เดชา ไกรศาสตร์ ยอดนักบิดไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ได้รับไฟเขียวจาก ยามาฮ่า มอเตอร์ บริษัทแม่จากญี่ปุ่นให้ลงบิดในศึกโมโตทู 2 สนามที่ มาเลเซีย และ ญี่ปุ่น เผยใช้เฟรม “เทคทรี” ขณะเจ้าตัวตั้งเป้าติดท็อป 15 หลังบินเทสต์ 2 อาทิตย์ก่อน เวลาน่าพอใจ
เดชา ไกรศาสตร์ นักบิดไทยสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ได้รับสิทธิ์ไวด์การ์ดเข้าร่วมการแข่งขันในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก 2013 ในรุ่น โมโตทู จากสมาพันธ์แข่งขันรถจักรยานยนต์ของมาเลเซีย และ ญี่ปุ่น ให้เข้าร่วมดวลความเร็วในรุ่นโมโตทู ที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นอนล เซอร์กิต และ สนามทวินริง โมโตกิ ซึ่งทั้ง 2 สนาม จะทำการแข่งขันในเดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ดีจากการสอบถามไปยังแหล่งข่าวภายในของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ซึ่งเป็นต้นสังกั้นของ “เจ้าตั้น” เมื่อช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาพบว่า ยังคงต้องรอการยืนยันจาก ยามาฮ่า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นว่าจะอนุมัติให้เข้าร่วมการแข่งขันหรือไม่
ล่าสุด เดชา เปิดเผยกับ Motorsportlives.com ว่าได้รับไฟเขียวจาก ทั้ง ยามาฮ่า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น และ ยามาฮ่า มอเตอร์ ประเทศไทย แล้ว ซึ่งจะเริ่มแข่งสนามแรกในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ในรายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามเซปังอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และอีกสนามคือ เจแปนิส กรังด์ปรีซ์ ที่ ทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 27 ตุลาคมนี้
“เราได้ลงทดสอบรถแข่งแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่สนามเซปังฯ เซอร์กิตโดยจะใช้เฟรมของเทคทรี ส่วนเครื่องยนต์ตามกฎของโมโตทู ซึ่งทุกทีมต้องจับสลากเครื่อง ผลการเทสต์ถือว่าน่าพอใจ เราทำงานหนักใน 2 วันนั้น เพราะผมเองก็ใหม่หมดกับรถแข่งโมโตทู จึงต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ เพราะมันยากมากๆ” เดชา เผย
ขณะเดียวกันนักบิดวัย 32 ปี กล่าวถึงการลงบิดทอสอบรถแข่ง เทคทรี ว่า “คุณสมบัติของรถที่ผมใช้ในออลเจแปน ในรุ่น J-GP2 กับเฟรมเทคทรี ต่างกันมากทีเดียว เฟรมเทคทรีที่ทดสอบเพื่อลงบิดในโมโตทูเบามาก และรถก็แรงกว่า ทำให้เราต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะการใช้เบรก ซึ่งรถจะหยุดเร็วกว่า และทำความเร็วในโค้งได้มากกว่า จะทำให้เราแบนโค้งได้มากกว่าครับ”
ทั้งนี้ เดชา ทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดในการทดสอบที่ เซปังฯ ซึ่งมีระยะทางต่อรอบ 5.345 กม. ด้วยเวลา 2 นาที 11.0 วินาที โดยเจ้าตัวละทีมงานค่อนข้างพอใจกับเวลาที่ทำได้ เพราะรถแข่งยังไม่ได้ปรับเซ็ตอะไรมาก คาดว่าในการแข่งขันจริงซึ่งจะมีขึ้นใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านั้น รถแข่งจะสมบูรณ์กว่านี้
“คงต้องทำผลงานให้ดีที่สุดกับโอกาสที่ได้รับทั้ง 2 สนาม ส่วนตัวตั้งเป้าไว้ที่ท็อป 15 ของสนามเซปังฯ แต่จะทำได้หรือไม่คงต้องมาดูอีกครั้ง” เดชา เผย
อาทิตย์นี้ ช่วยกันเชียร เดชา ไกรศาสตร์ MOTO2 ครับ
เดชา ไกรศาสตร์ ยอดนักบิดไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ได้รับไฟเขียวจาก ยามาฮ่า มอเตอร์ บริษัทแม่จากญี่ปุ่นให้ลงบิดในศึกโมโตทู 2 สนามที่ มาเลเซีย และ ญี่ปุ่น เผยใช้เฟรม “เทคทรี” ขณะเจ้าตัวตั้งเป้าติดท็อป 15 หลังบินเทสต์ 2 อาทิตย์ก่อน เวลาน่าพอใจ
เดชา ไกรศาสตร์ นักบิดไทยสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ได้รับสิทธิ์ไวด์การ์ดเข้าร่วมการแข่งขันในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก 2013 ในรุ่น โมโตทู จากสมาพันธ์แข่งขันรถจักรยานยนต์ของมาเลเซีย และ ญี่ปุ่น ให้เข้าร่วมดวลความเร็วในรุ่นโมโตทู ที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นอนล เซอร์กิต และ สนามทวินริง โมโตกิ ซึ่งทั้ง 2 สนาม จะทำการแข่งขันในเดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ดีจากการสอบถามไปยังแหล่งข่าวภายในของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ซึ่งเป็นต้นสังกั้นของ “เจ้าตั้น” เมื่อช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาพบว่า ยังคงต้องรอการยืนยันจาก ยามาฮ่า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นว่าจะอนุมัติให้เข้าร่วมการแข่งขันหรือไม่
ล่าสุด เดชา เปิดเผยกับ Motorsportlives.com ว่าได้รับไฟเขียวจาก ทั้ง ยามาฮ่า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น และ ยามาฮ่า มอเตอร์ ประเทศไทย แล้ว ซึ่งจะเริ่มแข่งสนามแรกในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ในรายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามเซปังอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และอีกสนามคือ เจแปนิส กรังด์ปรีซ์ ที่ ทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 27 ตุลาคมนี้
“เราได้ลงทดสอบรถแข่งแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่สนามเซปังฯ เซอร์กิตโดยจะใช้เฟรมของเทคทรี ส่วนเครื่องยนต์ตามกฎของโมโตทู ซึ่งทุกทีมต้องจับสลากเครื่อง ผลการเทสต์ถือว่าน่าพอใจ เราทำงานหนักใน 2 วันนั้น เพราะผมเองก็ใหม่หมดกับรถแข่งโมโตทู จึงต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ เพราะมันยากมากๆ” เดชา เผย
ขณะเดียวกันนักบิดวัย 32 ปี กล่าวถึงการลงบิดทอสอบรถแข่ง เทคทรี ว่า “คุณสมบัติของรถที่ผมใช้ในออลเจแปน ในรุ่น J-GP2 กับเฟรมเทคทรี ต่างกันมากทีเดียว เฟรมเทคทรีที่ทดสอบเพื่อลงบิดในโมโตทูเบามาก และรถก็แรงกว่า ทำให้เราต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะการใช้เบรก ซึ่งรถจะหยุดเร็วกว่า และทำความเร็วในโค้งได้มากกว่า จะทำให้เราแบนโค้งได้มากกว่าครับ”
ทั้งนี้ เดชา ทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดในการทดสอบที่ เซปังฯ ซึ่งมีระยะทางต่อรอบ 5.345 กม. ด้วยเวลา 2 นาที 11.0 วินาที โดยเจ้าตัวละทีมงานค่อนข้างพอใจกับเวลาที่ทำได้ เพราะรถแข่งยังไม่ได้ปรับเซ็ตอะไรมาก คาดว่าในการแข่งขันจริงซึ่งจะมีขึ้นใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านั้น รถแข่งจะสมบูรณ์กว่านี้
“คงต้องทำผลงานให้ดีที่สุดกับโอกาสที่ได้รับทั้ง 2 สนาม ส่วนตัวตั้งเป้าไว้ที่ท็อป 15 ของสนามเซปังฯ แต่จะทำได้หรือไม่คงต้องมาดูอีกครั้ง” เดชา เผย