สวัสดีครับ วันนี้จะพาเที่ยวป่าเกิดใหม่ครับ

ท้าวความเดิมก่อนนะครับ  เมื่อสมัยเมื่อประมาณก่อน พ.ศ. 2490
ต้นตะกูลผมอพยพ มาจากบ้านดอนหัน  แถวๆจ.ร้อยเอ็ดครับ
ตาเล่าให้ฟังว่า ที่ต้องย้ายถิ่นฐาน เพราะความแห้งแล้ง แล้งขนาดไหน
คือแล้งขนาด ต้องขุดหัวเผือก หัวมัน และกลอย มากินแทนข้าวเลยล่ะครับ
คนรุ่นผม อาจจะยังไม่เคยเจอว่า แล้งขนาดต้องย้ายบ้านนั้นมันแล้งขนาดไหน
อาจจะยังไม่เข้าใจที่ตาพูด จนเมื่อปีที่แล้วบ้านผมเกิดแล้งหนัก


ทำนาไม่ได้ข้าวเลย(ปกติทำข้าวนาปี ได้ประมาณ 350-400 กระสอบปุ๋ย
ปีที่แล้ว 2555   ทำนาได้ 16 กระสอบปุ๋ย)
ครอบครัวของตาเป็นครอบครัวใหญ่ และเป็นครอบครัวแรกๆที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน
ในพื้นที่ๆปัจจุบัน สภาพบริเวณนี้ ตาบอกว่าสมัยนั้น มีทั้งแฮด(แรด) ช้าง เสือ
คือพูดง่ายๆ ก็คือมีทุกอย่างที่ป่าพึงจะมี ข่าวการค้นพบ ดินแดนใหม่ ที่อุดมสมบูรณ์
กว่า กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีผู้อพยพรุ่นแล้วรุ่นเล่า
มาช่วยกันหักร้างถางพง  จนมีสภาพอย่างที่เห็น
วงกลมสีส้มคือ ขนาดของหมู่บ้านผม  วงกลมสีเหลืองคือป่าช้า วงกลมสีน้ำเงิน
คือที่ๆผมจะพาไปชม

พื้นที่ๆเคยอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าและสิงสาราสัตว์ วันนี้กลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมกว้างใหญ่
สุดลูกหู ลูกตา ผมเคยถามตาว่า แล้วต้นไม้มายมายตอนตัดลง เอาไปทำอะไรหมด
คำตอบที่ทำให้คนรุ่นเราสุดแสนจะเสียดายคือ เผาทิ้งให้เป็นเถ้า
หลังจากนั้น ทุกคนก็ลงหลักปักฐานมั่นกันที่นี่

เอาละครับเกริ่นมาซะยาว ขอเข้าเรื่องกันดีกว่าที่สี่เหลี่ยมใหญ่ในรูปก็คือ
ที่สาธารณะประโยชน์ ประจำหมู่บ้าน  แต่ก่อนจะเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ
มีนกคุ่ม นกเขา และนกอีกหลายชนิดมาหากินเมล็ดหญ้า ตามทุ่งนี้
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านบ้องตื้นคนก่อนต้องการหาเงินมาสร้างศาลาการเปรียญ
ประจำหมู่บ้าน ก็เลยเอามาปลูกยูคาลิปตัสเพื่อขาย(คิดได้ไงวะ ที่ 25 ไร่
ปลูกยูคา 3 ปีตัดครั้ง ได้ครั้ง ละ แสน   แต่เงินที่สร้างศาลาจริงๆคือเงินผ้าป่า)
สภาพทุ่งแห่งนี้ปัจจุบันจึงกลายสภาพเป็นป่ายูคาลิปตัสรกทึบไปแล้ว

มาที่พื้นที่ 4 เหลี่ยมเล็กๆ 2 อันที่อยู่ติดกัน มันคือที่ มรดกที่ตายกให้แม่กับน้า
ที่สองแปลงนี้มีขนาดรวมกันประมาณ 8 ไร่ มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้า
แต่ก่อนครอบครัวมีอาชีพทำนา และ ทำการปศุสัตว์ที่ส่วนใหญ่จึงเป็นทุ่งหญ้า


ไร้ต้นไม้ และแน่นอน คนที่รับบท คาวบอยก็คือ ลูกชายคนโตอย่างผม
เมื่อ พ.ศ.2548  ผมจบเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ผมเองก็เฉกเช่นวัยรุ่นคนอื่นๆในหมู่บ้าน
คือไม่อยากเรียนต่อ อยากออกมาหาเงิน ผมได้มาทำงานโรงงานในกรุงเทพฯ
เมื่อผมไม่อยู่ ทำให้พ่อกับแม่ ต้องเลี้ยงวัวเอง จำนวนวัวที่มีจึงลดน้อยลงเรื่อยๆ
เพราะท่านเหนื่อย เลี้ยงเยอะๆไม่ไหว จากหลักยี่สิบ ปัจจุบันเหลืออยู่ 5(ในท้อง อีกสอง)
เมื่อวัวเหลือน้อยลง ก็ใช้หญ้าน้อยลง แม่เกี่ยวหญ้ามาจากนาก็เพียงพอแล้ว
ที่จะเลี้ยงวัว 5 ตัวนี้ได้ ไร่จึงหมดความสำคัญลงไป

เมื่อไม่มีคนไปกวน  ต้นไม้ใบหญ้า จึงมีโอกาสได้ฟื้นตัวอีกครั้ง
ผมจะนำภาพมาให้ดูว่า 9 ปีที่ผมจากมา เมื่อกลับไปอีกครั้ง สภาพมันเปลี่ยนไปแค่ไหน
ต้นพะยูงต้นนี้ เมื่อพ.ศ.2545 ยังมีขนาดเท่านิ้วโป้งเอง แล้วผมก็ฟันทิ้ง เนื่องจากเห็นว่า
มันเกิดอยู่ติดถนน  ต้นที่เห็นอยู่นี้คือ ตอของมันที่แตกขึ้นมาใหม่
เทียบกับคืบของผมที่ยาว 22 ซม นี่คือภาพถ่ายปัจจุบันของต้นพะยูงต้นนั้น


ไม้พะยูงจริงๆแล้วเป็นไม้ที่โตไวมากๆคุณพ่อของผมได้นำต้นกล้ามาปลูกไว้ตามริมรั้ว
ผ่านไปแค่ 4-5 ปีก็มีขนาดประมาณนี้แล้ว

เมื่อเดินเข้าไปผมได้พบกับป่าชาด(ภาษากลางเรียกพลวงรึป่าวไม่แน่ใจ)น้อยใหญ่
จากที่ตอนนั้นมีไม่กี่ต้น ปัจจุบันมันแย่งกันเกิดอย่างเบียดเสียด


ตอนนี้ครอบครัวจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากที่ดินบ้าง จึงปลูกมันสำปะหลัง และยางพารา
แต่คุณพ่อเลือกที่จะเก็บต้นไม้รกๆเหล่านั้นไว้ให้เป็นป่า เราจึงได้ไร่ยางและไร่มันแหว่งๆมา

เมื่อมีต้นไม้ สิ่งที่ตามมาจากก็คือ อาหารป่า

เห็ดไคหอม ที่จริงบริเวณนี้มีเห็ดเกิดนานแล้ว แต่พอมีต้นไม้ เห็ดเลยเกิดเยอะขึ้น

เห็ดหน้าขาว

เห็ดละโงกไส้เดือน ที่จริงกินได้ แต่คนไม่ค่อยนิยมกัน และสุดท้าย

เห็ดมันปู เป็นเห็ดที่ผัดใส่ไข่อร่อยมาก หรือหมกใส่ใบแมงลัก หอมอย่าบอกใครเชียว

ข้างในส่วนที่เป็นป่านั้นตอนนี้คุณแม่พยายามหาสารพัดต้นไม้มาปลูกเสริมเพิ่มความหลากหลาย

อันนี้คือต้นกระบก ต้นยังเล็กอยู่ รู้สึกว่าจะโตยากเหมือนกัน


หวายที่พยายามปลูกเป็นแนวรั้วป้องกันผู้บุกรุก

อินทผลัมก็มีนะ 555555
ที่ตรงนี้ต่อไปก็คงกลายเป็นดงพะยูง




สุดท้ายนี้ก็คงไม่มีอะไร  และไม่ได้คาดหวังอะไรจากกระทู้นี้
นอกจากจะบอกว่า  ป่าฟื้นฟูตัวเองได้ ถึงเราไม่ปลูก แค่เราไม่ไปบุกรุกก็พอ
ที่แปลงน้อยๆของผม ตอนนี้กลายสภาพเป็นกึ่งป่าไปแล้วครึ่งนึง
ผมดีใจ ที่พ่อแม่ของผม เหลือต้นไม้ไว้ให้ผม
และผมก็จะเหลือไว้ให้ลูกหลานผมเหมือนกันครับ
สุดท้ายขอลาด้วยดอกไม้จากบ้านนางามๆครับ


ท่านใดคอแห้ง รับส้มมอ สักลูกไหมครับ

ลูกแดง  เปลือกแตกออกใช้ทำฟืนไฟแรงดี

และอื่นๆเรียกชื่อไม่ถูก

เดียวจะทยอยเอารูปดอกไม้ป่ามาลงให้ดูนะครับ แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว
ไม่เคยพิมพ์อะไรนานๆอย่างนี้มาก่อนเลย


ผมขออนุญาติไม่บอกพิกัดนะครับ เพราะที่นี่มีไม้พะยูงเหลืออยู่พอสมควร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่