต่พ่อเห็นว่าได้ของคืนก็ไม่ได้ติดใจอะไร ตำรวจก็คงไม่ได้ทำอะไร เราก็ขึ้นรถกลับบ้านโทรบอกน้องชาย ตอนนั้นเวลาประมาณ  1 ทุ่มเศษ สรุปการตามหา iphone ครั้งนี้ใช้เวลาไปเกือบ 3 ชั่วโมง

สรุปต้นเรื่องคือน้องชายเรียกแท็กซี่สีชมพูคันนี้จากหน้าศูนย์ รด. จะนั่งกลับบ้าน แต่พอขึ้นแล้วออกมากได้ 500 เมตร แท็กซี่บอกไม่ไป แล้วก็หย่อนน้องลงตรงปั๊มแก๊สใกล้ๆ พอน้องลงจากแท็กซี่ แท็กซี่ก็พุ่งออกไปเลย พอรู้ตัวว่า iphone ไม่อยู่ก็วิ่งตามไม่ทันแล้ว เลยเดินกลับไปหาคนแถวนั้นเพื่อขอยืมมือถือโทรกลับมาที่บ้าน ก่อนที่จะเรียกแท็กซี่คันใหม่กลับบ้าน

ปล1. เรื่องตำรวจ
แม่และน้องได้โทรไปแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากตำรวจทั้ง 2 สน. ที่เกี่ยวข้อง ละคอยบอกประสานตำแหน่งแท็กซี่อยู่ตลอดเวลา แต่ภาพที่เราเห็น คือ ตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นรับรู้อยู่แล้ว แต่พอเห็นแท็กซี่สีชมพูแล้วไม่ได้ดักตรวจหรืออะไรเลย ถ้าเรากับพ่อไม่ได้เปิดกระจกตะโกนออกไป แต่ก็อาจจะเป็นเพราะแค่มือถือเครื่องเดียว เขาเลยไม่มีสิทธิ์ที่จะตรวจขนาดนั้นรึเปล่า เราก็ไม่รู้ แต่ก็โชคดีที่ตอนไล่ตามแท็กซี่มีตำรวจอยู่ตรงนั้นพอดี แล้วตำรวจก็พอรู้เรื่องอยู่แล้วเลยทำให้เรียกแท็กซี่ให้จอดได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นจะพึ่งตำรวจอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องพึ่งตัวเองด้วยจ้า!!

ปล2. เรื่อง iphone
พยายามอย่าโทรเข้า iphone เมื่อเครื่องหาย ถ้ามี find my iphone ละตามได้ก็ตามมันไปก่อนจะดีกว่า เพราะถ้ามันหล่นอยู่แล้วไม่มีคนเห็น  แล้วถ้าเราจับตำแหน่งได้ ตามไปเจอ โอกาสที่จะได้คืนน่าจะมีสูงกว่า แต่ถ้าโทรเข้า แล้วคนไปเจอก็จะมี 2 ประเภท คือ เก็บไปเลย หรือพยายามจะคืนเจ้าของ เพราะมีประสบการจากครั้งก่อนซึ่งแม่โดนปล้นเอากระเป๋าไปซึ่งในกระเป๋ามี iphone และเมื่อโทรเข้าไป ก็โดนปิดเครื่องหนีไปเลย ทำให้ตามไม่เจอ ที่สำคัญ ios7 ถึงจะใส่ passcode แต่ถ้าเลื่อนขึ้นมันก็สามารถเปลี่ยนเป็น airplane mode แล้วตัดสัญญาณโทรศัพท์ได้เลย แต่โชคดีที่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นอย่างงั้น

แล้วก็จากที่เราคาดการณ์ไว้คือ iphone หล่นอยู่ที่พื้น แล้วคนขับยังไม่เห็นก็เลยยังไม่ได้ปิดเครื่อง หรือตัดสัญญาณ แต่ละพอเราตามเจอ เขาดันหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเอง ก็แปลว่าเขาเห็น iphone แล้วเก็บมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเราได้ iphone คืน เลยเปิดดูก็พบว่ามี miss call 1 สาย เราก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าแท็กซี่คันนี้เขาเป็นคนดีจริงรึเปล่า ถ้าต้องการจะคืนเจ้าของ ทำไมเขาถึงเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง และทำไมเขาถึงไม่รับโทรศัพท์ แต่ก็น่าคิดที่ว่าเขาไม่ได้ปิดเครื่อง หรือตัดสัญญา๊ณไปก่อน แต่ก็นะอาจจะใช้ไม่เป็นก็เป็นได้

สุดท้าย technology มีประโยชน์จริงๆ ขอบคุณ find my iphone และ map ทำให้หาตำแหน่งละตามมา iphone เจอ ละก็อยากบอกทุกๆท่านให้พยายามทำ iphone ตัวเองให้มีแบตอยู่ตลอดเวลา เผื่อมีกรณีฉุกเฉินแบบเราในวันนี้นะจ๊ะ

ปล สุดท้าย แท็กซี่คันนี้ซวยแท้ เกือบได้โทรศัพท์ไป 2 เครื่องฟรีๆแล้ว แต่ดันขับๆจอดๆวนไปวนมาให้เรากับพ่อตามทันเองนะ อิอิ


เหนื่อยมาก ลุ้นมาก ตื่นเต้นยิ่งกว่าดูหนังอีก แต่สุดท้ายไม่ว่างเปล่า ยิ้ม

ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
เวลาไปไหนมาไหน ก็ระมัดระวัง smartphone ดีๆ นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่