*รีวิวนี้ยาวนะ ไม่สนใจรายละเอียดข้ามไปย่อหน้าท้ายๆได้เลยคร้าบ ฮ่าๆ*

วันนี้ได้ไปดู ต้มยำกุ้ง 2 รอบพิเศษมาครับ ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ผมค่อนข้างบ้า องค์บาก , ต้มยำกุ้ง และ จา พนม อย่างแรง ถึงแม้ องค์บาก 2 จะทำออกมาดูใช้ได้ และผิดหวังสุดๆกับ องค์บาก 3 ก็ตาม แต่การได้เห็น จา พนม กลับมาเล่นหนังภายใต้การกำกับของทีมชุดเดิมจาก องค์บาก ภาคแรก มันก็ไม่แปลกที่ผมจะตื่นเต้นและเฝ้ารอคอย  แต่สิ่งนึงทีผมกังวลใจคือ "จา พนม จะยังคงฟิตพร้อมเหมือนเดิมไหม" เพราะพี่แกหยุดยาวบ้าง มีปัญหานู้นนี่บ้าง แต่ก็เอาน่ะ ผมตัดทุกสิ่งอย่างออกไปจากหัวให้หมดแล้วก็เข้าไปดูหนังกันเลยดีกว่า

ผมขอรีวิวแบบละเอียดนะ โดยจะแยกเป็นส่วนๆไปเลยละกัน เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นที่ขอจัดเต็มหน่อยเถอะ

การแสดง
1. จา พนม - สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การแสดงอารมณ์ต่างๆนั้น ดีขึ้น ตัวละคร "ขาม" ดูมีชีวิตขึ้นมากกว่าภาคแรก เข้าใจว่า ต้องการที่จะลบคำตำหนิต่างๆจากภาคแรกที่ จา เล่นแค่ไม่กี่คำเท่านั้น  ซึ่งก็ยอมรับว่า เล่นดีขึ้นจริงๆ แววตาดีขึ้น น้ำเสียงดีขึ้น เรียกว่า แอ๊คติ้งดีกว่าภาคแรกเยอะละกัน "แต่" สิ่งที่แย่ลงกลับเป็นการเล่นฉากแอ๊คชั่นไปซะอย่างนั้น ซึ่งดูแล้วก็ได้คำตอบในสิ่งที่ผมกังวลแล้วล่ะ นั่นคือ "จา ไม่ฟิตเท่าเดิม" รู้สึกว่าลดลง ด้อยลง ถ้าตีองค์บาก 1 เท่ากับ 100% ผมให้จา เรื่องนี้ที่ 40-50% เท่านั้นแหละ แอ๊คชั่นของจา ขาดเสน่ห์ไม่เหมือนที่ผ่านมา
ไม่เด่นชัดและน่าจดจำ ทั้งเรื่องแทบไม่เห็นท่ายาก จากจาเท่าไร มีแต่ถ้าพื้นฐานซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางฉากนะ ที่แอ๊คชั่นของจา กลับมาดูดีและทำท่าจะเจ๋งแล้ว แต่ก็กลับแผ่วลง ครึ่งแรกของเรื่อง จา เล่นหลากหลายอารมณ์ดี แต่ครึ่งหลังนี้เข้าโหมดอารมณ์เดียวยาวจนจบเรื่องเลย รวมๆสำหรับจา คนเดียวนะ ผมรู้สึกว่า จา ไม่ค่อยทุ่มเทหรือเต็มที่กับเรื่องนี้เท่าไร (ผมคิดเอง แหะๆ) บางฉากมีใช้สตั้นท์ด้วยอ่ะ มีใช้สลิงด้วย ซึ่งน่าจะเฉพาะสตันท์มั้งครับที่ใช้สลิง คือ ยี่ห้อ จา พนม มันต้อง "เล่นเอง ไม่สลิง" สิครับ อันนี้ผมทำใจรับไม่ได้ หรือเพราะมีปัญหาตอนถ่ายทำ จึงต้องเป็นเช่นนี้?

2. มาร์รีส ครัมพ์ หรือ นักฆ่าหมายเลข 2 - คนนี้คือนักแสดงแอ๊คชั่นที่โดดเด่นและดูดีที่สุดของเรื่องนี้เลย (จนคิดว่าจะปั้นคนนี้หรืออย่างไร) แอ๊คชั่นรวดเร็ว ท่วงท่าสวยงามและดู "เก่งกาจ" ทุกครั้งที่ได้เข้าฉากสู้กับ จา พนม ต้องรู้สึกเอาใจช่วยฝั่งจา ซะมากกว่าด้วยซ้ำไป แต่ในความเก่งของตัวละครนี้ มันก็มีคำถามน่าสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่โดยรวมตัวละครนี้แหละที่ทำให้แอ๊คชั่นของหนังเรื่องนี้ ดูมีอะไรให้น่าจดจำมากขึ้นมา

3. หม่ำ - เล่นดีขึ้นเยอะ ถ้าเทียบจากภาคแรกนะ น้ำเสียงนี้ได้เลย บทบาทคราวนี้ดูเหมาะเจาะและสมเหตุสมผล คือการมีตัวละครนี้ฟังขึ้นกว่าภาคแรกเยอะ ถึงแม้จะตลกไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญของเรื่องละนะ

4. ญาญ่าหญิง - สวยขึ้นมากเลยในเรื่องนี้ ดูดี มีเสน่ห์ การแสดงผ่าน แต่ ฉากแอ๊คชั่นไม่ไหวจริงๆ มันเชื่อไม่ลงว่าคุณเธอคือนักฆ่าที่เก่งกาจอ่ะ บางฉากก็แบบ "หื้อ? เก่งไปไหม" แล้วชุดสีแดงที่เธอใส่ (ในตัวอย่างหนังมีให้เห็น) คือมันชุดพยายามโชว์ความเซ็กซี่ คุณเธอใจไม่กล้าเต็ม 100% พอเข้าฉากต่อสู้ ต้องมาใส่ชุดซับในสีเนื้อ แล้วมันเห็นชัดเจนมากอ่ะ ผมว่าถ้าติดปัญหาแบบนี้ เปลี่ยนดีไซน์ชุดไปเลยน่าจะดีกว่า

5. จีจ้า - แอ๊คชั่นเยอะนะคนนี้ เล่นคล้ายๆตอน ช็อคโกแลตแหละ คือ พูดน้อย ต่อยเตะอย่างเดียว ยังดีหน่อยที่เรื่องนี้คุณเธอไม่ได้ใช้ท่าเชิงยิมนาสติกแนวสวย(แต่ดูไม่รุนแรง)ใส่คู่ต่อสู้  แต่เน้นเตะต่อยตรงจุด และก็โดนเองซะเยอะด้วย ไปๆมาๆ ผมว่า จีจ้า อึดกว่า จา พนมอีกมั้งเนี่ย อยากจะบอกจีจ้ามากๆว่า ให้พยายามลดการออกเสียง "ย๊ากกกก" ก่อนแอ๊คชั่นบ้างก็ดี เล่นร้องทุกซีน ทุกครั้ง มันยังไงๆไม่รู้ ซึ่งนักแสดงแอ๊คชั่นคนอื่นในเรื่องไม่เป็นกันนะ มีจีจ้านี่เป็นหนักสุด มีบ้างก็ได้ แต่ทุกฉากก็ไม่ไหวน่ะ

บทภาพยนตร์
- ภาคนี้ได้คุณเอกสิทธิ์ มาช่วยเขียนบทให้ ซึ่งส่วนตัวก็ชื่นชอบผลงานเรื่อง 13 เกมสยอง อย่างมากนะ ก็คิดว่าคงมาทำให้เนื้อเรื่องภาค 2 ดีกว่าภาคแรก ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น อะไรที่เคยไม่ดีในภาคแรกโดนอุดแก้ไขได้ดีขึ้น เนื้อเรื่องมีที่มาที่ไป มีเหตุมีผล(ใหญ่ๆ)ที่พอรับได้ ซึ่งจะรู้สึกได้ชัดเลยว่า ตั้งใจไม่ให้เป็นซ้ำรอยภาคแรก แถมมีจิกกัดภาค 1 เองอีกเล็กน้อย
"แต่" ก็ทำได้ดีเพียงแค่นั้น เพราะภาค 2 เองก็มีจุดที่ฟังไม่ขึ้นอยู่เยอะเหมือนกัน โดยส่วนมากจะเป็นแบบ "เกินกว่าเหตุไปไหม?" พยายามหาเหตุผลมารองรับ มาช่วยก็ยังหาไม่ได้อารมณ์มันคล้ายๆ "ซื้อผ้าคลุมรถมาใหญ่เกินกว่ารถตัวเอง ทางแก้ก็คือ ซื้อรถคันใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม" อารมณ์นั้นเลยนะสำหรับผมอ่ะ คือจะทำให้เรื่องมันดูยุ่งยากไปทำไม(วะ)ครับ หลากฉากก็ไม่รู้ใส่มาทำไม บางฉากก็ไม่เข้าใจเหตุผลของตัวละครว่าทำไปทำไม ไม่สื่ออะไรออกมาก่อนเลย ก็แปลกใจมากที่ทำไมคุณเอกสิทธิ์ ถึงเขียนบทออกมารูปนี้ได้

การตัดต่อ+มุมกล้อง
- ผมให้เป็นส่วนที่แย่เป็นอันดับ 2 ของเรื่องนี้เลย การตัดต่อชวนงงมาก สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนคือ "ความไม่ต่อเนื่อง" แอ๊คชั่นแทบทุกฉากเลย ถ่ายมาแบบเหมือนไม่มีตัวเด่น บางฉากมีงง ละครับว่า ใครอยู่ตรงไหน? ใครทำอะไร? ฉากต่อสู้ก็ไม่ค่อยได้เห็นแอ๊คชั่นแบบชัดเจนเท่าไร คือเราเห็นครับว่าใครต่อยกับใครด้วยท่าอะไร แต่เราไม่เห็นละเอียดลงลึกในบางท่า
ซึ่งมัน "สำคัญ" มากๆ เวลาที่ท่านั้นเป็นท่าที่ทำให้อีกฝ่ายพลิกกลับมาได้เปรียบ หรือเป็นการ "แก้ทาง" ของการต่อสู้กัน ซึ่งในภาคก่อนๆหน้านี้ มักจะมีให้ได้เห็น แต่ในภาคนี้แทบไม่มีเลย และฉากเสี่ยงตายต่างๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่า หวาดเสียว อะไรเลย เพราะภาพมันดูไกลๆด้วยมั้ง ไม่รู้สิ ผมเฉยมาก จนรู้สึกว่า "โถ่ จา ไม่น่าไปเสี่ยงตายเลย"
ข้อเสียของการตั้งใจถ่ายแบบ 3 มิติ จึงทำให้ในหลายๆฉาก ต้องมีท่าต่อสู้พุ่งมาหน้ากล้อง(เพื่อโชว์ 3 มิติ) แล้วพอตัดกลับไปสู้ต่อ มันไม่เกิดความต่อเนื่องเลย บางคนนี้ "อ้าว โดนไรไป" พอมันไม่ต่อเนื่อง อารมณ์ฉากต่อสู้มันก็ไม่ได้อ่ะ มาบวกกับมุมกล้องไม่จับท่าต่อสู้ให้ดีด้วย มันเท่ากับความแย่เลยนะ สำหรับผมนะ ไม่ให้ผ่านครับ

CG
- นี้คือส่วนที่แย่ที่สุดของหนังเรื่องนี้ ยกให้เป็นอับดับ 1 ตลอดกาล CG ห่วยแทบทุกฉาก ห่วยชนิดที่ว่า "นี้หนังแผ่นเหรอ" ห่วยแบบน่าใจหาย ห่วยจนขนลุก ห่วยจนไม่น่าเชื่อว่าจะ ผ่านมาได้ พูดง่ายๆ ผมว่ามันคือส่วนนึงเลยที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูแย่ลงมากๆๆๆ ผมไม่รู้ละว่า CG แบบนี้จะไปอยู่ในหนังเรื่องไหนของไทย แต่มันต้องไม่ควรมาอยู่ใน ต้มยำกุ้ง 2 อ่ะ นี่หนังฟอร์มยักษ์นะ ทุ่มทุนมหาศาลนะ ฉายทั่วโลกนะเฟ้ยยยยยยยย ทีมไหนทำกัน(ได้ลงคอ)ครับเนี่ย

ฉากต่อสู้
มอไซด์แว๊น - ตะหงิดใจตั้งแต่ตอนดูตัวอย่างละ "จะตามมาทำไมกันเยอะแยะ" พอได้มาดูในตัวเต็ม สิ่งที่รู้สึกได้คือ "รำคาญเสียงมอไซด์" มากครับ คือทุกวันนี้เวลาในยินบนถนนก็รำคาญละนะ แต่นี้มาได้ยินแบบด้วยระบบเสียง Dolby เลย อื้อหือ มันจี๊ดดดด แล้วมากันเป็นร้อย คุณเอ๊ย หนวกหูมาก แต่ถ้าตัดเรื่องเสียงออกไป สิ่งที่ได้คือ ความแปลกใหม่ในการไล่ล่านะ คือมันแทบไปได้ทุกที่เลย
มีทั้งขี่ตาม ขี่ชน ขี่มาถึงแล้วลงมาสู้ ซึ่งก็ดูโอเคนะ เสียอย่างเดียว ตัดต่อไม่ต่อเนื่อง บางฉากนี้ก็งง มันตกไปได้ไง

การสู้ตัวต่อตัว - ภาคนี้เห็นน้อย ไม่ค่อยเยอะ แต่ทุกครั้งก็ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะ จา พนม กับ มาร์รีส คู่นี้ดุเด็ดเผ็ดมันจริง เป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้แล้ว

ฉากสู้ที่มีไฟลุกท่วม - ฉากนี้จะมีในตัวอย่างหนังด้วย ซึ่งส่วนตัวก็รู้สึกว่าโอเคนะ ถึงแม้นักแสดงจะเล่นกันเหมือนไฟไม่ร้อนเท่าไร แต่บอกตรงๆว่า ขาดเสน่ห์ของไฟ แบบองค์บาก 1 ครับ

สิ่งที่น่าผิดหวัง
- อันนี้ขอพูดถึงแยกออกมาหน่อย มันคือ "การออกแบบฉากต่อสู้" ที่ผมก็ไม่รู้ว่า พี่พันนา ยังกำกับและออกแบบอยู่หรือเปล่า ทำไมมัน "ด้อยลง" ขนาดนี้ ผมยอมรับเลยนะว่า ทุกฉากต่อสู้  "เริ่มต้นฉากได้ดีมาก" คือมันบิ๊วอารมณ์ให้คนดูตื่นเต้นได้แล้วอ่ะ แต่พอเข้าช่วงกลางฉากต่อสู้ กลับดูมั่วและสะเปะสะปะ แล้วพอถึงท่อนจบซีนต่อสู้นั้นๆ "จบได้แย่ทุกซีน" เลยก็ว่าได้
มันไร้เหตุผล จบกันแบบไร้ไอเดีย หรือไม่ก็เหมือนคนคิดคนละคนกันเลยทั้ง 3 ช่วง (อันนี้พูดถึงแค่ซีนๆเดียวนะ) คือมันน่าผิดหวังอ่ะครับ อย่างจา ก็ใช้ท่ามวยคชสารน้อยไป ทั้งๆที่ภาคที่แล้วถือว่าเค้าบรรลุแล้วนะนั่น ควรเอามาใช้ให้เยอะกว่านี้ และคิดดู พอเอามาใช้ ก็มาเจอกับมุมกล้องกับการตัดต่อที่ไม่แสดงความเด่นชัดอีก ฮือๆๆ น่าเสียดายๆๆ


สิ่งที่ชอบและรู้สึกดี
- การแสดงของจา อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้น
- ฉากการต่อสู้ของ จา พนม กับ มาร์รีส
- เพลงประกอบฉากต่อสู้ที่ฟังดูดี ไม่ซ้ำภาคก่อนๆ ทำให้ฉากต่อสู้ดูดีขึ้นมากเหมือนกันนะ
- ความตลกของตัวละครที่ใส่มาได้พอดี โดยเฉพาะของคุณตู้ ที่ฮาดี
- หม่ำ เล่นได้ดีกว่าที่คิด คือดูแล้วเข้าใจว่า ตัวละครนี้ตั้งใจใส่มานะ ไม่ได้ใส่มาเพื่อโปรโมท
- ความสวยของญาญ่าญิง



สรุปโดยรวม ผมว่าภาคนี้ด้อยลงในหลายๆด้านนะ มันดูไม่สด ไม่ใหม่ ทั้งๆที่ก็ใส่นู้นนั่นนี่เข้ามาเต็มเลย คือถ้าจะดูเป็นแอ๊คชั่นเพลินๆ มันก็ดูได้นะ ก็เพลินไปจนจบนั่นแหละ เพียงแต่มันอาจจะไม่มันโคตร-สะใจสุดๆ แบบเรื่องก่อน มันไม่มีจุดพีคในฉากไหนเลยที่ทำให้อารมณ์มันสุด เพราะงั้นมันจะกลายเป็นว่า ดูจนจบแล้วก็ "ไม่มีฉากไหนน่าจดจำ"เท่าไร


จะดีมากเลยถ้า?
ถ้าเอาการดำเนินเรื่อง การแสดงของจา พนม ในภาค 2 ไปรวมกับฉากแอ๊คชั่นในภาค 1 มันคงจะออกมาเป็นหนังแอ๊คชั่นที่ดูดี ดูสนุกทีเดียวเชียวแหละ

"ส่วนตัวผมเลยนะ ผมยอมให้ภาค 2 คนด่าทั้งโลกว่า "เนื้อเรื่องห่วยสุดๆ" แต่มีฉากแอ๊คชั่นที่ดีกว่า ต้มยำกุ้ง 1" ผมยังจะพอใจซะกว่าเลยอ่ะครับ"




ปล. ตอนแรกผมจะนอนแล้วละ แต่ในหัวมีแต่เรื่อง ต้มยำกุ้ง 2 เต็มไปหมด เลยต้องลุกขึ้นมาพิมพ์เนี่ยแหละ ตอนนี้รู้สึกโล่งละครับ ฮ่าๆ น่าจะหลับได้แล้วล่ะ

*** ผมไม่ให้คะแนนหนังนะครับ เรื่องไหนก็ไม่ให้ เพราะงั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าได้ 0 ดาวนะครับ ***