ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เห็นคนได้ 4.00 กันหลายคนก็คิดว่าเค้าเก่งอ่ะนะ
แต่พอมาตอนนี้ รู้สึกว่า 4.00 นี่มันมีแทบทุกโรงเรียนเลย เลยมาฉุกคิดว่า ในบางวิชาพวกนี้ได้ 4.00 มาได้ยังไง??
วิชาที่ว่าก็คือ พวก กลุ่มวิชาพลศึกษา กับวิชาศิลปศาสตร์ ที่มันมีลักษระเหมือนกันคือเป็นวิชาปฏิบัติ คนที่ปฏิบัติได้ดีกว่าจะมาได้เกรดเท่าคนที่ปฏิบัติได้ต่ำกว่าเกณฑ์ได้อย่างไร อันนี้แหละ ประเด็นคำถามที่ผมสงสัย??
เด็กที่หัวดี มีโอกาสได้คำแนนในส่วนของวิชาที่เน้นวิชาการที่ดีกว่าเพื่อนตามพรสวรรค์ แต่เด็กที่มีทักษะและสภาพร่างกายที่ดีกลับไม่มีโอกาสได้คะแนนที่ดีกว่าเพื่อนทั้งที่เป็นพรสวรรค์ของตัวเองเหมือนกัน เห็นถึงความยุติธรรมที่เกิดขึ้นไหมครับ??
เพราะว่ากลุ่มวิชาทั้ง 2 นั้นเป็นกลุ่มวิชาที่เรียกได้ว่าใช้การปฏิบัติเป็นหลัก เช่น วิ่ง 100 เมตร ได้เวลาเท่าใด , กระโดดไกลได้ระยะเท่าใด , เดาะลูบอล วอลเล่ ได้กี่ครั้ง , การวาดตัดเส้นคมไหม , ลงสี และให้แสงเงารูปวาด สวยหรือไม่ เช่นนี้เป็นตั้น ซึ่งบอกได้เลยว่า คนที่ได้ 4.00 ในยุคผม มันทำที่ว่ามาน่ะได้ครับ แต่ได้ไม่ดี แต่เกรดออกมา 4 เท่ากัน?? !!!!!
แม้บางคนอาจจะบอกว่า วิชาพวกนี้มันมีส่วนของทฤษฎี อยู่เป็นคะแนน แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นครับ วิชา 2 กลุ่มนี้เป็นวิชาปฏิบัติ การให้ความสำคัญในส่วนของทฤษฎีมาเทียบเท่ากับการปฏิบัติ ใน 2 กลุ่มวิชานี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วจริงหรือ??? หรือว่ามันไม่ถูกต้อง??? ที่สำคัญคือมัน "ยุติธรรม" กับเด็กหรือไม่??
มาถึงตรงนี้หลายคนคงนึกออกว่า "การตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม" ในวิชาที่เน้นวิชาการที่สมัยผมมักพบเห็นกันอยู่บ่อยๆ ว่าใครเรียนได้ดีกว่าจะเหยียบหัวเพื่อนขึ้นไป เป็นสิ่งที่ถูกต้อง กลับกัน พอเป็นวิชาที่ปฏิบัติเช่นที่กล่าวมา การตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม กลับถูกมองว่าไม่ยุติธรรมและถูกปฏิเสธ !!! ทำไมล่ะครับ ใครพอมีคำตอบหรือมุมมองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง???
อันนี้ผมขอกล่าวถึงกลุ่มวิชาอื่นสักหน่อยโดยเฉพาะกลุ่มวิชา Science ทั้งหลายที่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าทฤษฎีและปฏิบัติควรให้ความสำคัญเทียบเท่ากัน เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ที่ทฤษฎีและปฏิบัติอยู่ควบคู่กันอย่างแยกไม่ได้ หรือจะเป็นวิชาเกี่ยวกับด้านภาษา ที่หลักไวยกรณ์ สำคัญพอกับการเขียนและการพูด การให้คะแนนตามเกณฑ์ที่เป็นอยู่ผมจึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ยุติธรรมแล้วในปัจจุบัน ก็จะไม่หยิบยกมาถามก็แล้วกันนะครับ
ทีนี้ มาถึงการตัดเกรด พอ นักเรียนที่ได้ 4.00 ซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า สอบได้ 100% มันหมายถึงเป็นคน Perfect เลยนะครับ มันหมายถึง คนๆนี้เรียนดี กีฬาเด่น ศิลปเป็นเลิศ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างข้างต้นนั่นก็แสดงว่า เกรดที่ได้ ไม่สะท้อน ความสามารถที่แท้จริงของคนๆนั้น แล้วอย่างนี้ การตัดเกรดให้มีนักเรียนได้ 4.00 กันทุกโรงเรียนแบบนี้ มันยังจะถูกต้องอยู่อีกไหมครับ??
การปล่อยให้ได้เกรด 4.00 นี่มันถูกต้องแล้วจริงๆเหรอครับ??
แต่พอมาตอนนี้ รู้สึกว่า 4.00 นี่มันมีแทบทุกโรงเรียนเลย เลยมาฉุกคิดว่า ในบางวิชาพวกนี้ได้ 4.00 มาได้ยังไง??
วิชาที่ว่าก็คือ พวก กลุ่มวิชาพลศึกษา กับวิชาศิลปศาสตร์ ที่มันมีลักษระเหมือนกันคือเป็นวิชาปฏิบัติ คนที่ปฏิบัติได้ดีกว่าจะมาได้เกรดเท่าคนที่ปฏิบัติได้ต่ำกว่าเกณฑ์ได้อย่างไร อันนี้แหละ ประเด็นคำถามที่ผมสงสัย??
เด็กที่หัวดี มีโอกาสได้คำแนนในส่วนของวิชาที่เน้นวิชาการที่ดีกว่าเพื่อนตามพรสวรรค์ แต่เด็กที่มีทักษะและสภาพร่างกายที่ดีกลับไม่มีโอกาสได้คะแนนที่ดีกว่าเพื่อนทั้งที่เป็นพรสวรรค์ของตัวเองเหมือนกัน เห็นถึงความยุติธรรมที่เกิดขึ้นไหมครับ??
เพราะว่ากลุ่มวิชาทั้ง 2 นั้นเป็นกลุ่มวิชาที่เรียกได้ว่าใช้การปฏิบัติเป็นหลัก เช่น วิ่ง 100 เมตร ได้เวลาเท่าใด , กระโดดไกลได้ระยะเท่าใด , เดาะลูบอล วอลเล่ ได้กี่ครั้ง , การวาดตัดเส้นคมไหม , ลงสี และให้แสงเงารูปวาด สวยหรือไม่ เช่นนี้เป็นตั้น ซึ่งบอกได้เลยว่า คนที่ได้ 4.00 ในยุคผม มันทำที่ว่ามาน่ะได้ครับ แต่ได้ไม่ดี แต่เกรดออกมา 4 เท่ากัน?? !!!!!
แม้บางคนอาจจะบอกว่า วิชาพวกนี้มันมีส่วนของทฤษฎี อยู่เป็นคะแนน แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นครับ วิชา 2 กลุ่มนี้เป็นวิชาปฏิบัติ การให้ความสำคัญในส่วนของทฤษฎีมาเทียบเท่ากับการปฏิบัติ ใน 2 กลุ่มวิชานี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วจริงหรือ??? หรือว่ามันไม่ถูกต้อง??? ที่สำคัญคือมัน "ยุติธรรม" กับเด็กหรือไม่??
มาถึงตรงนี้หลายคนคงนึกออกว่า "การตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม" ในวิชาที่เน้นวิชาการที่สมัยผมมักพบเห็นกันอยู่บ่อยๆ ว่าใครเรียนได้ดีกว่าจะเหยียบหัวเพื่อนขึ้นไป เป็นสิ่งที่ถูกต้อง กลับกัน พอเป็นวิชาที่ปฏิบัติเช่นที่กล่าวมา การตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม กลับถูกมองว่าไม่ยุติธรรมและถูกปฏิเสธ !!! ทำไมล่ะครับ ใครพอมีคำตอบหรือมุมมองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง???
อันนี้ผมขอกล่าวถึงกลุ่มวิชาอื่นสักหน่อยโดยเฉพาะกลุ่มวิชา Science ทั้งหลายที่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าทฤษฎีและปฏิบัติควรให้ความสำคัญเทียบเท่ากัน เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ที่ทฤษฎีและปฏิบัติอยู่ควบคู่กันอย่างแยกไม่ได้ หรือจะเป็นวิชาเกี่ยวกับด้านภาษา ที่หลักไวยกรณ์ สำคัญพอกับการเขียนและการพูด การให้คะแนนตามเกณฑ์ที่เป็นอยู่ผมจึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ยุติธรรมแล้วในปัจจุบัน ก็จะไม่หยิบยกมาถามก็แล้วกันนะครับ
ทีนี้ มาถึงการตัดเกรด พอ นักเรียนที่ได้ 4.00 ซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า สอบได้ 100% มันหมายถึงเป็นคน Perfect เลยนะครับ มันหมายถึง คนๆนี้เรียนดี กีฬาเด่น ศิลปเป็นเลิศ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างข้างต้นนั่นก็แสดงว่า เกรดที่ได้ ไม่สะท้อน ความสามารถที่แท้จริงของคนๆนั้น แล้วอย่างนี้ การตัดเกรดให้มีนักเรียนได้ 4.00 กันทุกโรงเรียนแบบนี้ มันยังจะถูกต้องอยู่อีกไหมครับ??