กระทู้ต่อจากสอบถามที่รถเบรคกะทันหัน แล้วถูกชนท้าย ผลหลังจากไปคุยกับคู่กรณีค่ะ

ต้องขอบคุณสำหรับทุกๆคำตอบน่ะค่ะ เป็นประโยชน์มากๆค่ะ
จากที่ทุกท่านได้อธิบายมาทำให้เราเข้าใจว่า ความเข้าใจของเราถูกแล้วที่ว่าฝ่ายเราไม่ผิด
เพราะรถทั้งสองคันวิ่งเลนเดียวกัน และรถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ
รถคันหลังต้องขับจี้มากๆ เพราะไม่อย่างนั้นรถคันหลังจะต้องเบรคทัน ถึงแม้รถคันหน้าจะเบรคกะทันหันก็ตาม
โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่รถติด สามารถเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ

เมื่อสักครู่ได้ไปคุยกับคู่กรณีมาแล้วค่ะ
ระหว่างที่นั่งรถไปเพื่อจะไปคุยกับคู่กรณี เราพึ่งจะทราบจากน้องชายว่าเมื่อคืนน้องได้คุยเบื้องต้นว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหายให้คู่กรณี
เราก็ตกใจว่าทำไมไปตกลงอย่างนั้น แต่น้องชายบอก เค้ามีกันหลายคน(น้องพึ่งเรียนปี3ค่ะ)
แต่เราก็ยืนยันกับน้องไปว่าเราไม่ผิดน่ะ แต่ในเมื่อน้องไปตกลงไว้แล้วก็คงต้องเลยตามเลย

พอไปถึงที่นัดหมาย เฮ้ย!!!!!ทำไมมากันเยอะจังฝ่ะ ฝ่ายนั้นมากัน ผู้ชาย5คนมีผู้หญิงวัยกลางคนอีก1คน
ผู้ชาย4ใน5คนนั่น สักเต็มแขนเลยมี1คนที่สักที่ขาด้วยจนถึงตาตุ่ม
แอบคิดในใจ จะรอดมั้ยว่ะเรา
เราก็เลยสวัสดีผู้หญิงก่อนเลยรู้ทีหลังว่าเป็นแม่ของคนขับ แล้วก็สวัสดีผู้ชายทุกคน รู้ทีหลังอีกว่าอายุน้อยกว่าเราตั้ง4-5ปี5555
จากนั้นก็ขอดูสภาพรถคู่กรณี จากที่เห็นคือไฟหน้าแตก สเกิร์ตหน้าเสียหายพอสมควร แต่ปากเราก็บอกจิ๊บๆพูดให้ตลกไว้ก่อน
คู่กรณีบอกว่าให้รับผิดชอบทุกอย่าง ค่าซ่อม อะไหล่ต้องของแท้ อะไหล่ทุกชิ้นต้องเปลี่ยน ไม่เอาอะไหล่มือสอง
หันไปมองน้องชาย น้องชายก็บอก ครับๆ ได้ครับพี่
เฮ้ย!!!!!!เงินฉันทั้งนั้นเลยน่ะเฟ้ย ตกลงง่ายจังฝ่ะ
เลยพูดแทรกขึ้นว่า "ขอโทษน่ะค่ะ ตามหลักแล้วเนี่ย กฎหมายบอกว่า(กฎหมายบอกรึป่าวไม่รู้น่ะค่ะมั่วไปก่อน)
คันหลังผิดน่ะในกรณีนี้ เพราะรถไหลตามกัน ซึ่งมันวิ่งด้วยความเร็วที่ตำ่มากอยู่แล้ว มันควรจะเบรคทันใช่มั้ยค่ะ
ถึงแม้ว่ารถเราที่เป็นคันหน้าจะเบรคกะทันหันก็ตาม แต่รถคันหลังก็ต้องระวังรถคันหน้าใช่มั่ย เพราะไม่มีทางที่รถคันหน้าจะระวังรถคันหลังได้
เพราะรถเราไม่ได้ถอยนี่ รถวิ่งปกติ"
คู่กรณีบอกว่า "แต่เค้าเบรคกะทันหัน ซึ่งความจริงมันจะไม่ชน ถ้าคันหน้าเลียไฟเบรค(เฮ้ย!!!!!พึ่งเคยได้ยินเลียไฟเบรค เคยได้ยินแต่เลียครัช)
เราเลยพูดว่า" แต่ถ้าคุณเว้นระยะ ขับรถไม่จี้มากมันจะไม่ชนถูกต้องมั้ยคะ? นี้แสดงว่ารถคันหลังต้องจี้ระดับนึงมันถึงชนใช่มั้ยคะ?"
เค้าก็ตอบว่า"ผมไม่ได้ขับรถจี้เค้าขนาดนั้นน่ะ"
เราเลยตัดบทไปเพราะกลัวเค้าเหมือนกัน ก็พี่ท่านมีรอยสักซะขนาดนั้นน่ากลัวอยู่เหมือนกัน
โดยการบอกว่า"ไหนๆน้องชายก็รับจะจ่ายให้ แต่เค้าไม่ใช่เจ้าของเงิน เราไม่ต้องถามว่าใครผิดใครถูก รถคุณเสียหายเยอะกว่า
เราจะช่วยค่าเสียหายคุณส่วนนึง เราจ่ายค่าอะไหล่ไฟหน้าที่แตกให้ละกัน เราช่วยได้แค่นี้จริงๆ เพราะน้องชายยังเรียนอยู่ ไม่มีรายได้"
เค้าบอกว่าเราพูดง่ายเกินไปแล้วสเกิร์ตหน้าล่ะ ไหนจะประตูเค้าที่มันเปิดปิดลำบากอีก
เราก็ยืนยันว่าเราช่วยได้เท่านี้จริงๆ ซึ่งถ้าคุณไม่พอใจก็คงต้องแจ้งความแล้วล่ะ
แม่ของคู่กรณีท่านก็ดีน่ะค่ะ บอกว่า "ถือซะว่าฟาดเคราะห์ไปล่ะกัน น้องเค้าช่วยเท่านี้ก็ดีแล้ว เราเป็นผู้ใหญ่ก็มีเหตุผลหน่อยอย่าใช้อารมณ์
แม่ก็เตือนหลายครั้งแล้วว่า ขับรถอย่าใจร้อน ให้ระวังๆ ก็ไม่ฟังกันแม่เลย" (น่าน!!!!!ต่อว่าลูกให้เราฟังอีก)

แม่เค้าเลยถามว่า"อายุเท่าไรกันแล้วเนี่ยลูก "
เราเลยบอกว่าน้องชาย21 ส่วนเรา30 แม่เค้าหัวเราลั่นเลยค่ะ แล้วพูดว่า"ไอ้พวกนี้ 24-25ทุกคน"
กรรม!!!!ฉันไหว้เด็กเหรอเนี่ย

สรุปคือฝ่ายเราช่วยค่าอะไหล่ไฟหน้าเท่านั้นค่ะ

ที่เอามาตั้งเป็นกระทู้เพราะอยากจะเล่าให้ฟังค่ะว่า เวลาเราไปคุยเจรจาอะไรก็ตามต้องใจเย็นๆ มีข้อมูลที่ดี
เราว่าที่คุยกันง่ายขึ้นคงเป็นเพราะเราพูดตามหลักความเป็นจริง พูดดีๆไม่ใจร้อน ไม่ออกฤทธิ์ออกเดชถึงใครจะผิดจะถูกก็ตาม
เรื่องที่เกิดขึ้นหลายๆท่านอาจจะมองยอมทำไม เราถูกนี่นา อย่ายอมเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
แต่อยากให้เข้าใจเราน่ะค่ะว่า ณ เวลานั้น บรรยากาศอย่างนั้น เรามีกันแค่2คนพี่น้อง เราว่าเราทำได้ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ
บางทีก็ใจเค้าใจเราน่ะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่