ประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หน้าเรามีสิวเม็ดเล็กๆขึ้น ซึ่งถ้าไม่สังเกตุดีๆจะมองไม่เห็น
กลางคืนเราพยายามไม่ทาครีมเยอะ ทาแต่เจลบำรุงสำหรับผิวแพ้ง่าย+ผงพิเศษ เราเครียดมากๆ
ตอนนั้นนึกถึงแต่คลีนิคด้านความงามชื่อดังที่มีหลายสาขา อยากไปหาหมอ แต่ช่วงนี้งบในกระเป๋าน้อยมากกกกก
แต่เมื่อวันศุกร์อยู่ๆเลยนึกถึง หมอที่เราเคยไปรักษาสิวตอนม.ต้น (ตอน ป.5-ม.6 เราเป็นสิวมาตลอด 8 ปี)
จำได้ว่าค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งน้อยมาก ก่อนไปเราเลยหา ข้อมูลเกี่ยวกับคลีนิค ว่าเปิด-ปิด กี่โมง
ก็เจอกระทู้นึงที่มาต่อว่าหมอว่าหมอพูดจากวนมากกก แล้วไม่ยอมฉีดสิวให้ตามที่เค้าต้องการ เลยมีคนมาคอมเมนต์ว่า
จริงๆการฉีดสิวไม่ใช่เรื่องดี แล้วหมอเค้าทำถูกแล้ว แต่สไตล์การพูดแกจะเป็นแบบนี้ เราก็เลยตัดสินใจไปหาหมอมาเมื่อวาน
พาน้องสาวไปด้วย เพราะน้องเป็นสิวอยู่ไปรักษาพร้อมกันเลย เราขอเข้าไปตรวจพร้อมน้องสาวเรา
เข้าไปพบหมอ เราเปิดประเด็นของเราก่อนเลย
เรา: หมอคะ หนูไม่รู้ว่าแพ้อะไร หน้าเป็นผื่น เม็ดเล็กๆเต็มไปหมด (คือมันไม่มีหัวหน่ะค่ะ เป็นขนาดจิ๋วๆที่ไม่สังเกตุมองไม่เห็น)
หมอ (ยื่นกระจกให้) : อ่ะถือ!! แล้วบอกหมอว่าอันไหนที่บอกว่าผื่น
เราเอ๋อๆ งงๆค่ะ หมอมาแนวไหน หน้านิ่งมากกก
เรา: มันเป็นทั้งหน้าแหละค่ะหมอ (คือไม่รู้จะชี้จุดไหนมันทั้งหน้าจริงๆ)
หมอ: ไหนหล่ะ หมอบอกให้ชี้ไง (อึ้งค่ะ ดุนู๋ทำมายยยยยยย)
เรา: แถวนี้อ่ะค่ะหมอ (เราเลยชี้แถวๆค้างมันเป็นเยอะหน่อย)
หมอ: มั่นใจนะว่ามันเป็นผื่น ไม่ใช่สิว
เรา: เอ่อ....... น่าจะสิวมั้งคะ (งงอีกแล้วค่ะ หมอต้องการอัลไล 555+)
หมอ: หมอดูแว๊ปแรกก็รู้แล้วว่ามันเป็นสิว แต่คนไข้บอกว่าผื่น หมอเลยให้ชี้ว่าอันไหนกันแน่ที่ต้องการให้รักษา
เรา: หมอ นู๋ไม่ใช่แพ้พทย์ผิวหนัง นู๋จะดูแล้วรู้ได้หล่ะค่ะ ว่ามันเป็นผื่นหรือสิว คือมันไม่มีหัว แล้วเม็ดมันเล็กๆ เยอะแยะไปหมด
มันคือสิวชนิด A B หรือ C นู๋ไม่รู้หรอกค่ะ (คือ ประโยคข้างต้น อันนี้คิดในใจหมดเลยค่ะ ไม่กล้าพูด)
หมอ: ถ้าเราคิดว่าเราเป็นผื่น เราแพ้ เราก็จะงดแต่สิ่งที่เราคิดว่าเราแพ้ จริงๆแล้วการที่แล้วเป็นสิว มันมีปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง
ไม่ใช่อย่างเดียว เหมือนคนที่อ้วน ......... (ถึงตรงนี้ เรากับน้องหลุดขำเลย คือมันบังเอิญที่นู๋ดันอ้วนเหมือน
กรณีที่หมออยากอธิบาย หรือหมอจงใจว่าที่นู๋อ้วนจิงๆคะ 555+) แล้วคิดว่าเพราะกินคิดว่ากินทุเรียนแล้ว ก็หยุดกินทุเรียน
แต่พอหยุดกินทุเรียนมันก็ไม่ได้ผอม เพราะอะไร คือมันไม่ได้มีอย่างเดียวที่ทำให้อ้วนไง พอเข้าใจมั้ย
เรา: เข้าใจค่ะ (คือกลั้นขำสุดๆ เพราะหมอหน้านิ่งมากกกกกก)
หมอ: หมอพยายามทำให้คนไข้เข้าใจก่อน กับสิวก่อน ถ้าเข้าใจต่อไปเราต้องอยากรู้แล้วใช่มั้ย ว่าอะไรบ้าง
ที่เราบอกว่ามันเป็นปัจจัยที่ทำให้เราเกิดสิว
เรา: ค่ะ
หมอ: หนึ่งเลย การสัมผัส ไม่ว่าจะการล้างหน้า เช็ดหน้า ลูบหน้า จับหน้า หรืออะไรก็ตาม ไม่ว่าจะสะอาดแค่ไหน
ก็ทำให้กระตุ้นให้เกิดสิว เหมือนคนที่หัวเราะ ถ้าเค้าหัวเราะอยู่แล้ว เรายิ่งไปเล่าเรื่องตลกเข้าก็จะหัวเราะไปใหญ่
แต่ถ้าคนๆนั้นไม่ได้หัวเราะอยู่การที่จะเล่าเรื่องให้เค้าหัวเราะก็ไม่ใช่เรื่องจ่าย เข้าใจใช่มั้ยยย
เรา: เข้าใจค่ะ
หมอ: สองเครื่องสำอาง เราต้องงดเครื่องสำอาง ทั้งหมด ใช้แต่ยาก่อน หายดีแล้วเราก็กลับมาใช้ได้ เข้าใจมั้ย
เรา: เข้าใจค่ะ
จบประเด็นของเรา หมอก้ดูหน้าน้องต่อ แต่หมอไม่พูดอะไรมาก อธิบายแค่ยาที่จะให้ เพราะหมอบอกว่าพูดไปหมดแล้วว
หาหมอมาตั้งหลายครั้งแต่เมื่อก่อนเรียน ต้องมาตอนเย็น คนเยอะมากกก ไม่เคยได้คุยกับหมอนานขนาดนี้ แต่วันนี้เราไปตอนบ่ายโมง
ไม่มีคิว หมอเลยจัดหนักเลยยยย ไม่รู้ว่าคิดผิดรึป่าววว 55+
เสร็จแล้วจ่ายเงิน ของเรากับของน้องรวมกัน 950 บาท อีก 3 อาทิตย์หมอถึงนัดใหม่ เราเลยขอซื้อยาเราเพิ่ม 1 ชุด
เพราะหน้าเราบาน ใช้แปปเดียวก็หมด รวมเป็นเงินประมาณ 1200 กว่าบาท ถือว่าถูกมากๆ (ตรงนี้แล้วแต่คลีนิคด้วยนะคะ
คลีนิคเราอยู่ศรีราชา ไม่ได้อยู่ในกทม.ราคาเลยอาจจะถูก)
// .... บางสิ่งบางอย่างที่เราเกือบลืมไป .... "แพทย์ผิวหนัง" //
กลางคืนเราพยายามไม่ทาครีมเยอะ ทาแต่เจลบำรุงสำหรับผิวแพ้ง่าย+ผงพิเศษ เราเครียดมากๆ
ตอนนั้นนึกถึงแต่คลีนิคด้านความงามชื่อดังที่มีหลายสาขา อยากไปหาหมอ แต่ช่วงนี้งบในกระเป๋าน้อยมากกกกก
แต่เมื่อวันศุกร์อยู่ๆเลยนึกถึง หมอที่เราเคยไปรักษาสิวตอนม.ต้น (ตอน ป.5-ม.6 เราเป็นสิวมาตลอด 8 ปี)
จำได้ว่าค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งน้อยมาก ก่อนไปเราเลยหา ข้อมูลเกี่ยวกับคลีนิค ว่าเปิด-ปิด กี่โมง
ก็เจอกระทู้นึงที่มาต่อว่าหมอว่าหมอพูดจากวนมากกก แล้วไม่ยอมฉีดสิวให้ตามที่เค้าต้องการ เลยมีคนมาคอมเมนต์ว่า
จริงๆการฉีดสิวไม่ใช่เรื่องดี แล้วหมอเค้าทำถูกแล้ว แต่สไตล์การพูดแกจะเป็นแบบนี้ เราก็เลยตัดสินใจไปหาหมอมาเมื่อวาน
พาน้องสาวไปด้วย เพราะน้องเป็นสิวอยู่ไปรักษาพร้อมกันเลย เราขอเข้าไปตรวจพร้อมน้องสาวเรา
เข้าไปพบหมอ เราเปิดประเด็นของเราก่อนเลย
เรา: หมอคะ หนูไม่รู้ว่าแพ้อะไร หน้าเป็นผื่น เม็ดเล็กๆเต็มไปหมด (คือมันไม่มีหัวหน่ะค่ะ เป็นขนาดจิ๋วๆที่ไม่สังเกตุมองไม่เห็น)
หมอ (ยื่นกระจกให้) : อ่ะถือ!! แล้วบอกหมอว่าอันไหนที่บอกว่าผื่น
เราเอ๋อๆ งงๆค่ะ หมอมาแนวไหน หน้านิ่งมากกก
เรา: มันเป็นทั้งหน้าแหละค่ะหมอ (คือไม่รู้จะชี้จุดไหนมันทั้งหน้าจริงๆ)
หมอ: ไหนหล่ะ หมอบอกให้ชี้ไง (อึ้งค่ะ ดุนู๋ทำมายยยยยยย)
เรา: แถวนี้อ่ะค่ะหมอ (เราเลยชี้แถวๆค้างมันเป็นเยอะหน่อย)
หมอ: มั่นใจนะว่ามันเป็นผื่น ไม่ใช่สิว
เรา: เอ่อ....... น่าจะสิวมั้งคะ (งงอีกแล้วค่ะ หมอต้องการอัลไล 555+)
หมอ: หมอดูแว๊ปแรกก็รู้แล้วว่ามันเป็นสิว แต่คนไข้บอกว่าผื่น หมอเลยให้ชี้ว่าอันไหนกันแน่ที่ต้องการให้รักษา
เรา: หมอ นู๋ไม่ใช่แพ้พทย์ผิวหนัง นู๋จะดูแล้วรู้ได้หล่ะค่ะ ว่ามันเป็นผื่นหรือสิว คือมันไม่มีหัว แล้วเม็ดมันเล็กๆ เยอะแยะไปหมด
มันคือสิวชนิด A B หรือ C นู๋ไม่รู้หรอกค่ะ (คือ ประโยคข้างต้น อันนี้คิดในใจหมดเลยค่ะ ไม่กล้าพูด)
หมอ: ถ้าเราคิดว่าเราเป็นผื่น เราแพ้ เราก็จะงดแต่สิ่งที่เราคิดว่าเราแพ้ จริงๆแล้วการที่แล้วเป็นสิว มันมีปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง
ไม่ใช่อย่างเดียว เหมือนคนที่อ้วน ......... (ถึงตรงนี้ เรากับน้องหลุดขำเลย คือมันบังเอิญที่นู๋ดันอ้วนเหมือน
กรณีที่หมออยากอธิบาย หรือหมอจงใจว่าที่นู๋อ้วนจิงๆคะ 555+) แล้วคิดว่าเพราะกินคิดว่ากินทุเรียนแล้ว ก็หยุดกินทุเรียน
แต่พอหยุดกินทุเรียนมันก็ไม่ได้ผอม เพราะอะไร คือมันไม่ได้มีอย่างเดียวที่ทำให้อ้วนไง พอเข้าใจมั้ย
เรา: เข้าใจค่ะ (คือกลั้นขำสุดๆ เพราะหมอหน้านิ่งมากกกกกก)
หมอ: หมอพยายามทำให้คนไข้เข้าใจก่อน กับสิวก่อน ถ้าเข้าใจต่อไปเราต้องอยากรู้แล้วใช่มั้ย ว่าอะไรบ้าง
ที่เราบอกว่ามันเป็นปัจจัยที่ทำให้เราเกิดสิว
เรา: ค่ะ
หมอ: หนึ่งเลย การสัมผัส ไม่ว่าจะการล้างหน้า เช็ดหน้า ลูบหน้า จับหน้า หรืออะไรก็ตาม ไม่ว่าจะสะอาดแค่ไหน
ก็ทำให้กระตุ้นให้เกิดสิว เหมือนคนที่หัวเราะ ถ้าเค้าหัวเราะอยู่แล้ว เรายิ่งไปเล่าเรื่องตลกเข้าก็จะหัวเราะไปใหญ่
แต่ถ้าคนๆนั้นไม่ได้หัวเราะอยู่การที่จะเล่าเรื่องให้เค้าหัวเราะก็ไม่ใช่เรื่องจ่าย เข้าใจใช่มั้ยยย
เรา: เข้าใจค่ะ
หมอ: สองเครื่องสำอาง เราต้องงดเครื่องสำอาง ทั้งหมด ใช้แต่ยาก่อน หายดีแล้วเราก็กลับมาใช้ได้ เข้าใจมั้ย
เรา: เข้าใจค่ะ
จบประเด็นของเรา หมอก้ดูหน้าน้องต่อ แต่หมอไม่พูดอะไรมาก อธิบายแค่ยาที่จะให้ เพราะหมอบอกว่าพูดไปหมดแล้วว
หาหมอมาตั้งหลายครั้งแต่เมื่อก่อนเรียน ต้องมาตอนเย็น คนเยอะมากกก ไม่เคยได้คุยกับหมอนานขนาดนี้ แต่วันนี้เราไปตอนบ่ายโมง
ไม่มีคิว หมอเลยจัดหนักเลยยยย ไม่รู้ว่าคิดผิดรึป่าววว 55+
เสร็จแล้วจ่ายเงิน ของเรากับของน้องรวมกัน 950 บาท อีก 3 อาทิตย์หมอถึงนัดใหม่ เราเลยขอซื้อยาเราเพิ่ม 1 ชุด
เพราะหน้าเราบาน ใช้แปปเดียวก็หมด รวมเป็นเงินประมาณ 1200 กว่าบาท ถือว่าถูกมากๆ (ตรงนี้แล้วแต่คลีนิคด้วยนะคะ
คลีนิคเราอยู่ศรีราชา ไม่ได้อยู่ในกทม.ราคาเลยอาจจะถูก)