หลังจากดูโดยละเอียดแล้วพร้อมซับไตเติ้ลก็อยากจะบอกว่า ละครเรื่องนี้เป็นมิติใหม่แห่งวงการละครญี่ปุ่นอย่างแท้จริง แปลกกว่าที่เคยดู และ ดีกว่าที่คาดไว้ เอาเป็นว่าละครญี่ปุ่นเกี่ยวกับหุ่นยนต์นั้นมีอยู่ ส่วนละครที่เป็น scifi นั้นก็มีเช่นกัน หากความแปลกแหวกแนวที่ผสานกันมาระหว่างความซับซ้อน ความระทึก ความรัก และ ความเป็นวิทยาศาสตร์ ได้อย่างกลมกลืนและลงตัว
เมื่อดูแบบมีซับแล้ว ... ก็ยังคิดอยู่เหมือนเดิมว่า "บทดี" มีชัยไปกว่าครึ่ง และ เมื่อ "ทำถึง" ผลลัพธ์ก็ออกมาดูดี ช่วงหลัง ๆ มานี้ละครหนุ่ม(หรือสาว)อัจริยะไขคดีเกิดขึ้นในวงการละครญี่ปุ่นอย่างมากมาย แม้แต่ละเรื่องจะมีคดีที่แตกต่างกันออกไปหากเรื่องราวก็วนเวียนอยู่กับการแก้ไขคดีพิสดาร ปิดไม่ลง หรือ สารพัดคดีอะไรก็ว่าไป ซักพักก็จะหมุนช่วงพีคมาเรื่องของคนใกล้ตัว อันเป็นการแสดงออกในเรื่องความรักให้คนดูได้ฟินกันหน่อย แล้วท้ายที่สุดอาจจบลงด้วยความสัมพันธ์แบบปลายเปิด ได้เรตติ้งบ้างไม่ได้บ้างคละเคล้ากันไป
อย่างไรก็ตามเมื่อดูเทรนด์ละครญี่ปุ่นที่ผ่าน ๆ มา ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่นที่พร้อมรับสิ่งใหม่และเปิดรับความหลากหลาย แม่บ้านลึกลับกับครอบครัวใกล้แตก (แม่บ้านมิตะ) หรือ ละคร TBS ที่ผ่านมาอย่าง Hanzawa Naoki หรือ ความมันยกร่องห้าดาวของ Legal High ล้วนเป็นละครที่ได้ทั้งเงินทั้งกล่องจากชาวญี่ปุ่นในเวลาที่ละครโทรทัศน์ค่อนข้างซบเซา คิด(เอาเอง)ว่า ทางสถานีโทรทัศน์หลายแห่งรู้สึกถึงตรงนี้เหมือนกัน แล้วก็รู้สึก(เอาเอง)อีกแหละว่า TBS นี่ท่าทางจะกล้าเสี่ยงพอสมควร หลังจาก Hanzawa ก็ฉีกไปหา Ando Lloyd เลย คนละแนวด้วย แต่แซ่บทั้งคู่ ซึ่งคิดว่าสถานีเดาถูกนะ เรตติ้ง Nichi9 วิ่งฉิวสองเรื่องติดเลย
กลับมาพูดถึง Ando Lloyd คิดว่าหลายคนที่รัก anime น่าจะชอบ ส่วนคนที่รัก scifi ก็เช่นกัน แต่ถ้าไม่สนใจสองอย่างที่ว่ามาคงไม่ใช่แนวเท่าไหร่ ถึงแม้จะดักทางไว้ด้วยโรแมนติคเล็ก ๆ ของพระนางแล้วก็ตาม การเล่าเรื่องของ Ando Lloyd ในตอนแรก ตัดสลับระหว่างเรื่องในปัจจุบัน และ อดีต พาร์ทของอดีตนั้นเน้นเพื่อบอกความสัมพันธ์ระหว่างเรย์จิ และ อันโด แฟนสาว (ซึ่งหมั้นตกลงใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน และ กำลังจะแต่งงาน) ซึ่งทั้งคู่ (ทาคุยะ และ โคจัง) เล่นได้น่ารักมาก ๆ
เรื่องเริ่มต้นด้วยการบรรยายในชั้นเรียนของเรย์จิที่เด็ก ๆ ทั้งหลายนั่งเซ็งเป็ดรอเวลาเลิก เรย์จิมีน้องสาวชื่อ นานาเสะ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกัน ทำงานในมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกัน เรย์จิดูไม่ตระหนกเท่าใดนักเมื่อบอกกับนานาเสะว่า ตัวเองจะต้องตายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงข้างหน้านี้แหละ เมื่อพบข่าวว่ามีนักวิทย์ในแวดวงเดียวกันตายเพิ่มขึ้นอีกคน เรย์จิยื่น Homicide Calendar ให้น้องสาวดู บอกว่านี่คือสิ่งที่เขาได้ลองคำนวณและทำนายออกมา ทั้งชื่อทั้งวันเวลา และ สถานที่ถูกต้องแม่นยำ 100% และ ชื่อถัดไป คือ เรย์จิ และ ชื่อท้ายสุด คือ อันโด อาซาฮี นานาเสะนึกว่าเรย์จิล้อเล่น แต่เมื่อเห็นข้อมูลก็ชักจะกลัวขึ้นมา ต่อมาเรย์จิออกไปข้างนอกและทิ้งแว่นตาไว้ที่โต๊ะทำงาน
ที่บริษัทไอทีแห่งหนึ่ง อันโด อาซาฮี กำลังวุ่นอยู่กับงาน PR เพราะ software ตัวหนึ่งของบริษัทมีปัญหาเธอจึงต้องจัดแถลงข่าว ขณะที่กำลังเตรียมตัวอยู่นั่นเอง เรย์จิโทรมาหาอาซาฮี เพื่อบอกสิ่งที่ได้ค้นพบว่าเขาเองกำลังจะตาย และ หากไม่มีใครทำอะไรกับเรื่องนี้อาซาฮีเองก็จะตายไปด้วย "ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าอนาคตนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว" "แต่อย่างกังวลไปเลยนะ แม้ฉันจะตายไป ฉันก็จะปกป้องเธอ" "ฉันรักเธอนะ"
สำหรับตัวเองแล้วเมื่อเจอประโยคนี้ และ flashback ที่อาซาฮีและเรย์จิพบกัน ... นี่คือการใส่รายละเอียดความโรแมนติคเข้ามาในเนื้อเรื่องได้อย่างฉมังมาก ไม่เยิ่นเย้อเวิ่นเว้อ และ ทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมทั้งสองถึงรักกันทั้ง ๆ ที่วิถีชีวิตแตกต่างกันมาก อาซาฮีรักในความอ่อนโยน และ น่าเอ็นดูเล็ก ๆ ของผู้ชายสุดเนิร์ด ส่วนเรย์จิก็เจอคนที่เข้าใจ "โลก" ของเขา และ เขาก็ยินดีและเต็มใจที่จะปกป้องเธอ แม้จะต้องแลกด้วยความตาย "ยังไงฉันก็เป็นผู้ชาย เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะปกป้องเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"
ทุกครั้งเรย์จิจะเน้นกับอาซาฮีเสมอว่าจะ "ปกป้อง" ตั้งแต่เริ่มคบกันใหม่ ๆ จนกระทั่งขอแต่งงาน และ วันที่รู้ตัวว่าต้องตายจาก เรย์จิบอกแต่แรกว่า "การที่เราพบกันเป็น Historic Moment" เมื่อนำมารวมกันกับตารางการทำนายของเรย์จิ รวมถึงความไม่อนาทรร้อนใจใด ๆ ถึงกับนั่งคำนวณความตายของตัวเองได้แล้ว ส่วนหนึ่งคิดว่าเรย์จิของระแคะระคายอะไรอยู่บ้าง (ก็เจ้าตัวถนัดในศาสตร์ฟิสิกส์ รวมถึงจักรวาลวิทยานี่นะ) ความเป็นนักวิทย์ที่อยู่ในตัวก็อยากทดสอบทฤษฎีว่ามันจะเกิดขึ้นจริงไหม ? และ อีกส่วนหนึ่งคือหัวใจของผู้ชายเนิร์ด ๆ คนหนึ่งที่มีความรักเต็มเปี่ยมหากการจากไปในครั้งนี้เป็นอย่างที่เรย์จิคาดละก็ สิ่งนี้เป็นส่วนที่เปลี่ยนอนาคตได้ อาซาฮีก็จะไม่ตาย .... คงจะเรียกได้ว่า เรย์จิ จากไปเหตุผลหนึ่งก็เพราะ "ความรัก" นั่นเอง
ฉากการตายของเรย์จิเป็นหนึ่งในฉาก CG ที่เริ่ดที่สุดที่เคยเห็นในละครแถบ ๆ เอเชีย น่าจะทุ่มทุนมาก ฉากนี้เป็นฉากที่เรย์จิไปที่สนามบินและพบกับลาปาซ (Laplace เข้าใจว่ามาจากชื่อของนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ปิแอร์ ซิมง ลาปาซ) Android ซึ่งถูกกำหนดให้มาฆ่าเรย์จิ เรย์จิเองแม้กำลังจะตายก็ยังขอพิสูจน์ทฤษฎีของตนเองอีกซักหน่อยว่าเป็นอย่างไร นิสัยนักวิทย์ของเรย์จิเห็นชัดมาก คือ เป็นนักพิสูจน์ ให้รู้แจ้งชัดปราศจากความสงสัย ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ กล้องรักษาความปลอดภัยไม่สามารถแฮ็กจากด้านนอกได้ ส่วนของ scifi เริ่มเข้ามาตรงนี้เมื่อ CG แสดงให้เห็นถึงการ ooze out ว่าง่าย ๆ ก็วาร์ปไปอีกมิติเวลาหนึ่ง (คิดว่าเรย์จิคงคิดว่านี่แหละรูหนอน (Wormhole) ) และ โดนยิงหมดแม็กล้มลงบนพื้นสนามบินในมิติแห่งเวลานั้นนั่นเองแต่ฉากนั้นก็แลดูใบ้ ๆ ให้เห็นว่าเรย์จิเองรู้ หรือ คิดอะไรออกซักอย่างและมีแผนสำหรับความตายของตัวเอง "แม้จะต้องตายก็จะปกป้องเธอให้จงได้"
เพียงวันเดียวโลกของอันโด อาซาฮี ก็พลิกคว่ำ ด้วยความตายของว่าที่สามี และ ยิ่งได้รับรู้แล้วด้วยว่าเธออาจเป็นรายต่อไปก็ทำให้เกิดความสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในขณะที่ตกอยู่ในความเศร้าโศก ร้องไห้จนหลับ ก็เกิดกระบวนการบางอย่างขึ้นที่ PC ของเรย์จิ (มันคือ 5D Printer แปลว่า พิมพ์กัน 5 มิติกันเลยทีเดียว มิติที่เป็นรูปร่าง (3D) มิติที่มีการสัมผัสได้ (4D) มิติที่มีอารมณ์ความรู้สึก (5D)) อั๊ยยะ !! มันเก๋ก็ตรงนี้ หา 5D Printer ที่ไหนคะวานบอก (ฮา)
พอถึงยามเช้าอันโดเดินงง ๆ ออกไปข้างนอก ลืมไปเลยว่าตัวเองถึงคิวก็วันนี้แหละ เป็นอันว่าถูกดักฆ่าจนได้ แม้นักสืบ(ซึ่งสืบเรื่องราวของเรย์จิอยู่อย่างลับ ๆ) จะเดินตามมาตรวจสอบแล้วก็ตาม กลายเป็นว่ามีหนุ่ม(Android) ผลิตผลจาก 5D printer โผล่ออกมาจากลิ้นชัก ซึ่ง mission (จาก Client ลึกลับ) มีอยู่ว่าจะต้องปกป้องอันโด อาซาฮี at all costs ส่วนนี้ชอบการ reference จากโดเรม่อนมาก (ในลิ้นชักจะมีไทม์แมชชีนไหม ? อิ อิ) Android ที่หน้าเหมือนกับเรย์จิไม่ผิดเพี้ยนช่วยอาซาฮีจากการลอบฆ่าของ Laplace เจ้าเก่า พร้อมให้ดูฉากที่เรย์จิถูกยิง ตรงนี้มีนัยยะเหมือนกัน ARX II-13 (ชื่อของ Android) บอกว่า " เรย์จิไม่ได้ตาย เขาถูกฆ่า " ก็ต้องดูกันต่อไปว่าความหมายของประโยคที่ว่านี้คืออะไร
ARX II - 13 พาอาซาฮีหนีไปจนกระทั่งโดนอัดยับเยินและตกลงไปที่บ้านหลังหนึ่ง และ Laplace ก็กลับมาฆ่าอาซาฮี โดยใช้การ ooze out เหมือนเดิม แต่ปรากฎว่า Laplace กลับ detect unidentified object ได้ ซึ่งก็กลายเป็น Sapuri Android อีกตัวหนึ่ง Laplace กำลังจะจัดการ Sapuri แต่ได้รับคำสั่งให้ติดตามทำลาย ARX II-13 ซึ่งจับสัญญาณได้พอดี Sapuri ที่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลังได้นั่งคิดและพูดออกมาดัง ๆ ว่า "เรย์จิที่ถูกฆ่าแล้วก็กลับมาเพราะความรัก" ส่วนนี้คิดว่าจริง ที่จากไปก็เพราะรัก และ คิดว่าน่าจะเป็น plan ของเจ้าตัวนั่นแหละ เรื่อง ARX II-13
ก่อนหน้านั้นเจ้ Sapuri ได้ถูกเรียกตัว (จากใครยังไม่รู้) ให้ไปซ่อมแซม ARX II-13 ที่ถูกอัดมาแล้วอย่างยับ แต่ปรากฎว่าอัพเดทโปรแกรมไม่ได้ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะหลบหายไป ก็พบข้อเท็จจริงที่ว่า ARX II -13 คือ คือ Andriod ที่ลง OS (Operation System) ต้องห้ามที่ชื่อว่า Asura (เรื่องมันชักน่าสนใจขึ้นทุกที)
เมื่ออาซาฮีได้เห็นฉากทำลายล้างระหว่าง Laplace และ ARX II-13 อาซาฮีก็สับสนในชีวิตขึ้นมาทันทีว่านี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น โลกเราเป็นอะไรกันไปแล้ว นี่กำลังถูกตามล่า แล้วยัง Android Ooze out และ เรย์จิอีก เมื่อสำนึกได้ว่าเรย์จิไม่อยู่แล้วจริง ๆ อารมณ์อยากตายก็เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน แต่ก็ได้ ARX II-13 เข้ามาช่วยไว้อีก พร้อมบอกว่าถ้ายังทำอะไรที่เป็นการต่อต้านคำสั่ง Client ของเขาอีกล่ะก็ ได้ตายสมใจแน่
ผูกปมได้น่าสนใจทุกอย่างเลย น่าติดตามอย่างมาก ว่าตอนที่สองจะออกมาเป็นอย่างไร Look Promising
อีกอย่างที่ชอบคือเพลงประกอบ Your eyes (Original by Yamashita Tatsuro แต่เที่ยวนี้ร้องโดยภรรยา Takeuchi Mariya ) ซึ่งเพลงนี้เป็น Side B ของ Islands, Loveland ด้วย ดังนั้น Reunion Good Luck จัดเต็มตั้งแต่พระนางจนเพลงประกอบ ซึ่งเพราะมากและมีความหมายดี คิดว่าคงแทนความหมายจากใจของเรย์จิ และ อาซาฮี ฝ่ายเรย์จิเองเมื่อพบอาซาฮีก็คือพบคนที่เข้าและรับความเป็นเรย์จิได้ เรย์จิจึงรักและถ้ายอมอะไรได้ก็ยอม ส่วนอาซาฮีก็ไม่ได้ทรีตเรย์จิแบบอัจฉริยะแต่เห็นเป็นผู้ชายน่ารักคนนึง ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าแม้วิถีชีวิตค่อนข้างต่างแต่เราก็เหมือนเกิดมาคู่กัน "ฉันเห็นทุกอย่างนั้นในดวงตาของเธอ"
I always live my life in fantasy. No Chance to take. No heart to break. But now you hold my hand then you make me understand that two dreams can join together
วันอาทิตย์เอาใจช่วยกันต่อไป ... เกาะหน้าจออย่างกระชั้นชิด
Ando Llyod A.I. knows love ? : จากมาเพราะรัก ... กลับมาก็เพราะรัก และ ตัวเลข 19.2% (สปอยด์ตอนที่ 1)
เมื่อดูแบบมีซับแล้ว ... ก็ยังคิดอยู่เหมือนเดิมว่า "บทดี" มีชัยไปกว่าครึ่ง และ เมื่อ "ทำถึง" ผลลัพธ์ก็ออกมาดูดี ช่วงหลัง ๆ มานี้ละครหนุ่ม(หรือสาว)อัจริยะไขคดีเกิดขึ้นในวงการละครญี่ปุ่นอย่างมากมาย แม้แต่ละเรื่องจะมีคดีที่แตกต่างกันออกไปหากเรื่องราวก็วนเวียนอยู่กับการแก้ไขคดีพิสดาร ปิดไม่ลง หรือ สารพัดคดีอะไรก็ว่าไป ซักพักก็จะหมุนช่วงพีคมาเรื่องของคนใกล้ตัว อันเป็นการแสดงออกในเรื่องความรักให้คนดูได้ฟินกันหน่อย แล้วท้ายที่สุดอาจจบลงด้วยความสัมพันธ์แบบปลายเปิด ได้เรตติ้งบ้างไม่ได้บ้างคละเคล้ากันไป
อย่างไรก็ตามเมื่อดูเทรนด์ละครญี่ปุ่นที่ผ่าน ๆ มา ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่นที่พร้อมรับสิ่งใหม่และเปิดรับความหลากหลาย แม่บ้านลึกลับกับครอบครัวใกล้แตก (แม่บ้านมิตะ) หรือ ละคร TBS ที่ผ่านมาอย่าง Hanzawa Naoki หรือ ความมันยกร่องห้าดาวของ Legal High ล้วนเป็นละครที่ได้ทั้งเงินทั้งกล่องจากชาวญี่ปุ่นในเวลาที่ละครโทรทัศน์ค่อนข้างซบเซา คิด(เอาเอง)ว่า ทางสถานีโทรทัศน์หลายแห่งรู้สึกถึงตรงนี้เหมือนกัน แล้วก็รู้สึก(เอาเอง)อีกแหละว่า TBS นี่ท่าทางจะกล้าเสี่ยงพอสมควร หลังจาก Hanzawa ก็ฉีกไปหา Ando Lloyd เลย คนละแนวด้วย แต่แซ่บทั้งคู่ ซึ่งคิดว่าสถานีเดาถูกนะ เรตติ้ง Nichi9 วิ่งฉิวสองเรื่องติดเลย
กลับมาพูดถึง Ando Lloyd คิดว่าหลายคนที่รัก anime น่าจะชอบ ส่วนคนที่รัก scifi ก็เช่นกัน แต่ถ้าไม่สนใจสองอย่างที่ว่ามาคงไม่ใช่แนวเท่าไหร่ ถึงแม้จะดักทางไว้ด้วยโรแมนติคเล็ก ๆ ของพระนางแล้วก็ตาม การเล่าเรื่องของ Ando Lloyd ในตอนแรก ตัดสลับระหว่างเรื่องในปัจจุบัน และ อดีต พาร์ทของอดีตนั้นเน้นเพื่อบอกความสัมพันธ์ระหว่างเรย์จิ และ อันโด แฟนสาว (ซึ่งหมั้นตกลงใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน และ กำลังจะแต่งงาน) ซึ่งทั้งคู่ (ทาคุยะ และ โคจัง) เล่นได้น่ารักมาก ๆ
เรื่องเริ่มต้นด้วยการบรรยายในชั้นเรียนของเรย์จิที่เด็ก ๆ ทั้งหลายนั่งเซ็งเป็ดรอเวลาเลิก เรย์จิมีน้องสาวชื่อ นานาเสะ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกัน ทำงานในมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกัน เรย์จิดูไม่ตระหนกเท่าใดนักเมื่อบอกกับนานาเสะว่า ตัวเองจะต้องตายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงข้างหน้านี้แหละ เมื่อพบข่าวว่ามีนักวิทย์ในแวดวงเดียวกันตายเพิ่มขึ้นอีกคน เรย์จิยื่น Homicide Calendar ให้น้องสาวดู บอกว่านี่คือสิ่งที่เขาได้ลองคำนวณและทำนายออกมา ทั้งชื่อทั้งวันเวลา และ สถานที่ถูกต้องแม่นยำ 100% และ ชื่อถัดไป คือ เรย์จิ และ ชื่อท้ายสุด คือ อันโด อาซาฮี นานาเสะนึกว่าเรย์จิล้อเล่น แต่เมื่อเห็นข้อมูลก็ชักจะกลัวขึ้นมา ต่อมาเรย์จิออกไปข้างนอกและทิ้งแว่นตาไว้ที่โต๊ะทำงาน
ที่บริษัทไอทีแห่งหนึ่ง อันโด อาซาฮี กำลังวุ่นอยู่กับงาน PR เพราะ software ตัวหนึ่งของบริษัทมีปัญหาเธอจึงต้องจัดแถลงข่าว ขณะที่กำลังเตรียมตัวอยู่นั่นเอง เรย์จิโทรมาหาอาซาฮี เพื่อบอกสิ่งที่ได้ค้นพบว่าเขาเองกำลังจะตาย และ หากไม่มีใครทำอะไรกับเรื่องนี้อาซาฮีเองก็จะตายไปด้วย "ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าอนาคตนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว" "แต่อย่างกังวลไปเลยนะ แม้ฉันจะตายไป ฉันก็จะปกป้องเธอ" "ฉันรักเธอนะ"
สำหรับตัวเองแล้วเมื่อเจอประโยคนี้ และ flashback ที่อาซาฮีและเรย์จิพบกัน ... นี่คือการใส่รายละเอียดความโรแมนติคเข้ามาในเนื้อเรื่องได้อย่างฉมังมาก ไม่เยิ่นเย้อเวิ่นเว้อ และ ทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมทั้งสองถึงรักกันทั้ง ๆ ที่วิถีชีวิตแตกต่างกันมาก อาซาฮีรักในความอ่อนโยน และ น่าเอ็นดูเล็ก ๆ ของผู้ชายสุดเนิร์ด ส่วนเรย์จิก็เจอคนที่เข้าใจ "โลก" ของเขา และ เขาก็ยินดีและเต็มใจที่จะปกป้องเธอ แม้จะต้องแลกด้วยความตาย "ยังไงฉันก็เป็นผู้ชาย เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะปกป้องเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"
ทุกครั้งเรย์จิจะเน้นกับอาซาฮีเสมอว่าจะ "ปกป้อง" ตั้งแต่เริ่มคบกันใหม่ ๆ จนกระทั่งขอแต่งงาน และ วันที่รู้ตัวว่าต้องตายจาก เรย์จิบอกแต่แรกว่า "การที่เราพบกันเป็น Historic Moment" เมื่อนำมารวมกันกับตารางการทำนายของเรย์จิ รวมถึงความไม่อนาทรร้อนใจใด ๆ ถึงกับนั่งคำนวณความตายของตัวเองได้แล้ว ส่วนหนึ่งคิดว่าเรย์จิของระแคะระคายอะไรอยู่บ้าง (ก็เจ้าตัวถนัดในศาสตร์ฟิสิกส์ รวมถึงจักรวาลวิทยานี่นะ) ความเป็นนักวิทย์ที่อยู่ในตัวก็อยากทดสอบทฤษฎีว่ามันจะเกิดขึ้นจริงไหม ? และ อีกส่วนหนึ่งคือหัวใจของผู้ชายเนิร์ด ๆ คนหนึ่งที่มีความรักเต็มเปี่ยมหากการจากไปในครั้งนี้เป็นอย่างที่เรย์จิคาดละก็ สิ่งนี้เป็นส่วนที่เปลี่ยนอนาคตได้ อาซาฮีก็จะไม่ตาย .... คงจะเรียกได้ว่า เรย์จิ จากไปเหตุผลหนึ่งก็เพราะ "ความรัก" นั่นเอง
ฉากการตายของเรย์จิเป็นหนึ่งในฉาก CG ที่เริ่ดที่สุดที่เคยเห็นในละครแถบ ๆ เอเชีย น่าจะทุ่มทุนมาก ฉากนี้เป็นฉากที่เรย์จิไปที่สนามบินและพบกับลาปาซ (Laplace เข้าใจว่ามาจากชื่อของนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ปิแอร์ ซิมง ลาปาซ) Android ซึ่งถูกกำหนดให้มาฆ่าเรย์จิ เรย์จิเองแม้กำลังจะตายก็ยังขอพิสูจน์ทฤษฎีของตนเองอีกซักหน่อยว่าเป็นอย่างไร นิสัยนักวิทย์ของเรย์จิเห็นชัดมาก คือ เป็นนักพิสูจน์ ให้รู้แจ้งชัดปราศจากความสงสัย ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ กล้องรักษาความปลอดภัยไม่สามารถแฮ็กจากด้านนอกได้ ส่วนของ scifi เริ่มเข้ามาตรงนี้เมื่อ CG แสดงให้เห็นถึงการ ooze out ว่าง่าย ๆ ก็วาร์ปไปอีกมิติเวลาหนึ่ง (คิดว่าเรย์จิคงคิดว่านี่แหละรูหนอน (Wormhole) ) และ โดนยิงหมดแม็กล้มลงบนพื้นสนามบินในมิติแห่งเวลานั้นนั่นเองแต่ฉากนั้นก็แลดูใบ้ ๆ ให้เห็นว่าเรย์จิเองรู้ หรือ คิดอะไรออกซักอย่างและมีแผนสำหรับความตายของตัวเอง "แม้จะต้องตายก็จะปกป้องเธอให้จงได้"
เพียงวันเดียวโลกของอันโด อาซาฮี ก็พลิกคว่ำ ด้วยความตายของว่าที่สามี และ ยิ่งได้รับรู้แล้วด้วยว่าเธออาจเป็นรายต่อไปก็ทำให้เกิดความสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในขณะที่ตกอยู่ในความเศร้าโศก ร้องไห้จนหลับ ก็เกิดกระบวนการบางอย่างขึ้นที่ PC ของเรย์จิ (มันคือ 5D Printer แปลว่า พิมพ์กัน 5 มิติกันเลยทีเดียว มิติที่เป็นรูปร่าง (3D) มิติที่มีการสัมผัสได้ (4D) มิติที่มีอารมณ์ความรู้สึก (5D)) อั๊ยยะ !! มันเก๋ก็ตรงนี้ หา 5D Printer ที่ไหนคะวานบอก (ฮา)
พอถึงยามเช้าอันโดเดินงง ๆ ออกไปข้างนอก ลืมไปเลยว่าตัวเองถึงคิวก็วันนี้แหละ เป็นอันว่าถูกดักฆ่าจนได้ แม้นักสืบ(ซึ่งสืบเรื่องราวของเรย์จิอยู่อย่างลับ ๆ) จะเดินตามมาตรวจสอบแล้วก็ตาม กลายเป็นว่ามีหนุ่ม(Android) ผลิตผลจาก 5D printer โผล่ออกมาจากลิ้นชัก ซึ่ง mission (จาก Client ลึกลับ) มีอยู่ว่าจะต้องปกป้องอันโด อาซาฮี at all costs ส่วนนี้ชอบการ reference จากโดเรม่อนมาก (ในลิ้นชักจะมีไทม์แมชชีนไหม ? อิ อิ) Android ที่หน้าเหมือนกับเรย์จิไม่ผิดเพี้ยนช่วยอาซาฮีจากการลอบฆ่าของ Laplace เจ้าเก่า พร้อมให้ดูฉากที่เรย์จิถูกยิง ตรงนี้มีนัยยะเหมือนกัน ARX II-13 (ชื่อของ Android) บอกว่า " เรย์จิไม่ได้ตาย เขาถูกฆ่า " ก็ต้องดูกันต่อไปว่าความหมายของประโยคที่ว่านี้คืออะไร
ARX II - 13 พาอาซาฮีหนีไปจนกระทั่งโดนอัดยับเยินและตกลงไปที่บ้านหลังหนึ่ง และ Laplace ก็กลับมาฆ่าอาซาฮี โดยใช้การ ooze out เหมือนเดิม แต่ปรากฎว่า Laplace กลับ detect unidentified object ได้ ซึ่งก็กลายเป็น Sapuri Android อีกตัวหนึ่ง Laplace กำลังจะจัดการ Sapuri แต่ได้รับคำสั่งให้ติดตามทำลาย ARX II-13 ซึ่งจับสัญญาณได้พอดี Sapuri ที่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลังได้นั่งคิดและพูดออกมาดัง ๆ ว่า "เรย์จิที่ถูกฆ่าแล้วก็กลับมาเพราะความรัก" ส่วนนี้คิดว่าจริง ที่จากไปก็เพราะรัก และ คิดว่าน่าจะเป็น plan ของเจ้าตัวนั่นแหละ เรื่อง ARX II-13
ก่อนหน้านั้นเจ้ Sapuri ได้ถูกเรียกตัว (จากใครยังไม่รู้) ให้ไปซ่อมแซม ARX II-13 ที่ถูกอัดมาแล้วอย่างยับ แต่ปรากฎว่าอัพเดทโปรแกรมไม่ได้ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะหลบหายไป ก็พบข้อเท็จจริงที่ว่า ARX II -13 คือ คือ Andriod ที่ลง OS (Operation System) ต้องห้ามที่ชื่อว่า Asura (เรื่องมันชักน่าสนใจขึ้นทุกที)
เมื่ออาซาฮีได้เห็นฉากทำลายล้างระหว่าง Laplace และ ARX II-13 อาซาฮีก็สับสนในชีวิตขึ้นมาทันทีว่านี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น โลกเราเป็นอะไรกันไปแล้ว นี่กำลังถูกตามล่า แล้วยัง Android Ooze out และ เรย์จิอีก เมื่อสำนึกได้ว่าเรย์จิไม่อยู่แล้วจริง ๆ อารมณ์อยากตายก็เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน แต่ก็ได้ ARX II-13 เข้ามาช่วยไว้อีก พร้อมบอกว่าถ้ายังทำอะไรที่เป็นการต่อต้านคำสั่ง Client ของเขาอีกล่ะก็ ได้ตายสมใจแน่
ผูกปมได้น่าสนใจทุกอย่างเลย น่าติดตามอย่างมาก ว่าตอนที่สองจะออกมาเป็นอย่างไร Look Promising
อีกอย่างที่ชอบคือเพลงประกอบ Your eyes (Original by Yamashita Tatsuro แต่เที่ยวนี้ร้องโดยภรรยา Takeuchi Mariya ) ซึ่งเพลงนี้เป็น Side B ของ Islands, Loveland ด้วย ดังนั้น Reunion Good Luck จัดเต็มตั้งแต่พระนางจนเพลงประกอบ ซึ่งเพราะมากและมีความหมายดี คิดว่าคงแทนความหมายจากใจของเรย์จิ และ อาซาฮี ฝ่ายเรย์จิเองเมื่อพบอาซาฮีก็คือพบคนที่เข้าและรับความเป็นเรย์จิได้ เรย์จิจึงรักและถ้ายอมอะไรได้ก็ยอม ส่วนอาซาฮีก็ไม่ได้ทรีตเรย์จิแบบอัจฉริยะแต่เห็นเป็นผู้ชายน่ารักคนนึง ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าแม้วิถีชีวิตค่อนข้างต่างแต่เราก็เหมือนเกิดมาคู่กัน "ฉันเห็นทุกอย่างนั้นในดวงตาของเธอ"
วันอาทิตย์เอาใจช่วยกันต่อไป ... เกาะหน้าจออย่างกระชั้นชิด