เอาเป็นว่า กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องโอตาคุ... ยาวแน่นอน...
(แปลความหมายโอตาคุโดยละเอียด..
http://bigvenarin.exteen.com/20080421/o-t-a-k-u )
เรื่องของเรื่องก็คือไปเจอพวกด่าคุ แล้วแม่มแบบจี๊ดอะ
กุก็รู้ว่าบางคนมันเชี่ยจิง แต่มาด่าหมดก็ไม่ได้ เช่นพวกแบบ เกลียดคนดูเมะ , ไม่ก็สาววาย นั่งดูวายแล้วก็เบ็ด ทุเรศหวะ
ถึงกุไม่ไช่คุกุก็ไม่ชอบ ด่าแบบพ่อตาย แม่ตาย เงี้ย! !
เช่น
http://www.youtube.com/channel/UCI0_vRJxIymjzSBtwwCx6Jg/videos
มีค่อนข้างเกลื่อน ตามเฟส หรือ เพจ
โดยความเข้าใจของผมและข้อมูลที่ได้รับมานะ
ขอท้าวความก่อน...
ในปัจจุบันมีการตีความหมายของโอตาคุในไทย 2 อย่างคร่าวๆด้วยกัน นั่นก็คือ
1.พวกที่ชอบดูเมะ เสพเมะ หรืออะไรต่างๆที่หลงไหล
2.มองว่าเป็นพวกน่ารังเกียจ วิปริตผิดเพศ หลงไหล...ซึ่งจะถูกโยงไปถึงเรื่อง sex ซะส่วนใหญ่
*ทุกอย่างเริ่มจากญี่ปุ่น ไม่รวมการ์ตูนของต่างชาติ
ย้อนไปในปี 1970 เป็นหลังสงครามโลกอะนะ เลยมีการผลิตการ์ตูนขึ้นมา
ซึ่งในยุคนั้นก็เป็นอะไรที่ตื่นตา ตื่นใจมาก
และทำไห้มีคนหลงไหลมันอย่างมากมาย
จึงทำไห้เกิดแฟนพันแท้ขึ้นนั่นเอง...
ต่อมาในปี 1980
ได้มีสำนักพิมผลิตการ์ตูนชื่อดังแห่งหนึ่ง ออกมาตีความ
คนที่หลงไหลในอนิเมะว่า otaku ซึ่งเกิดจากคำว่า
Taku ที่แปลว่าบ้าน แล้วเกิดการเล่นคำอีกที จึกกลายมาเป็นคำนี้
"ก็ไม่เห็นหน้าเกลียดหนิ?"
"แล้วมีคนเกลียดทำไม?"
เรื่องหลักๆมันอยู่ตรงนี้ครับ.. !
ประมาณปี 1990 (มั้ง)
มีความหนึ่งที่สะเทือนขวัญอย่างมาก
นั่นก็คือนาย Miyazaki (มั้ง)
ได้ก่อคดีฆ่าข่มขืนเด็กก่อนวัยเรียน 3 คน
(ประมาณ 4 ขวบได้)หลังจากป่มขืนเสร็จ
ก็ฆ่าปิดปาก และหั่นศพ ถอนกระดูกส่งกับไปไห้กับครอบครัว
จากนี้แหละครับที่ความหมายของโอตาคุเริ่มเปลี่ยนไป
โดยไอมิยาซากิเนี่ย เป็นคนที่ชอบดูเมะมาก ถึงกับมีซีดีกว่า 6000 แผ่น ในบ้านของเขา ซึ่งจากนี้เองที่ทำไห้คนมองว่า
"ไอนี่แหละโอตาคุ... โอตาคุเป็นคนทำ..."
แค่นั้นยังไม่พอ สำนักข่าวยังครึกโครมอีกว่า โอตาคุเป็นพวกเลวทรามต่ำช้า โรคจิต
คือ...มันเรียกเรตติ้งรายการนั่นเอง
เพิ่มเติม
http://topicstock.ppantip.com/chalermthai/topicstock/2006/06/A4431584/A4431584.html
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=273372
http://hilight.kapook.com/view/25415
จึงทำไห้ความหมายเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนี้
นั่นก็คือโอตาคุคือพวกเลวทรามนั่นเอง
และทนายของไอมิยาซากิเนี่ย ก็แก้ต่างไห้ว่า เขาไม่สามารถแยกแยะความจิงกับเรื่องมโนได้
(เมื่อก่อนมันมีโดจิน หรือเมะโลลิค่อนด้วยหรอวะ)
ในช่วงนั้นกลายเป็นว่าโอตาคุ = พวกเลวทราม แยกแยะไม่ออก และอีกมาย
นี่แหละครับสาเหตุที่ทำไห้เข้าใจผิด
ผมคิดว่ามันเป็นแต่ละบุคคลนะ จะเหมารวมไม่ได้
ไม่ไช่ว่าแบบดูเมะเรื่องนั้น เริ่องนี้ แล้วกูต้องฆ่ากันทุกคน
(กุว่ามิยาซากิ
โรคจิตอยู่แล้ว)
อย่างนี้ไอพวกดูเมะก็เข้ากันหมดแล้ว
และอีกคำนึงที่คนไทยชอบพูดก็คือ
O=....หมกมุ่น
T=....
A=....เก็บตัว
K=....
U=.....ugly อุบาทว์
[อะไรพวกนี้แหละ คนไทยรู้เข้าก็เลยเอาไปเผยแพร่]
ความจิงแล้ว โอตาคุ เป็นคำจากญี่ปุ่น คุณจะแปลเป็นอังกฤตได้ยังไง ¿¡
วลีเด็ดของพวกเกลียดโอตาคุ...(ไนไทย ปัจจุบัน)
คุพ่อตาย...
คุดิ้น...
รกโลก....
ในยุคนี้หละที่คำว่าโอตาคุย่ำแย่ มีแต่คนเกลียด
คนไทยขุดคุ้ยข่าวนี้นี่หละ จึงมีคนเกลียด
(คดีนี้เกิดประมาณปี 1988-1989)
ต่อมาอีก2 ปี มีบริษัทผลิตเมะชื่อดัง
ออกมานำเสนอ โอตาคุในด้านดีบอก
ทั้งกิจกรรมหรือเทคโนโลยีเอย
ซึ่งทุกอย่างดูดีมาก เป็นสิ่งดีต่อสังคม~^ ^
มีการบอกกันว่า โอตาคุ มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีมากกว่าคนธรรมดา 60% เพราะเนื่องจากคลุกคลีกับมัน...
การตีความหมายของ โอตาคุ
ก็ได้ถูกปลี่ยนแปลงเป็นครั้งที่ 3
นั่นก็คือ บุคคลไดก็ตาม ไม่เสมอไปว่าดูเมะ ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรกไดก็ตาม
ถือว่าเป็นโอตาคุหมด
ปัจจุบันมีการสอบถามคนญี่ปุ่นว่า รู้สึกยังไงกับโอตาคุ ?
50% ไม่ชอบไม่เกลียด
25% เทิดทูน
25% เกลียดเข้าเส้น
(ส่วนมากเป็นคนแก่เพราะเนื่องจากยังฝังใจกับคดี)
เอาเป็นว่าโอตาคุดีๆก็เยอะ ไม่ว่าจะเกม หรือ เมะ ก็ตาม อย่างคนไทยเนี่ย เป็นที่ 1 ของเกมกี่รายการแล้ว กวาดรายได้ไปเท่าไหร่ ค่อนข้างจะมีประโยชกว่าพวก เด็กแว๊น เสพยา ดูดหรี่เยอะ
ไม่ไช่ว่าดูอะไร เล่นอะไรแล้วทำตามหมด
มันแล้วแต่บุคคล อย่าเหมารวม
(คนไทยแอนตี้เพราะไปเอาข่าวตอน 1890 มา แต่ไม่ได้ฟังข่าวที่ดีต่อใน คส.อื่น)
สรุปว่าตอนนี้โอตาคุเป็นคำเชิงบวกของญี่ปุ่นแล้ว
ไม่ใช่คำด่าอย่างที่คุณเข้าใจ
คนไทยก็งี้ ฟังข่าวก็พูดเลย รู้ก็รู้อยู่ว่าข่าวมันไม่มีไครมาตีแผ่ความจริง 100% หรอก เขาก็ลำเอียงเอาเรตติ้งกันทั้งนั้น
จบ!! ...~ (ไม่ดราม่านะ รวบรวมมาไห้อ่าน แล้วคิด) (*ขอโทษที่พูดคำหยาบครับ)
เพิ่มเติม
http://www.youtube.com/watch?v=bC08QaV4wEI
เกี่ยวกับการด่า Otaku
(แปลความหมายโอตาคุโดยละเอียด.. http://bigvenarin.exteen.com/20080421/o-t-a-k-u )
เรื่องของเรื่องก็คือไปเจอพวกด่าคุ แล้วแม่มแบบจี๊ดอะ
กุก็รู้ว่าบางคนมันเชี่ยจิง แต่มาด่าหมดก็ไม่ได้ เช่นพวกแบบ เกลียดคนดูเมะ , ไม่ก็สาววาย นั่งดูวายแล้วก็เบ็ด ทุเรศหวะ
ถึงกุไม่ไช่คุกุก็ไม่ชอบ ด่าแบบพ่อตาย แม่ตาย เงี้ย! !
เช่น http://www.youtube.com/channel/UCI0_vRJxIymjzSBtwwCx6Jg/videos
มีค่อนข้างเกลื่อน ตามเฟส หรือ เพจ
โดยความเข้าใจของผมและข้อมูลที่ได้รับมานะ
ขอท้าวความก่อน...
ในปัจจุบันมีการตีความหมายของโอตาคุในไทย 2 อย่างคร่าวๆด้วยกัน นั่นก็คือ
1.พวกที่ชอบดูเมะ เสพเมะ หรืออะไรต่างๆที่หลงไหล
2.มองว่าเป็นพวกน่ารังเกียจ วิปริตผิดเพศ หลงไหล...ซึ่งจะถูกโยงไปถึงเรื่อง sex ซะส่วนใหญ่
*ทุกอย่างเริ่มจากญี่ปุ่น ไม่รวมการ์ตูนของต่างชาติ
ย้อนไปในปี 1970 เป็นหลังสงครามโลกอะนะ เลยมีการผลิตการ์ตูนขึ้นมา
ซึ่งในยุคนั้นก็เป็นอะไรที่ตื่นตา ตื่นใจมาก
และทำไห้มีคนหลงไหลมันอย่างมากมาย
จึงทำไห้เกิดแฟนพันแท้ขึ้นนั่นเอง...
ต่อมาในปี 1980
ได้มีสำนักพิมผลิตการ์ตูนชื่อดังแห่งหนึ่ง ออกมาตีความ
คนที่หลงไหลในอนิเมะว่า otaku ซึ่งเกิดจากคำว่า
Taku ที่แปลว่าบ้าน แล้วเกิดการเล่นคำอีกที จึกกลายมาเป็นคำนี้
"ก็ไม่เห็นหน้าเกลียดหนิ?"
"แล้วมีคนเกลียดทำไม?"
เรื่องหลักๆมันอยู่ตรงนี้ครับ.. !
ประมาณปี 1990 (มั้ง)
มีความหนึ่งที่สะเทือนขวัญอย่างมาก
นั่นก็คือนาย Miyazaki (มั้ง)
ได้ก่อคดีฆ่าข่มขืนเด็กก่อนวัยเรียน 3 คน
(ประมาณ 4 ขวบได้)หลังจากป่มขืนเสร็จ
ก็ฆ่าปิดปาก และหั่นศพ ถอนกระดูกส่งกับไปไห้กับครอบครัว
จากนี้แหละครับที่ความหมายของโอตาคุเริ่มเปลี่ยนไป
โดยไอมิยาซากิเนี่ย เป็นคนที่ชอบดูเมะมาก ถึงกับมีซีดีกว่า 6000 แผ่น ในบ้านของเขา ซึ่งจากนี้เองที่ทำไห้คนมองว่า
"ไอนี่แหละโอตาคุ... โอตาคุเป็นคนทำ..."
แค่นั้นยังไม่พอ สำนักข่าวยังครึกโครมอีกว่า โอตาคุเป็นพวกเลวทรามต่ำช้า โรคจิต
คือ...มันเรียกเรตติ้งรายการนั่นเอง
เพิ่มเติม
http://topicstock.ppantip.com/chalermthai/topicstock/2006/06/A4431584/A4431584.html
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=273372
http://hilight.kapook.com/view/25415
จึงทำไห้ความหมายเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนี้
นั่นก็คือโอตาคุคือพวกเลวทรามนั่นเอง
และทนายของไอมิยาซากิเนี่ย ก็แก้ต่างไห้ว่า เขาไม่สามารถแยกแยะความจิงกับเรื่องมโนได้
(เมื่อก่อนมันมีโดจิน หรือเมะโลลิค่อนด้วยหรอวะ)
ในช่วงนั้นกลายเป็นว่าโอตาคุ = พวกเลวทราม แยกแยะไม่ออก และอีกมาย
นี่แหละครับสาเหตุที่ทำไห้เข้าใจผิด
ผมคิดว่ามันเป็นแต่ละบุคคลนะ จะเหมารวมไม่ได้
ไม่ไช่ว่าแบบดูเมะเรื่องนั้น เริ่องนี้ แล้วกูต้องฆ่ากันทุกคน
(กุว่ามิยาซากิ โรคจิตอยู่แล้ว)
อย่างนี้ไอพวกดูเมะก็เข้ากันหมดแล้ว
และอีกคำนึงที่คนไทยชอบพูดก็คือ
O=....หมกมุ่น
T=....
A=....เก็บตัว
K=....
U=.....ugly อุบาทว์
[อะไรพวกนี้แหละ คนไทยรู้เข้าก็เลยเอาไปเผยแพร่]
ความจิงแล้ว โอตาคุ เป็นคำจากญี่ปุ่น คุณจะแปลเป็นอังกฤตได้ยังไง ¿¡
วลีเด็ดของพวกเกลียดโอตาคุ...(ไนไทย ปัจจุบัน)
คุพ่อตาย...
คุดิ้น...
รกโลก....
ในยุคนี้หละที่คำว่าโอตาคุย่ำแย่ มีแต่คนเกลียด
คนไทยขุดคุ้ยข่าวนี้นี่หละ จึงมีคนเกลียด
(คดีนี้เกิดประมาณปี 1988-1989)
ต่อมาอีก2 ปี มีบริษัทผลิตเมะชื่อดัง
ออกมานำเสนอ โอตาคุในด้านดีบอก
ทั้งกิจกรรมหรือเทคโนโลยีเอย
ซึ่งทุกอย่างดูดีมาก เป็นสิ่งดีต่อสังคม~^ ^
มีการบอกกันว่า โอตาคุ มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีมากกว่าคนธรรมดา 60% เพราะเนื่องจากคลุกคลีกับมัน...
การตีความหมายของ โอตาคุ
ก็ได้ถูกปลี่ยนแปลงเป็นครั้งที่ 3
นั่นก็คือ บุคคลไดก็ตาม ไม่เสมอไปว่าดูเมะ ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรกไดก็ตาม
ถือว่าเป็นโอตาคุหมด
ปัจจุบันมีการสอบถามคนญี่ปุ่นว่า รู้สึกยังไงกับโอตาคุ ?
50% ไม่ชอบไม่เกลียด
25% เทิดทูน
25% เกลียดเข้าเส้น
(ส่วนมากเป็นคนแก่เพราะเนื่องจากยังฝังใจกับคดี)
เอาเป็นว่าโอตาคุดีๆก็เยอะ ไม่ว่าจะเกม หรือ เมะ ก็ตาม อย่างคนไทยเนี่ย เป็นที่ 1 ของเกมกี่รายการแล้ว กวาดรายได้ไปเท่าไหร่ ค่อนข้างจะมีประโยชกว่าพวก เด็กแว๊น เสพยา ดูดหรี่เยอะ
ไม่ไช่ว่าดูอะไร เล่นอะไรแล้วทำตามหมด
มันแล้วแต่บุคคล อย่าเหมารวม
(คนไทยแอนตี้เพราะไปเอาข่าวตอน 1890 มา แต่ไม่ได้ฟังข่าวที่ดีต่อใน คส.อื่น)
สรุปว่าตอนนี้โอตาคุเป็นคำเชิงบวกของญี่ปุ่นแล้ว
ไม่ใช่คำด่าอย่างที่คุณเข้าใจ
คนไทยก็งี้ ฟังข่าวก็พูดเลย รู้ก็รู้อยู่ว่าข่าวมันไม่มีไครมาตีแผ่ความจริง 100% หรอก เขาก็ลำเอียงเอาเรตติ้งกันทั้งนั้น
จบ!! ...~ (ไม่ดราม่านะ รวบรวมมาไห้อ่าน แล้วคิด) (*ขอโทษที่พูดคำหยาบครับ)
เพิ่มเติม http://www.youtube.com/watch?v=bC08QaV4wEI