เนื้อหานี้ จขกท แปลด้วยตนเอง แปลผิดแปลถูกอย่าว่ากันนะครับ
อะไรคือ “ไบเซ็คชวล” (Bisexual)
สำหรับบุคคลที่เป็นชาวรักร่วมเพศหรือเกย์และเลสเบี้ยน(Homosexual) จะมีอารมณ์และความรู้สึกต่อบุคคลที่เป็นเพศเดียวกันกับตนเท่านั้น ในขณะที่คนอื่นๆจะเป็นคนที่มีอารมณ์และความรู้สึกต่อบุคคลที่เป็นเพศตรงข้ามกับตน(Heterosexual) แล้วคนที่อยู่นอกเหนือจาก 2 กลุ่มที่กล่าวมาละ ที่ไม่สามารถถูกจัดกลุ่มกับทั้ง 2 ประเภทได้อย่างเต็มตัวเพียงเพราะพวกเขามีประสบการณ์ทั้งทางเพศและทางอารมณ์ต่อบุคคลอื่นทั้งเพศเดียวกับตนและบุคคลเพศตรงข้ามในช่วงชีวิตของเขา ซึ่งคนกลุ่มหลังนี้ถูกเรียกว่า “ไบเซ็คชวล” หรือ “เสือไบ” ในภาษาไทย ถึงกระนั้นบางคนมักยินดีที่จะเรียกตนเองเป็นพวกร่วมได้กับทุกเพศ(Pansexual), พวกที่ไม่ได้รู้สึกกับเพศไหนเป็นพิเศษ(Non-preferential), พวกที่อารมณ์ไหลไปกับใครเพศใดก็ได้(Sexually Fluid) หรือพวกที่เป็นได้ 2 เพศในคนเดียว(Ambisexual/Omni-sexual)
จากมาตรวัด Kinsey ที่มีทั้งหมด 7 ระดับเรียงจาก 0 – 6 ที่ใช้อธิบายถึงรสนิยมทางเพศ(Sexual Orientation)ของบุคคล ค.ศ.1948 โดยบุคคลที่นิยมในเพศตรงขามจะอยู่ที่แถบ 0 ของมาตรวัด ขณะที่คนรักร่วมเพศจะอยู่ที่แถบ 6 ของมาตรวัด ส่วนใครก็ตามที่อยู่ในแถบระหว่าง 1 – 5 จะถูกนับว่าเป็นไบเซ็คชวล โดยผู้ที่อยู่ในช่วง 1 – 2 จะเป็นไบกลุ่มที่นิยมเพศตรงข้ามมากกว่า ผู้ที่อยู่ในแถบที่ 3 ตรงกลางจะเป็นไบกลุ่มที่ชอบพอกับคนเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามในระดับที่เท่าๆกัน และผู้ที่อยู่ในแถบ 4 – 5 เป็นไบกลุ่มที่นิยมคนเพศเดียวกันมากกว่า แต่ยังไม่นับว่าเป็นคนรักร่วมเพศ เพราะยังมีความรู้สึกชอบพอกับคนเพศตรงข้ามอยู่
ภาพแถบมาตรวัด Kinsey scale
Dr. Fritz Klein จิตแพทย์ นักวิจัย และผู้ริเริ่มรณรงค์ในสิทธิของชาวไบเซ็คชวล ซึ่งได้ก่อตั้งองค์กรณ์สำหรับชาวไบเซ็คชวลเป็ครั้งแรกของโลกในปี ค.ศ.1974 ชื่อ “Bisexual Forum” เขากล่าวว่า มาตรวัดของ Kinsey อธิบายได้ดีมากแต่ก็ยังมีความหมายที่จำกัด เขาทำตาราง Klein Sexual Orientation Grid เพื่อขยายความจากมาตรวัด Kinsey scale อีกชั้นหนึ่งเพื่อแบ่งระหว่างความสนใจทางเพศ(Sexual Attraction)กับพฤติกรรมการร่วมเพศ(Sexual Behavior)ของผู้ถูกสำรวจ
โดยแบ่งประเด็นทั้งหมด 7 หัวข้อ A – G ได้แก่
A. ความสนใจทางเพศ (Sexual Attraction)
B. พฤติกรรมการร่วมเพศ/มีเพศสัมพันธ์ (Sexual Behavior)
C. จิตนาการทางเพศ (Sexual Fantasies)
D. ความรู้สึกทางอารมณ์ (Emotional Preference)
E. การเข้าสังคม (Social Preference)
F. สภาวะทางเพศของตนเอง (Self-identification)
G. รสนิยมวิถีชีวิตของตนเองเป็นแบบรักร่วมเพศหรือเพศตรงข้าม (Hetero/Gay Lifestyle)
ภาพตารางวิเคราะห์ Klein Sexual Orientation
โดยการกรอกข้อมูลในตาราง จะแบ่งการให้คำตอบจาก A – E เป็น 7 ระดับตาม Kinsey Scale โดย 1 คือมีความรู้สึกต่อเพศตรงข้ามเท่านั้น 7 ความรู้สึกต่อเพศเดียวกันเท่านั้น และ 2 – 6 เป็นการเรียงมากน้อยตามลำดับ เพื่อระบุตามพฤติกรรมในอดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคตของผู้ถูกสำรวจ ซึ่งตารางดังกล่าวได้ช่วยระบุลักษณะและรสนิยมของผู้ถูกสำรวจได้ละเอียดและชัดเจนมายิ่งขึ้น
จากการสำรวจในปีหลังๆนี้ พบว่าสมัยนี้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเป็นชาวไบมากขึ้น หรือมีสภาวะเบี่ยงเบนจากเพศกำเนิดของตน ซึ่งคำนิยามที่ระบุถึงการเป็นบุคคลรักต่างเพศ รักร่วมเพศ หรือ ได้ทั้ง 2 เพศ ล้วนเป็นนิยามจากทัศนคติเดิมๆของสังคมที่จำกัดไว้เพียง 2 เพศ คือ ชายกับหญิง โดยเห็นได้ชัดจากคนที่มีการแปลงเพศทั้งจากชายเป็นหญิง หรือ จากหญิงเป็นชาย เนื่องจากพวกเขาไม่พอใจกับเพศสภาพที่ตนกำเนิด ซึ่งถ้าการแบ่งเพศไม่เน้นจำกัดความกับการเป็นชายจริงหญิงแท้ เกย์ หรือไบ เรื่องรสนิยมทางเพศจะระบุเพียงจากเพศของคู่ครองคนปัจจุบันที่คบหาอยู่เท่านั้น
ประเภทของไบเซ็คชวล
จากข้างต้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนที่เป็นไบเซ็คชวลมีลักษณะและสถานะที่หลากหลาย J. R. Little จิตแพทย์และนักวิจัยจึงแบ่งประเภทของคนที่เป็นไบเซ็คชวลได้ 13 กลุ่มตามความชอบพอและพฤติกรรมทางเพศ ได้แก่
1. ไบเซ็คชวลทางเลือก (Alternating Bisexuals)
บุคคลนั้นเคยมีความสัมพันธ์คบกับคนเพศเดียวกันมาก่อน โดยหลังจากความสัมพันธ์นั้นสิ้นสุด(เลิกกัน) อาจเลือกคบคู่คนใหม่เป็นคนเพศตรงข้าม และอาจจะกลับไปคบคนใหม่ที่เป็นเพศเดียวกันได้อีกครั้งในต่อไป
2. ไบเซ็คชวลเพราะสถานการณ์บังคับ(Circumstantial Bisexuals)
โดยหลักแล้วจะเป็นผู้ที่ชอบคนต่างเพศ แต่จำเป็น(จำใจ)ที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันเพราะ ไม่สามารถหาหรือเข้าถึงคนเพศตรงข้ามได้ เช่น เมื่ออยู่ในคุก ในค่ายทหาร หรือโรงเรียนประจำแบบเพศล้วน
3. ไบเซ็คชวลคบชู้(Concurrent Relationship Bisexuals)
จะมีความสัมพันธ์หลักกับคนเพียงเพศเดียวเท่านั้น(กับชายหรือหญิงก็ตาม) แต่ก็มีความสัมพันธ์กับบุคคลเพศที่ต่างจากคู่หลักของตนซ้อนกัน
4. ไบเซ็คชวลเพราะเงื่อนไข(Conditional Bisexuals)
กลุ่มนี้จะนับรวมทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ซึ่งเลือกที่จะมีความสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตนด้วยเหตุผลทางการเงินหรือความก้าวหน้าในอาชีพ เช่น ชายแท้ยอมขายตัวให้เกย์หรือเล่นหนังนู๊ดเกย์เพื่อเงิน หรือหญิงเลสเบี้ยนที่ยอมแต่งงานกับผู้ชายเพื่อให้ได้การยอมรับจากทางบ้านหรือแค่เพื่อต้องการมีบุตร
5. ไบเซ็คชวลตามความรู้สึก(Emotional Bisexuals)
มีความรู้สึกชอบพอทั้งทางเพศและทางจิตใจกับทั้งชายและหญิง แต่ตอนจบจะเลือกคบเพียงเพศเดียวเท่านั้น
6. ไบเซ็คชวลควบซ้อน(Integrated Bisexuals)
เหมือนข้อ 5 แต่เลือกที่จะคบทั้ง 2 เพศพร้อมๆกัน
7. ไบเซ็คชวลเพราะความสงสัย(Exploratory Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่เลือกมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตนเพียงเพราะอยากรู้อยากลอง *แต่ไม่คิดติดใจ และเลือกกลับไปเป็นตามเพศเดิมของตนตามปกติ
8. ไบเซ็คชวลตามความพึงพอใจ(Hedonistic Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่เลือกมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตน เพื่อตอบสนองความต้องการหรือเพื่อความเพิ่งพอใจ
9. ไบเซ็คชวลโดยไม่ได้ตั้งใจ(Recreational Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่มีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตน เนื่องจากการเมาและขาดสติ
10. ไบเซ็คชวลปลีกแยก(Isolated Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตนเมื่อครั้งในอดีต
11. ไบเซ็คชวลแอบแฝง(Latent Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่มีความรู้สึกกับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตน แต่ไม่เคยปฏิบัติ
12. ไบเซ็คชวลเพราะถูกบังคับ(Motivational Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่เลือกมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตน เพราะถูกสั่งหรือบังคับ เพื่อสร้างความเพิงพอใจให้กับคู่ครองของตน เช่น ผู้ชายสั่งให้คู่ของตนที่เป็นหญิง ทำกิจกรรมรักกับผู้หญิงด้วยกันให้เขาดูเพื่อกระตุ้นความต้องการของเขาและให้เขาพอใจ
13. ไบเซ็คชวลเฉพาะกาล(Transitional Bisexuals)
การเป็นไบเซ็คชวลเพียงช่วงขณะหนึ่งที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนจากชายจริงหญิงแท้ไปเป็นคนรักร่วมเพศ หรือเปลี่ยนกลับกันก็ได้
ซึ่งนับรวมกลุ่มจากข้อ 7 ที่บังเอิญลองแล้วติดใจด้วย
ซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นไบเซ็คชวล แต่ถ้านับจากการที่พวกเขามีความรู้สึกดึงดูดกับคนทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม ตามหลักแล้วพวกเขาก็คือไบเซ็คชวล
แต่กระนั้น ถึงจะมีผุ้คนจำนวนมากที่รู้ตัวว่าตนเป็นไบเซ็คชวล แต่ก็เลือกที่จะปกปิดรสนิยมทางเพศของตนเอาไว้ คนที่เป็นไบจึงระบุและหาตัวได้ยากจากสังคมโดยรวม ต่างจากกลุ่มคนรักร่วมเพศที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนกว่า ทั้งการรวมกลุ่มเพื่อแสดงจุดยืนทางสังคม เรียกร้องสิทธิทางกฎหมายและการเมือง และสิทธิในความเท่าเทียม ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลุ่มคนที่เป็นไบดูจะเชื่องช้าและยังไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวจากที่ซ้อนมาแสดงจุดยืน เพื่อรวมกลุ่มเรียกร้อมสิทธิและความเสมอภาคบ้าง ถึงแม้ชาวไบเซ็คชวลจะได้รับการยอมรับในกลุ่ม
LGBT(Lesbian/Gay/Bisexual/Transgender) แต่เนื่องจากกรณีที่มีความขัดแย้งรุนแรงระหว่างกลุ่มคนรักต่างเพศกับคนรักร่วมเพศในระยะหลังๆ ทำให้กลุ่มคนที่เป็นไบเซ็คชวลเหมือนถูกดีดเขวงออกมาตัวคนเดียว
คนที่เป็นไบเซ็คชวลจำนวนมากให้ความเห็นว่าพวกเขารู้สึกแปลกแยกและไม่เป็นที่ยอมรับทั้งจากสังคมของคนรักต่างเพศและสังคมของคนรักร่วมเพศ ไม่สามารถเข้าร่วมกับกลุ่มใดได้จริงๆ ทำให้เกิดความสับสนและรึ้กว่าตนเองแปลกประหลาด ซึ่งงานค้นคว้าจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า ชาวไบเซ็คชวลได้รับผลกระทบจากสังคมมากกว่ากลุ่มคนรักร่วมเพศซะอีก เพราะพวกเขาไม่มีแบบอย่างและชุมชนที่ให้การยอมรับพวกเขาได้จริง *ที่แย่คือชาวเกย์จำนวนมากจะมองว่าผู้ชายที่เป็นไบ ก็คือเกย์ แต่ยังไม่กล้ายอมรับ ทำให้กลุ่มคนที่ไม่ชอบและรังเกียจพวกรักร่วมเพศเหมารวมคนที่เป็นไบเข้ากับเกย์ ชายแท้จึงกลัวการตกเป็นเหยื่อของการทำร้ายร่างกายและการข่มขืน รวมถึงหญิงแท้ก็ไม่ยอมรับชายที่เป็นๆบเพราะกลัวโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงบังคับให้เลือกข้าง ว่าจะเลือกชายหรือหญิง ขณะเดียวกันหญิงที่เป็นไบก็ถูกรังเกียจและไม่เป็นที่ยอมรับจากเลสเบี้ยน เพราะเธอยังมีใจและความรู้สึกต่อผู้ชาย หญิงแท้เองก็กลัวการที่จะถูกหญิงไบเปลี่ยนเธอให้ไปชอบเพศเดียวกัน
จากการแบ่งขั่วชัดเจนของคนรักต่างเพศกับคนรักร่วมเพศ ทำให้มีกลุ่มแนวคิดที่จะอธิบายชาวไบเซ็คชวลได้ 2 แนวคิด ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มก็ไม่อธิบายความเป็นไบเซ็คชวลได้อย่างแท้จริง
อย่างที่ 1 คือทัศนคติดั่งเดิม(Transitional Model)ที่มองว่า ไบเซ็คชวลก็คือคนรักร่วมเพศ ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนสภาพ
อย่างที่ 2 คือ ความไม่สมดุลหรือสภาวะไม่ปกติทางจิต(Pathological Model) มองว่าไบเซ็คชวลคือความไม่มั่นคงทางจิต สับสนและไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าตนเป็นคนรักต่างเพศหรือรักร่วมเพศ
ซึ่งทั้ง 2 แนวคิดตัดสินเพียงจากความสับสนในการตัดสินใจมากกว่าจากรสนิยมทางเพศที่เชื่อถือได้มากกว่า บางคนมองไบเซ็คชวลเป็นกลุ่มที่มาโค้นล้มระบบความเชื่อเดิมๆของทั้งคนรักต่างเพศและคนรักร่วมเพศเพราะการไม่มีขอบเขตชัดเจนของชาวไบ ซึ่งต้องต่อกรกับระบบความเชื่อหลายๆอย่างทั้งเรื่องของโครงสร้างสถาบันครอบครัว การรักเดียวใจเดียว เพศสภาวะ และการมีตัวตนทางสังคม ทำให้ไบเซ็คชวลไม่สามารถที่จะเขากับกลุ่มคนรักต่างเพศหรือคนรักร่วมเพศได้ ชาวไบจึงต้องสร้างขอบเขต และกลุ่มของตนขึ้นมา เพียงสร้างความชัดเจนของตนเองจาก 2 กลุ่มก่อนหน้า
นักวิจัยบางคน ได้เปรียบเทียบสถานการณ์ของชาวไบเซ็คชวลเหมือนกับสถานการณ์ของคนที่เป็นลูกครึ่งผสมต่างเชื้อชาติ เนื่องจากไม่สามารถนับรวมกับชนชาติใดชนชาติหนึ่งได้จริงๆ เพราะตนไม่ได้มีเลือดเนื้อแท้ของชนชาตินั้นๆจึงไม่สามารถที่จะได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่จากเพื่อนร่วมชาติทั้ง 2 ชาติได้
ภาพประกอบจาก
http://sexual-communication.wikispaces.com/The+Kinsey+Scale
เนื้อหาโดย
Kathy Labriola, Counselor/Nurse จาก
http://www.kathylabriola.com/articles/what-is-bisexuality-who-is-bisexual
แปลโดย จขกท
ลองทำแบบทดสอบว่าได้คะแนนเท่าไหร่
http://www.youngsouthampton.org/children-and-young-people/advice/relationships/sexuality/klein-sexual-orientation-grid-quiz.aspx
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จขกท ได้ 2.29 ละ
“ไบเซ็คชวล” หรือ “เสือไบ” คืออะไร แล้วถ้าคุณเป็นไบ คุณคือไบแบบไหน?
อะไรคือ “ไบเซ็คชวล” (Bisexual)
สำหรับบุคคลที่เป็นชาวรักร่วมเพศหรือเกย์และเลสเบี้ยน(Homosexual) จะมีอารมณ์และความรู้สึกต่อบุคคลที่เป็นเพศเดียวกันกับตนเท่านั้น ในขณะที่คนอื่นๆจะเป็นคนที่มีอารมณ์และความรู้สึกต่อบุคคลที่เป็นเพศตรงข้ามกับตน(Heterosexual) แล้วคนที่อยู่นอกเหนือจาก 2 กลุ่มที่กล่าวมาละ ที่ไม่สามารถถูกจัดกลุ่มกับทั้ง 2 ประเภทได้อย่างเต็มตัวเพียงเพราะพวกเขามีประสบการณ์ทั้งทางเพศและทางอารมณ์ต่อบุคคลอื่นทั้งเพศเดียวกับตนและบุคคลเพศตรงข้ามในช่วงชีวิตของเขา ซึ่งคนกลุ่มหลังนี้ถูกเรียกว่า “ไบเซ็คชวล” หรือ “เสือไบ” ในภาษาไทย ถึงกระนั้นบางคนมักยินดีที่จะเรียกตนเองเป็นพวกร่วมได้กับทุกเพศ(Pansexual), พวกที่ไม่ได้รู้สึกกับเพศไหนเป็นพิเศษ(Non-preferential), พวกที่อารมณ์ไหลไปกับใครเพศใดก็ได้(Sexually Fluid) หรือพวกที่เป็นได้ 2 เพศในคนเดียว(Ambisexual/Omni-sexual)
จากมาตรวัด Kinsey ที่มีทั้งหมด 7 ระดับเรียงจาก 0 – 6 ที่ใช้อธิบายถึงรสนิยมทางเพศ(Sexual Orientation)ของบุคคล ค.ศ.1948 โดยบุคคลที่นิยมในเพศตรงขามจะอยู่ที่แถบ 0 ของมาตรวัด ขณะที่คนรักร่วมเพศจะอยู่ที่แถบ 6 ของมาตรวัด ส่วนใครก็ตามที่อยู่ในแถบระหว่าง 1 – 5 จะถูกนับว่าเป็นไบเซ็คชวล โดยผู้ที่อยู่ในช่วง 1 – 2 จะเป็นไบกลุ่มที่นิยมเพศตรงข้ามมากกว่า ผู้ที่อยู่ในแถบที่ 3 ตรงกลางจะเป็นไบกลุ่มที่ชอบพอกับคนเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามในระดับที่เท่าๆกัน และผู้ที่อยู่ในแถบ 4 – 5 เป็นไบกลุ่มที่นิยมคนเพศเดียวกันมากกว่า แต่ยังไม่นับว่าเป็นคนรักร่วมเพศ เพราะยังมีความรู้สึกชอบพอกับคนเพศตรงข้ามอยู่
ภาพแถบมาตรวัด Kinsey scale
Dr. Fritz Klein จิตแพทย์ นักวิจัย และผู้ริเริ่มรณรงค์ในสิทธิของชาวไบเซ็คชวล ซึ่งได้ก่อตั้งองค์กรณ์สำหรับชาวไบเซ็คชวลเป็ครั้งแรกของโลกในปี ค.ศ.1974 ชื่อ “Bisexual Forum” เขากล่าวว่า มาตรวัดของ Kinsey อธิบายได้ดีมากแต่ก็ยังมีความหมายที่จำกัด เขาทำตาราง Klein Sexual Orientation Grid เพื่อขยายความจากมาตรวัด Kinsey scale อีกชั้นหนึ่งเพื่อแบ่งระหว่างความสนใจทางเพศ(Sexual Attraction)กับพฤติกรรมการร่วมเพศ(Sexual Behavior)ของผู้ถูกสำรวจ
โดยแบ่งประเด็นทั้งหมด 7 หัวข้อ A – G ได้แก่
A. ความสนใจทางเพศ (Sexual Attraction)
B. พฤติกรรมการร่วมเพศ/มีเพศสัมพันธ์ (Sexual Behavior)
C. จิตนาการทางเพศ (Sexual Fantasies)
D. ความรู้สึกทางอารมณ์ (Emotional Preference)
E. การเข้าสังคม (Social Preference)
F. สภาวะทางเพศของตนเอง (Self-identification)
G. รสนิยมวิถีชีวิตของตนเองเป็นแบบรักร่วมเพศหรือเพศตรงข้าม (Hetero/Gay Lifestyle)
ภาพตารางวิเคราะห์ Klein Sexual Orientation
โดยการกรอกข้อมูลในตาราง จะแบ่งการให้คำตอบจาก A – E เป็น 7 ระดับตาม Kinsey Scale โดย 1 คือมีความรู้สึกต่อเพศตรงข้ามเท่านั้น 7 ความรู้สึกต่อเพศเดียวกันเท่านั้น และ 2 – 6 เป็นการเรียงมากน้อยตามลำดับ เพื่อระบุตามพฤติกรรมในอดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคตของผู้ถูกสำรวจ ซึ่งตารางดังกล่าวได้ช่วยระบุลักษณะและรสนิยมของผู้ถูกสำรวจได้ละเอียดและชัดเจนมายิ่งขึ้น
จากการสำรวจในปีหลังๆนี้ พบว่าสมัยนี้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเป็นชาวไบมากขึ้น หรือมีสภาวะเบี่ยงเบนจากเพศกำเนิดของตน ซึ่งคำนิยามที่ระบุถึงการเป็นบุคคลรักต่างเพศ รักร่วมเพศ หรือ ได้ทั้ง 2 เพศ ล้วนเป็นนิยามจากทัศนคติเดิมๆของสังคมที่จำกัดไว้เพียง 2 เพศ คือ ชายกับหญิง โดยเห็นได้ชัดจากคนที่มีการแปลงเพศทั้งจากชายเป็นหญิง หรือ จากหญิงเป็นชาย เนื่องจากพวกเขาไม่พอใจกับเพศสภาพที่ตนกำเนิด ซึ่งถ้าการแบ่งเพศไม่เน้นจำกัดความกับการเป็นชายจริงหญิงแท้ เกย์ หรือไบ เรื่องรสนิยมทางเพศจะระบุเพียงจากเพศของคู่ครองคนปัจจุบันที่คบหาอยู่เท่านั้น
ประเภทของไบเซ็คชวล
จากข้างต้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนที่เป็นไบเซ็คชวลมีลักษณะและสถานะที่หลากหลาย J. R. Little จิตแพทย์และนักวิจัยจึงแบ่งประเภทของคนที่เป็นไบเซ็คชวลได้ 13 กลุ่มตามความชอบพอและพฤติกรรมทางเพศ ได้แก่
1. ไบเซ็คชวลทางเลือก (Alternating Bisexuals)
บุคคลนั้นเคยมีความสัมพันธ์คบกับคนเพศเดียวกันมาก่อน โดยหลังจากความสัมพันธ์นั้นสิ้นสุด(เลิกกัน) อาจเลือกคบคู่คนใหม่เป็นคนเพศตรงข้าม และอาจจะกลับไปคบคนใหม่ที่เป็นเพศเดียวกันได้อีกครั้งในต่อไป
2. ไบเซ็คชวลเพราะสถานการณ์บังคับ(Circumstantial Bisexuals)
โดยหลักแล้วจะเป็นผู้ที่ชอบคนต่างเพศ แต่จำเป็น(จำใจ)ที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันเพราะ ไม่สามารถหาหรือเข้าถึงคนเพศตรงข้ามได้ เช่น เมื่ออยู่ในคุก ในค่ายทหาร หรือโรงเรียนประจำแบบเพศล้วน
3. ไบเซ็คชวลคบชู้(Concurrent Relationship Bisexuals)
จะมีความสัมพันธ์หลักกับคนเพียงเพศเดียวเท่านั้น(กับชายหรือหญิงก็ตาม) แต่ก็มีความสัมพันธ์กับบุคคลเพศที่ต่างจากคู่หลักของตนซ้อนกัน
4. ไบเซ็คชวลเพราะเงื่อนไข(Conditional Bisexuals)
กลุ่มนี้จะนับรวมทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ซึ่งเลือกที่จะมีความสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตนด้วยเหตุผลทางการเงินหรือความก้าวหน้าในอาชีพ เช่น ชายแท้ยอมขายตัวให้เกย์หรือเล่นหนังนู๊ดเกย์เพื่อเงิน หรือหญิงเลสเบี้ยนที่ยอมแต่งงานกับผู้ชายเพื่อให้ได้การยอมรับจากทางบ้านหรือแค่เพื่อต้องการมีบุตร
5. ไบเซ็คชวลตามความรู้สึก(Emotional Bisexuals)
มีความรู้สึกชอบพอทั้งทางเพศและทางจิตใจกับทั้งชายและหญิง แต่ตอนจบจะเลือกคบเพียงเพศเดียวเท่านั้น
6. ไบเซ็คชวลควบซ้อน(Integrated Bisexuals)
เหมือนข้อ 5 แต่เลือกที่จะคบทั้ง 2 เพศพร้อมๆกัน
7. ไบเซ็คชวลเพราะความสงสัย(Exploratory Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่เลือกมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตนเพียงเพราะอยากรู้อยากลอง *แต่ไม่คิดติดใจ และเลือกกลับไปเป็นตามเพศเดิมของตนตามปกติ
8. ไบเซ็คชวลตามความพึงพอใจ(Hedonistic Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่เลือกมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตน เพื่อตอบสนองความต้องการหรือเพื่อความเพิ่งพอใจ
9. ไบเซ็คชวลโดยไม่ได้ตั้งใจ(Recreational Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่มีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตน เนื่องจากการเมาและขาดสติ
10. ไบเซ็คชวลปลีกแยก(Isolated Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตนเมื่อครั้งในอดีต
11. ไบเซ็คชวลแอบแฝง(Latent Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่มีความรู้สึกกับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตน แต่ไม่เคยปฏิบัติ
12. ไบเซ็คชวลเพราะถูกบังคับ(Motivational Bisexuals)
ทั้งผู้นิยมต่างเพศและผู้ที่รักร่วมเพศ ที่เลือกมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศที่ต่างจากความชอบของตน เพราะถูกสั่งหรือบังคับ เพื่อสร้างความเพิงพอใจให้กับคู่ครองของตน เช่น ผู้ชายสั่งให้คู่ของตนที่เป็นหญิง ทำกิจกรรมรักกับผู้หญิงด้วยกันให้เขาดูเพื่อกระตุ้นความต้องการของเขาและให้เขาพอใจ
13. ไบเซ็คชวลเฉพาะกาล(Transitional Bisexuals)
การเป็นไบเซ็คชวลเพียงช่วงขณะหนึ่งที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนจากชายจริงหญิงแท้ไปเป็นคนรักร่วมเพศ หรือเปลี่ยนกลับกันก็ได้ ซึ่งนับรวมกลุ่มจากข้อ 7 ที่บังเอิญลองแล้วติดใจด้วย
ซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นไบเซ็คชวล แต่ถ้านับจากการที่พวกเขามีความรู้สึกดึงดูดกับคนทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม ตามหลักแล้วพวกเขาก็คือไบเซ็คชวล
แต่กระนั้น ถึงจะมีผุ้คนจำนวนมากที่รู้ตัวว่าตนเป็นไบเซ็คชวล แต่ก็เลือกที่จะปกปิดรสนิยมทางเพศของตนเอาไว้ คนที่เป็นไบจึงระบุและหาตัวได้ยากจากสังคมโดยรวม ต่างจากกลุ่มคนรักร่วมเพศที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนกว่า ทั้งการรวมกลุ่มเพื่อแสดงจุดยืนทางสังคม เรียกร้องสิทธิทางกฎหมายและการเมือง และสิทธิในความเท่าเทียม ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลุ่มคนที่เป็นไบดูจะเชื่องช้าและยังไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวจากที่ซ้อนมาแสดงจุดยืน เพื่อรวมกลุ่มเรียกร้อมสิทธิและความเสมอภาคบ้าง ถึงแม้ชาวไบเซ็คชวลจะได้รับการยอมรับในกลุ่ม LGBT(Lesbian/Gay/Bisexual/Transgender) แต่เนื่องจากกรณีที่มีความขัดแย้งรุนแรงระหว่างกลุ่มคนรักต่างเพศกับคนรักร่วมเพศในระยะหลังๆ ทำให้กลุ่มคนที่เป็นไบเซ็คชวลเหมือนถูกดีดเขวงออกมาตัวคนเดียว
คนที่เป็นไบเซ็คชวลจำนวนมากให้ความเห็นว่าพวกเขารู้สึกแปลกแยกและไม่เป็นที่ยอมรับทั้งจากสังคมของคนรักต่างเพศและสังคมของคนรักร่วมเพศ ไม่สามารถเข้าร่วมกับกลุ่มใดได้จริงๆ ทำให้เกิดความสับสนและรึ้กว่าตนเองแปลกประหลาด ซึ่งงานค้นคว้าจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า ชาวไบเซ็คชวลได้รับผลกระทบจากสังคมมากกว่ากลุ่มคนรักร่วมเพศซะอีก เพราะพวกเขาไม่มีแบบอย่างและชุมชนที่ให้การยอมรับพวกเขาได้จริง *ที่แย่คือชาวเกย์จำนวนมากจะมองว่าผู้ชายที่เป็นไบ ก็คือเกย์ แต่ยังไม่กล้ายอมรับ ทำให้กลุ่มคนที่ไม่ชอบและรังเกียจพวกรักร่วมเพศเหมารวมคนที่เป็นไบเข้ากับเกย์ ชายแท้จึงกลัวการตกเป็นเหยื่อของการทำร้ายร่างกายและการข่มขืน รวมถึงหญิงแท้ก็ไม่ยอมรับชายที่เป็นๆบเพราะกลัวโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงบังคับให้เลือกข้าง ว่าจะเลือกชายหรือหญิง ขณะเดียวกันหญิงที่เป็นไบก็ถูกรังเกียจและไม่เป็นที่ยอมรับจากเลสเบี้ยน เพราะเธอยังมีใจและความรู้สึกต่อผู้ชาย หญิงแท้เองก็กลัวการที่จะถูกหญิงไบเปลี่ยนเธอให้ไปชอบเพศเดียวกัน
จากการแบ่งขั่วชัดเจนของคนรักต่างเพศกับคนรักร่วมเพศ ทำให้มีกลุ่มแนวคิดที่จะอธิบายชาวไบเซ็คชวลได้ 2 แนวคิด ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มก็ไม่อธิบายความเป็นไบเซ็คชวลได้อย่างแท้จริง
อย่างที่ 1 คือทัศนคติดั่งเดิม(Transitional Model)ที่มองว่า ไบเซ็คชวลก็คือคนรักร่วมเพศ ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนสภาพ
อย่างที่ 2 คือ ความไม่สมดุลหรือสภาวะไม่ปกติทางจิต(Pathological Model) มองว่าไบเซ็คชวลคือความไม่มั่นคงทางจิต สับสนและไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าตนเป็นคนรักต่างเพศหรือรักร่วมเพศ
ซึ่งทั้ง 2 แนวคิดตัดสินเพียงจากความสับสนในการตัดสินใจมากกว่าจากรสนิยมทางเพศที่เชื่อถือได้มากกว่า บางคนมองไบเซ็คชวลเป็นกลุ่มที่มาโค้นล้มระบบความเชื่อเดิมๆของทั้งคนรักต่างเพศและคนรักร่วมเพศเพราะการไม่มีขอบเขตชัดเจนของชาวไบ ซึ่งต้องต่อกรกับระบบความเชื่อหลายๆอย่างทั้งเรื่องของโครงสร้างสถาบันครอบครัว การรักเดียวใจเดียว เพศสภาวะ และการมีตัวตนทางสังคม ทำให้ไบเซ็คชวลไม่สามารถที่จะเขากับกลุ่มคนรักต่างเพศหรือคนรักร่วมเพศได้ ชาวไบจึงต้องสร้างขอบเขต และกลุ่มของตนขึ้นมา เพียงสร้างความชัดเจนของตนเองจาก 2 กลุ่มก่อนหน้า
นักวิจัยบางคน ได้เปรียบเทียบสถานการณ์ของชาวไบเซ็คชวลเหมือนกับสถานการณ์ของคนที่เป็นลูกครึ่งผสมต่างเชื้อชาติ เนื่องจากไม่สามารถนับรวมกับชนชาติใดชนชาติหนึ่งได้จริงๆ เพราะตนไม่ได้มีเลือดเนื้อแท้ของชนชาตินั้นๆจึงไม่สามารถที่จะได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่จากเพื่อนร่วมชาติทั้ง 2 ชาติได้
ภาพประกอบจาก http://sexual-communication.wikispaces.com/The+Kinsey+Scale
เนื้อหาโดย Kathy Labriola, Counselor/Nurse จาก http://www.kathylabriola.com/articles/what-is-bisexuality-who-is-bisexual
แปลโดย จขกท
ลองทำแบบทดสอบว่าได้คะแนนเท่าไหร่
http://www.youngsouthampton.org/children-and-young-people/advice/relationships/sexuality/klein-sexual-orientation-grid-quiz.aspx
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้