ความเดิมตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/31149463
หลังจากวันแรก ที่หนีพายุนารี มาถึงสวนผึ้ง
ก็ไม่วายที่เธอจะตามมาเยี่ยมเยือนจนได้
ทำให้ช่วงบ่ายๆละไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนอีกเลย
วันรุ่งขึ้น.......อากาศก็ยังไม่แจ่มใสนัก
แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยวของหนูดี & ลักกี้
เราเดินทางไปชิม ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่สูตรคุณยาย
ร้านที่ใครๆก็ต้องไปชิมสักครั้ง....ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
เราไปกินตอนเก้าโมงคนยังไม่ค่อยมี
เลือกนั่งด้านหลังร้านติดก่อไผ่
เพราะเกรงว่าคนไม่ชอบหมาจะรังเกียจ
ป้าเจ้าของร้านเป็นคนรักหมาเหมือนกัน
ยังได้เข้ามาทักทายหนูดีกับลักกี้เลย
จุดแรกของวันนี้ที่แวะคือ ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ บ่อวี
ได้รับการต้อนรับจากไกด์ต้วน้อยๆ 3 คน นำเที่ยวภายในฟาร์มด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนแรกเด็กๆก็กลัวหมา โดยเฉพาะลักกี้
ถามว่าใช่หมาป่าหรือเปล่า เราบอกให้จับก็ไม่กล้า
พอมีคนนึ่งจับลักกี้ได้ แล้วบอกว่าจับแล้วขน(เค้า)ลุกเลย
คงจะกลัวเอามากนะนี่ แต่สักพักก็กลายเป็นเพื่อนกันเฉยเลย
ภายในฟาร์มก็จะมีทั้งการแปลงปลูกผักเมืองหนาว และฟาร์มเลี้ยงแพะ เป็ด และไก่
ซึ่งผลผลิตที่ได้ก็จะนำมาจำหน่ายที่หน้าฟาร์ม
ถ้าได้ผ่านมาก็อย่าลืมแวะซื้อผลิตปลอดสารกันนะ
ก่อนกลับเราก็ได้ถ่ายรูปไกด์ตัวน้อยของเราเป็นที่ระลึก
และแจกขนมให้กินโดยทั่วหน้ากัน...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กว่าจะจับถ่ายรูปนี้ได้ พอจับให้หนูดีนิ่ง เด็กด็ไม่นิ่ง
พอเด็กนิ่งลักกี้ เห็นแพะที่เิดินเล็มหญ้าอยู่ด้านหลัง ก็เริ่มไม่นิ่งบ้าง
เหมือนจับปูใส่กระด้งจริงๆเลย...555
ที่แรกตั้งใจว่าจะไปจุดชมวิว ห้วยคอกหมู
เคยถามคนที่เคยไปบอกว่ารถเก๋งขึ้นได้
พอทางแยกเข้าไปอีก 8 กม เป็นทางลูกรัง
ขับไปได้ 2 กม. มีป้ายบอก ทางข้างหน้าชำรุด
เลยเลี้ยวกลับออกมา ขึนไปต่อเกรงจะติดหล่ม...
พอมาถึง สวนป่าสิริกิติ์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า แก่งส้มแมว นั้นเอง
เคยมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน
มันแห้งแล้ง แทบจะไม่มีที่ให้หลบแดดเลย
แต่ปัจจุบันมันร่มรื่น จนแสงแดดส่องแทบไม่ถึงพื้น
มันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน
พอจอดรถเสร็จ ก็มีนกยุงเรียกว่าฝูงได้เลย
เพราะมา 3-4 ตัว มีนกยุงเผือกด้วย
มาต้อนรับเราถึงรถ จึงรีบพาหนูดี & ลักกี้หลบข้างรถก่อน
แม่ค้าบอกว่าเค้าจะกลัวหมา
เราจึงถามแม่ค้าว่าเค้าชอบกินอะไร
แม่ค้าบอกว่า เค้าชอบกินฮานามิ
ก็เลยจัดหนักให้ถุงใหญ่ 1 ถุงไปเลย
หนูดี & ลักกี้ ก็พึ่งเคยเห็นนกยุงเป็นครั้งแรก
แต่ดีที่ลักกี้ไม่ส่งเสียงดังเลย ได้แต่จ่องมองอย่างสงบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปกติ ลักกี้เห็นไก่ทีไร มักจะกระโจนเข้าใส่เสมอ
จึงทำให้นกยุงกิน ฮานามิ อย่างสบายใจ
และไม่มีท่าทีจะกลัวหมาเลยสักนิด
เิราพากันเดินลงด้านล่าง ตามเสียงน้ำไหลที่ดังไปทั่วบริเวณ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนารีหรือเปล่า ที่ส่งผลให้
กระแสน้ำในวันนี้ไม่ใส่ แต่ปริมาณน้ำก็มากทำให้
แก่งส้มแมวสวยไปอีกแบบ
หนูดี & ลักกี้ ก็ได้สัมผัสถึงความร่มรื่นของป่าบริเวณนั้น
ทำเอาลักกี้ ไม่ค่อยอยากจะเดินไปไหน ขอนั่งชมความงามของน้ำตกสักพัก
(ขนาดปล่อยสายจูงให้เดินเองแล้วนะ ยังนั่งไม่ยอมลุกเลย )
ระหว่างเส้นทางเดินชมธรรมชาติ
ก็จะมีดอกไม้ ป่าสวยๆให้เห็นไปตลอด
เหนื่อยก็หยุดพัก สัมผัสลมเย็น และละอองน้ำจากกระแสน้ำเย็นชื่นใจจริงๆ
แล้วเราก็มาถึง แก่งส้มแมว ซึ่งเป็นจุดที่จะเห็นแก่งสวยที่สุด
แต่พอดีเมื่อวานฝนพึ่งตก เพราะนารี เลยทำให้มองไม่เห็นแ่ก่ง
ตอนเดินกลับเราก็ได้เห็นเห็ดป่าที่ขึ้นอยู่ตามขอนไม้
เพราะเป็นช่วงปลายฤดูฝน ความชื้นยังสูงจึงมีเห็ดให้เห็นแบบนี้
บ่ายๆฟ้าเริ่มครึ้ม... เราจึงเดินทางไปกินอาหารมื้อเที่ยงกันที่ร้าน ครัวม่อนไข่
เป็นร้านอาหารที่หลายๆท่านแนะนำ โดยเฉพาะยำผักกูด
ซึ่งฝนก็ตกลงมาก่อนที่เราจะถึงร้าน
ต้องกางร่มเดินเข้าไปถามทางร้านว่ามีน้องหมามาด้วย
พาเข้าร้านได้หรือไม่ พอเดินถึงบริเวณร้าน
ก็ใจชื้นขึ้นมาทันที เพราะเห็นหมาพันธุ์ทางตัวใหญ่
นอนอยู่หลบฝนอยู่ใต้โต๊ะ คิดว่ายังไงก็คงจะพาเจ้าสองตัวเข้าร้านได้แน่
เมื่อได้คำตอบว่าพาหมามานั่งทานอาหารได้
เราก็เดินฝ่าสายฝนไปรับหนูดี &ลักกี้เข้ามาในร้าน
ภายในร้านไม่มีแอร์ ประกอบกับเป็นช่วงบ่ายแล้วจึงไม่ค่อยมีคน
เราจึงเลือกนั่งโต๊ะที่หลบมุมหน่อย จะได้ไม่รบกวนคนอื่น
พอนั่งที่โต๊ะ เด็กเสริฟหลายคนก็มาทักหนูดี & ลักกี้
บางคนมีหลานตัวเล็กๆก็อุ้มมาเล่นกับลักกี้
(จนรู้สึกว่า ไม่ค่อยได้รับความเป็นส่วนตัวเท่าไร)
ส่วนหนูดีก็หลับอยู่ใต้โต๊ะ เพราะหมดแรงตั้งแต่แก่งส้มแมวแล้ว...
กินอิ่มแล้ว กะจะเดินลงไปกินไอศรีมด้านหน้าร้านหน่อย
ฝนก็เทลงมาอีก..เลยกลับที่พักดีกว่า
เรียกว่ากินมื้อเดียว อิ่มไปยันเช้าเลยละ...
โปรดติดตามต่อสุดท้ายในสัปดาห์หน้านะ
http://ppantip.com/topic/31166382
**** หนูดี & ลักกี้ ตะลอนทัวร์ ตอน หนีนารี ไป สวนผึ้ง ****** ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/31149463
หลังจากวันแรก ที่หนีพายุนารี มาถึงสวนผึ้ง
ก็ไม่วายที่เธอจะตามมาเยี่ยมเยือนจนได้
ทำให้ช่วงบ่ายๆละไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนอีกเลย
วันรุ่งขึ้น.......อากาศก็ยังไม่แจ่มใสนัก
แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยวของหนูดี & ลักกี้
เราเดินทางไปชิม ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่สูตรคุณยาย
ร้านที่ใครๆก็ต้องไปชิมสักครั้ง....ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
เราไปกินตอนเก้าโมงคนยังไม่ค่อยมี
เลือกนั่งด้านหลังร้านติดก่อไผ่
เพราะเกรงว่าคนไม่ชอบหมาจะรังเกียจ
ป้าเจ้าของร้านเป็นคนรักหมาเหมือนกัน
ยังได้เข้ามาทักทายหนูดีกับลักกี้เลย
จุดแรกของวันนี้ที่แวะคือ ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ บ่อวี
ได้รับการต้อนรับจากไกด์ต้วน้อยๆ 3 คน นำเที่ยวภายในฟาร์มด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ภายในฟาร์มก็จะมีทั้งการแปลงปลูกผักเมืองหนาว และฟาร์มเลี้ยงแพะ เป็ด และไก่
ซึ่งผลผลิตที่ได้ก็จะนำมาจำหน่ายที่หน้าฟาร์ม
ถ้าได้ผ่านมาก็อย่าลืมแวะซื้อผลิตปลอดสารกันนะ
ก่อนกลับเราก็ได้ถ่ายรูปไกด์ตัวน้อยของเราเป็นที่ระลึก
และแจกขนมให้กินโดยทั่วหน้ากัน...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่แรกตั้งใจว่าจะไปจุดชมวิว ห้วยคอกหมู
เคยถามคนที่เคยไปบอกว่ารถเก๋งขึ้นได้
พอทางแยกเข้าไปอีก 8 กม เป็นทางลูกรัง
ขับไปได้ 2 กม. มีป้ายบอก ทางข้างหน้าชำรุด
เลยเลี้ยวกลับออกมา ขึนไปต่อเกรงจะติดหล่ม...
พอมาถึง สวนป่าสิริกิติ์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า แก่งส้มแมว นั้นเอง
เคยมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน
มันแห้งแล้ง แทบจะไม่มีที่ให้หลบแดดเลย
แต่ปัจจุบันมันร่มรื่น จนแสงแดดส่องแทบไม่ถึงพื้น
มันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน
พอจอดรถเสร็จ ก็มีนกยุงเรียกว่าฝูงได้เลย
เพราะมา 3-4 ตัว มีนกยุงเผือกด้วย
มาต้อนรับเราถึงรถ จึงรีบพาหนูดี & ลักกี้หลบข้างรถก่อน
แม่ค้าบอกว่าเค้าจะกลัวหมา
เราจึงถามแม่ค้าว่าเค้าชอบกินอะไร
แม่ค้าบอกว่า เค้าชอบกินฮานามิ
ก็เลยจัดหนักให้ถุงใหญ่ 1 ถุงไปเลย
หนูดี & ลักกี้ ก็พึ่งเคยเห็นนกยุงเป็นครั้งแรก
แต่ดีที่ลักกี้ไม่ส่งเสียงดังเลย ได้แต่จ่องมองอย่างสงบ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จึงทำให้นกยุงกิน ฮานามิ อย่างสบายใจ
และไม่มีท่าทีจะกลัวหมาเลยสักนิด
เิราพากันเดินลงด้านล่าง ตามเสียงน้ำไหลที่ดังไปทั่วบริเวณ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนารีหรือเปล่า ที่ส่งผลให้
กระแสน้ำในวันนี้ไม่ใส่ แต่ปริมาณน้ำก็มากทำให้
แก่งส้มแมวสวยไปอีกแบบ
หนูดี & ลักกี้ ก็ได้สัมผัสถึงความร่มรื่นของป่าบริเวณนั้น
ทำเอาลักกี้ ไม่ค่อยอยากจะเดินไปไหน ขอนั่งชมความงามของน้ำตกสักพัก
(ขนาดปล่อยสายจูงให้เดินเองแล้วนะ ยังนั่งไม่ยอมลุกเลย )
ระหว่างเส้นทางเดินชมธรรมชาติ
ก็จะมีดอกไม้ ป่าสวยๆให้เห็นไปตลอด
เหนื่อยก็หยุดพัก สัมผัสลมเย็น และละอองน้ำจากกระแสน้ำเย็นชื่นใจจริงๆ
แล้วเราก็มาถึง แก่งส้มแมว ซึ่งเป็นจุดที่จะเห็นแก่งสวยที่สุด
แต่พอดีเมื่อวานฝนพึ่งตก เพราะนารี เลยทำให้มองไม่เห็นแ่ก่ง
ตอนเดินกลับเราก็ได้เห็นเห็ดป่าที่ขึ้นอยู่ตามขอนไม้
เพราะเป็นช่วงปลายฤดูฝน ความชื้นยังสูงจึงมีเห็ดให้เห็นแบบนี้
บ่ายๆฟ้าเริ่มครึ้ม... เราจึงเดินทางไปกินอาหารมื้อเที่ยงกันที่ร้าน ครัวม่อนไข่
เป็นร้านอาหารที่หลายๆท่านแนะนำ โดยเฉพาะยำผักกูด
ซึ่งฝนก็ตกลงมาก่อนที่เราจะถึงร้าน
ต้องกางร่มเดินเข้าไปถามทางร้านว่ามีน้องหมามาด้วย
พาเข้าร้านได้หรือไม่ พอเดินถึงบริเวณร้าน
ก็ใจชื้นขึ้นมาทันที เพราะเห็นหมาพันธุ์ทางตัวใหญ่
นอนอยู่หลบฝนอยู่ใต้โต๊ะ คิดว่ายังไงก็คงจะพาเจ้าสองตัวเข้าร้านได้แน่
เมื่อได้คำตอบว่าพาหมามานั่งทานอาหารได้
เราก็เดินฝ่าสายฝนไปรับหนูดี &ลักกี้เข้ามาในร้าน
ภายในร้านไม่มีแอร์ ประกอบกับเป็นช่วงบ่ายแล้วจึงไม่ค่อยมีคน
เราจึงเลือกนั่งโต๊ะที่หลบมุมหน่อย จะได้ไม่รบกวนคนอื่น
พอนั่งที่โต๊ะ เด็กเสริฟหลายคนก็มาทักหนูดี & ลักกี้
บางคนมีหลานตัวเล็กๆก็อุ้มมาเล่นกับลักกี้
(จนรู้สึกว่า ไม่ค่อยได้รับความเป็นส่วนตัวเท่าไร)
ส่วนหนูดีก็หลับอยู่ใต้โต๊ะ เพราะหมดแรงตั้งแต่แก่งส้มแมวแล้ว...
กินอิ่มแล้ว กะจะเดินลงไปกินไอศรีมด้านหน้าร้านหน่อย
ฝนก็เทลงมาอีก..เลยกลับที่พักดีกว่า
เรียกว่ากินมื้อเดียว อิ่มไปยันเช้าเลยละ...
โปรดติดตามต่อสุดท้ายในสัปดาห์หน้านะ
http://ppantip.com/topic/31166382