iPhone 5 หายที่ K-Village (แต่เจ้าหน้าที่ช่วยให้ได้คืนครับ ^^")

เรื่องนี้อาจจะยาวไปซะหน่อยแต่อยากจะเล่าให้ทุกคนได้ฟัง เพราะเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายก็ได้ แต่สุดท้ายแล้วได้คนดีๆหยิบยื่นความมีน้ำใจเข้ามาช่วยเหลือจนเเรื่องราวจบลงได้ดีครับ

วันเสาร์ที่แล้วครับ ผมกับแฟนไปทำธุระที่ทองหล่อมา แล้วก็กำลังจะกลับ แฟนผมเค้าก็ขับรถเลี้ยวเข้าซอยผิด แต่มันก็ผ่าน K-Village แฟนผมก็เปรยๆว่าเรายังไม่เคยมากันที่นี่เลยนะ... ผมก็ตอบไปว่างั้นเราก็แวะเลยก็ได้ ได้ข่าวว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆอยู่เยอะ

หลังจากนั้นก็เอารถเข้าจอดตามปรกติ แล้วพอลงจากรถก็เดินเล่นชิลๆเลือกซื้อชุดให้น้องหมาใส่เล่น แล้วหลังจากนั้นเราสองคนก็เริ่มเดินหาร้านอาหารกินกัน ก็สรุปไปได้ที่ร้าน อาหารญี่ปุ่นที่ชื่อขึ้นต้นด้วย E... (ขอสงวนชื่อร้านนะครับ เพราะร้านนี้เป็นจุดเกิดเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้)

พอเข้าไปในร้าน ร้านนี้เป็นร้านอาหาร Buffet ปิ้งย่างเราสองคนก็เอร็ดอร่อยกับอาหารที่มาเสริฟอย่างต่อเนื่อง ระหว่างกินกันอยู่แฟนก็เอามือถือ iPhone 5 ขึ้นมาถ่าย แล้วก็วางไว้บนกระเป๋าถือ หลังจากนั้นก็กินกันตลอดแล้วก็ไม่ได้เล่นมือถืออีกเลย จนถึงเวลาจ่ายเงิน แฟนผมก็หยิบกระเป๋าเงินโดยเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วก็หยิบออกมา เข้าใจว่ามือถือน่าจะหล่นไปที่เบาะในตอนนั้น พอหลังจากรูดบัตรเสร็จ ก็เดินออกจากร้านไม่ไกลเพื่อหาห้องน้ำ ในจังหวะที่ผมกับแฟนยืนมองหาห้องน้ำอยู่นั้น มีพนักงานร้านอาหาร E เดินตามเราสองคนออกมาก (ระยะเวลาห่างกันประมาณไม่เกิน 20 วินาที) แฟนเราหันหลังไปหาน้องผู้ชายคนนั้นพอดีเลยถามว่าห้องน้ำไปทางไหน น้องผู้ชายที่เดินตามมาเกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อย แล้วก็ชี้ทางไปห้องน้ำ และเราก็ไม่ได้สนใจน้องคนนี้เลยว่าไปไหนต่อ

เมื่อเราสองคนเข้าห้องน้ำเสร็จก็เดินดูของกันเล็กๆน้อยๆก่อนจะเดินทางกลับบ้าน ประจวบเหมาะบริเวณที่จอดรถเราเห็นควันไฟลองฟุ้งขึ้นมา(เป็นช่วงเวลาที่เกิดไฟไหม้แถวชุมชนพระราม 4 แฟนเลยจะเอามือถือมาเช็คข่าวผ่าน Twitter หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่...ปรากฎว่า มือถือหายไปแล้วครับ แฟนผมก็เลยตื่นนิดหน่อย ผมกับแฟนก็จำได้ว่าเล่นมือถือครั้งสุดท้ายก็ที่ร้านอาหาร E. ก็เลยจะกลับไปถามที่ร้าน ระหว่างทางผมก็ลองโทรเข้าเบอร์มือถือแฟนดูก็พบว่ามือถือได้ถูกปิดแล้ว แล้วก็ใช้ Find my iPhone หาก็ไม่ได้ เมื่อเราสองคนเดินไปที่ร้านได้สอบถามผู้จัดการร้าน (ขอแทนว่า ผจก ช นะครับ) ซึ่งก็ได้คำตอบว่า ไม่มีน้องๆคนไหนเก็บมือถือได้เลย แล้วยืนยันว่า หากพนักงานคนไหนเก็บมือถือได้จะนำมาเก็บรักษาเอาไว้รอคืนเจ้าของแน่นอน  

ผมก็แฟนก็คิดว่ามันน่าจะตกบริเวณเบาะที่นั่งก็ลองหาๆดูก็ไม่เจอ แล้วทางร้านก็ไม่มีกล้องวงจรปิดด้วย ซึ่งผมกับแฟนก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทิ้งเบอร์โทรเอาไว้แล้วก็ออกจากร้านด้วยท่าทีเศร้าใจ

หลังจากนั้นเราสองคนก็เดินกลับมาที่รถ ก็ใช้ iPad เปลี่ยรหัสผ่านทั้งหมดเลยทั้ง Online Banking, Apple ID, อีเมลล์ทั้งหมด (เพราะแฟนผมเป็นคนที่จดอะไรทุกอย่างไว้ในเครื่องทั้งหมด แถมไม่ได้ Lock pincode หน้าจอไว้ด้วย ซึ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่ง) รวมถึงโทรไปหา Call Center ของทรู เพื่อระงับเบอร์เอาไว้ แล้วกำลังจะถอดใจแล้ว แต่พอดีเห็น รปภ ยืนอยู่บริเวณนั้นๆ ก็เลยคิดกับแฟนว่าเราจะสอบถามเค้าดีมั้ยว่ามีใครเก็บได้หรือเปล่า หลังจากพูดคุยกันสักพักก็ตัดสินใจเดินไปถาม รปภ ว่ามีคนช่วยเราเก็บมือถือได้หรือเปล่า เจ้าหน้าที่ก็ได้วอร์สอบถามจุดต่างๆก็ได้คำตอบเดิมว่าไม่มีใครพบมือถือหายเลยวันนี้ จนมีเจ้าหน้าที่ของ K-Village ท่านหนึ่งเดินมาสอบถามรายละเอียด (ขอเรียกว่า จนท A นะครับ และคนนี้แหละครับผู้เป็นคนที่มีพระคุณสำหรับผมและแฟนครับ) จนท A คนนี้ได้เดินเข้ามาแล้วได้สอบถามเรื่องราวกับผมและแฟน แล้วก็พาเราสองคนเดินไปดูที่ร้านอีกรอบหนึ่ง

เมื่อได้เข้าไปในร้านแล้ว จนท A  ได้สอบถามกับ  ผจก ช ก็ได้คำตอบเช่นเดิมว่าไม่มีใครเก็บได้ ผมกับ จนท A จึงเดินออกมานอกร้านแล้วมองหากล้องวงจรปิด ก็พบว่ามีกล้องวงจรปิด อยู่บริเวณหน้าร้าน ก็เลยได้ขอร้องกับทาง จนท A ว่าขอดูกล้องวงจรปิดได้หรือเปล่า เค้าก็ยินดี และพาเราสองคนเดินไปที่ห้องควบคุมเพื่อดูกล้องวงจรปิด ซึ่งเราก็ได้ได้ย้อนกล้องดู กล้องไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เพราะจิ้งจกไปขี้เอาไว้ แต่ก็พอเห็นว่าใครเป็นใคร เราย้อนไปดูก็เพื่อที่จะดูว่ามีใครจะถือมือถือเราออกจากร้านหรือไม่ เพราะมือถือแฟนผมจะใส่เคสน้องหมีอันใหญ่ๆ ถ้าใครถือแล้วเดินผ่านก็น่าจะเห็นบ้าง

พอทำการย้อนกล้องกลับไปหลังจากที่เราสองคนออกจากร้าน เราก็พบว่ามีพนักงานชาย(คนที่ชี้ทางไปห้องน้ำให้เรา) เดินตามหลังเราสองออกมา  โดยห่างกันแค่ 20 วินาที และก็ได้เห็นว่าแฟนเราสอบถามทางไปห้องน้ำกับพนักงานคนนั้น พอหลังจากที่บอกทางเราเสร็จ พนักงานคนนั้นก็ได้เดินกลับเข้าร้านโดยทันที !!! เราสองคนเอะใจพร้อมกันว่า แล้วน้องเค้าจะออกมานอกร้านทำไม แล้วพอเราถามเสร็จน้องเค้าก็เดินกลับเข้าร้านไปเลย และไม่ได้เดินออกนอกร้านอีก แล้วอีกอ่างนึงก็คือแฟนผมเค้าจำได้ว่าก่อนจะลุกจากที่นั่งพนักงานชายคนนี้ก็เดินเข็นรถเก็บโต๊ะบริเวณที่เรานั่งอยู่ด้วย ทาง จนท A เห็นอย่างนั้นจึงได้เดินไปที่ร้านเพื่อเชิญผู้จัดการร้านมาดูกล้องพร้อมๆกัน โดยคราวนี้มี ผจก ช. และ ผจก ญ. เดินมาพร้อมกัน ทางจนท A ก็ได้ย้อนกล้องให้ดูพฤษติกรรม ของน้องผู้ชายที่เรากล่าวถึง

ในส่วนของผมกับแฟน ก็ทราบดีว่าเราไม่มีสิทธิ์ไปปรักปรำว่าน้องคนนั้นใช่คนที่เอามือถือเราไปหรือไม่ และก็ไม่มีสิทธิ์ไปสอบสวนน้องเค้าด้วย จึงได้ให้ ผจก ช. เดินไปที่ร้านเพื่อตรวจสอบ และได้ทิ้งให้ ผจก ญ. อยู่กับผม แฟน และ จนท A. ในห้องควบคุมเพื่อรอฟังผล ซึ่งก่อน ผจก ช. จะเดินออกจากห้องควบคุม จนท A ได้กำชับไปว่าให้แจ้งน้องเค้าไปว่าเรากำลังจะให้ทางตำรวจเข้ามาตรวจสอบด้วย เพื่อเพิ่มน้ำหนักในการสืบหาความจริง

ช่วงเวลานั้นเราสองคนก็พูดคุยกับ ผจก ญ. เรื่องราวเกี่ยวกับของหาย ก็ได้ความว่าปรกติแล้วจะเก็บของลูกค้าที่ลืมไว้ พอเวลาผ่านเลยไปประมาณเกือบๆ 1 ชั่วโมง เราสองคนเห็นว่าใช้เวลานานผิดปรกติก็เลยข้อร้องกับทาง ผจก ญ. ว่าให้ไปดูหน่อยได้ไหมว่าตรวจสอบถึงไหนแล้ว ทาง ผจก ญ ก็เดินกลับไปที่ร้านเพื่อสอบถามว่าสถานการณ์ ไปถึงไหนแล้ว แต่ในใจลึกๆเราสองคนก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คืนแล้ว แต่ก็แอบเสียดายเพราะก่อนหน้าที่จะมากินข้าวที่นี่เพิ่งจ่ายเงินไปประมาณ 4 หมื่นบาท แต่ถ้าจะมาเสีย iPhone 5 ไปอีกเครื่องคงรู้สึกแย่กว่าเดิม สักพักหนึ่งหลังจากที่ ผจก ญ. เดินกลับไปที่ร้าน ก็ได้กลับมาพร้อมกับ ผจก ช. คำแรกที่ผมกับแฟนถามคือ "เจอเครื่องไหม ค่ะ/ครับ" ผจก ช. จึงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง พร้อมกับคำพูดขอโทษขอโพยกับทางเราสองคน และบอกว่าซิมการ์ดไม่มีแล้ว เครื่องก็ถูกปิดแล้ว

ในวินาทีที่ได้รู้ว่าได้มือถือคืนเราสองคนขนลุกซู่เลย เพราะในใจคาดหวังว่าจะได้คืนไม่ถึง 1% ด้วย พอหลังจากที่ได้เข้าไปตรวจสอบก็พบว่า ซิมการ์ดหายไป เครื่องถูกปิด และตัวห้อยที่เป็นน้องหมีก็หายไปด้วย แล้วก็ได้สอบถามไปยัง ผจก ช. ว่าสรุปเจอที่ไหน เค้าก็ตอบกลับมาว่า เค้าได้ทำการค้นทั่วทั้งร้าน พร้อมกับงัดล็อคเกอร์พนักงานด้วย แต่มือถือของเราพบที่ใต้เบาะบริเวณที่เรานั่ง ซึ่งมันไม่มีทางหล่นไปใต้เบาะแน่นอน ถ้าไม่มีใครเอาเบาะออกแล้วเอามือถือใส่ไว้ใต้นั้น

สุดท้ายเราสองคนก็ไม่ได้คาดคั้นต่อว่าใครตั้งใจจะขโมยไป เราก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของร้านต่อไป และก่อนหน้าที่เราจะออกจากห้องควบคุมเพื่อกลับมาที่รถ แฟนผมก็แอบบ่นๆว่าสงสัยจะต้องเสียค่าที่จอดรถบานแน่ๆเลย เพราะติดอยู่ในนี้หลายชั่วโมงแล้ว แต่เหมือนสววร์ทรงโปรดอีกรอบ จนท A ได้ยินเช่นนั้นก็ได้เสนอว่าเรื่องที่จอดรถเค้าจะทำการยกเลิกให้ ก็แค่เราให้บัตรจอดรถกับเค้า เค้าก็เซ็นและประสานงานกับทางออกที่จอดรถ เพื่อยกเลิกค่าบริการให้ เราสองคนในตอนนั้นน้ำตาแทบจะไหลครับ เพราะคิดไม่ถึงว่าเราสองคนจะได้รับความช่วยเหลือจาก จนทA มากมายเพียงนี้ ทั้งเรื่องกล้องวงจรปิด ประสานงานกับทางร้าน และยังยกเลิกค่าที่จอดรถให้อีก จนเราสองคนก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไง ก็ได้แต่ขอบคุณเค้าหลายๆครั้งด้วยความตื้นตันใจครับ

แต่ต้องขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้สอบถามชื่อนามสกุลขอ จนทA เอาไว้ แต่ถ้ามีโอกาสผมก็จะกลับไปใช้บริการที่ K-Village อีกแน่นอนครับ เพราะประทับใจกับการให้ความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่จริงๆครับ ขอขอบคุณจริงๆนะครับ (-/\-)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่