บุษบาหลงไฟ

กระทู้สนทนา
เรื่อง  บุษบาหลงไฟ

ชุติวรรณ  ประพันธ์

1.นั่นแหล่ะเขา
    กลางเดือนตุลาคม
สายของวัน รถดับเพลิงสีแดงแล่นทำความเร็วให้ไปถึงสถานที่เกิดเหตุเร็วที่สุด
ความปลอดภัยในทรัพย์สินและชีวิตอยู่ในมือของนักดับเพลิงทั้งสถานี เสียงไซเรนดังสนั่นเมือง พนักงานขับรถดับเพลิงบีบแตรลมเพิ่ม เพื่อให้รถที่ขีดขวางข้างหน้าหลีกทาง คนขับแอบโวยวายด่าทอรถข้างหน้าที่แล่นอย่างเห็นแก่ตัว เสี้ยววินาทีที่สำคัญถูกขัดขวางจากผู้คนที่ไม่รู้ถึงความหายนะของเปลวไฟสีส้มที่กำลังโหมกระหน่ำสร้างความสูญเสีย
    “เฮ้ย!! ไอ้พวกนี้นี่ มันไม่รู้จักเราบ้างหรือไงว่ะ คนยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย”
พนักงานขับรถเร่งเครื่องเหยียบคลัชต์กระหึ่มและบีบแตรลมเสียงดังไล่รถคันข้างหน้า ชายหนุ่มหลังพวงมาลัยบนรถบรรทุกน้ำแบบสิบล้อ พยายามทำให้รถของเขาดูเล็กพอที่จะเบียดช่องแคบๆ
    กลุ่มควันสีดำที่โพยพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าด้านบน บ่งบอกให้พนักงานขับรถดับเพลิงต้องยิ่งเร่งเครื่อง ไซเรนกระหน่ำ จนกระทั่งมาถึงบริเวณเกิดเหตุ
    เสียงร้องวี้ดว้ายของประชาชนที่พยายามจะเข้าไปขนย้ายสิ่งของทรัพย์สินอันมีค่า เสียงของวิทยุดังรายงานความเป็นไป
    “ช่วยด้วย ช่วยลูกของฉันด้วย มันติดอยู่ในนั่น” เสียงโหยหวนดังแทรก ก่อให้เกิดความตระหนกของผู้คนรอบข้าง
ตำรวจนายหนึ่งได้ยินอย่างนั้นก็ดึงตัวออกมาเพื่อสอบถามรายละเอียด และจุดสุดท้ายที่ลูกของเขาอยู่
“เฮ้ย!! ไอ้เดียวเมื่อกี้แกได้ยินไหมว่ะ จ่าแกวอว่ามีคนติดอยู่ในนี้”
เพื่อนพนักงานดับเพลิงที่กำลังลากสายดับเพลิงออกเพื่อเตรียมระงับเหตุ
เทวัญ พนักงานดับเพลิงกลับรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมงานขำกลั้วในลำคอ เหมือนไม่รู้สึกถึงความเดือดร้อนและสูญเสียของผู้อื่น เขาไม่รอช้ารีบกลับขึ้นไปบนรถดึงเอากระเป๋าค้นชุดอาร์บี โดยไม่ลืมสะพายเอาถังออกซิเจนไปปรี่เข้าไปโดยลืมฟังคำสั่งจากหัวหน้าชุด ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกกันไฟเต็มไปด้วยความกังวล
“ไอ้เดียว นั่นแกจะเข้าไปไหนว่ะ เฮ้ย! รอข้าด้วย” เพื่อนสนิทที่ร่วมเป็นร่วมตายอย่างสุรเดชไม่รอช้ารีบคว้าชุดอาร์บีเข้าไประงับเหตุ
เปลวไฟร้อนแรงระอุโหม ประกายไฟร้อนกลายเป็นสีฟ้าอมเขียว ต้นเพลิงน่าจะอยู่ไม่ไกล แต่ตอนนี้กลุ่มควันทะมึนดำกลับทำให้ความว่างเปล่าอึมครึมจนมองอะไรไม่เห็น
เทวัญอาศัยความน่าจะเป็นตามที่ได้รับการฝึก เดินดุ่มๆ เข้าไปโดยไม่ลืมก้มศีรษะให้ต่ำแม้ว่าเขาจะชุดกันไฟก็ตาม ทุกอย่างในบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยกลิ่นร้อนแสบจมูก ถ้าเป็นคนปกติที่ไม่รู้จักป้องกันตัวเองเบื้องต้น ป่านนี้...
เขาส่ายหน้าเบาๆ เพราะด้วยความหนักของชุดและหมวกก็เคลื่อนตัวยากอยู่แล้ว
ด้านหน้าเป็นประตู
กลุ่มควันดำลอดช่องด้านล่าง แถมยังมีเงาเคลื่อนไปมาในอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมันอยู่ข้างใน
“มีคนอยู่ข้างในจริงๆ ด้วย”
เทวัญเอ่ยครางกับตัวเอง ครุ่นคิดแวบเดียว...
เพียงแค่คิดเงานั่นวูบหายไป เขาไม่รั้งรอให้ช้าจนเกิดเรื่อง มือหนาที่สวมถุงมือกันไฟเอื้อมไปทำท่าจะเปิดประตู
“คนข้างใน ก้มหัวให้ต่ำเข้าไว้นะครับ” เขาตะโกนเสียงดัง
รองเท้าหัวเหล็ก พื้นเหล็กยกขึ้นเหนือสูงประมาณหัวเข่าจัดหนักเข้าไปที่ประตู โครมเบ่อเริ่ม ประตูไม้สักที่ว่าแข็งแกร่งก็มีอันต้องจรลีออกจากบานพับลงไปกลิ้งหลุนๆ จนจะนิ่งสนิท
เทวัญปรี่เข้าไปขยายม่านตาผ่านหมวกที่มีกระจกผ่ากลุ่มควัน เห็นร่างของผู้ประสบเหตุแน่นิ่งไม่ไหวติง เขารีบเข้าไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามที่เรียนมา เห็นท่าไม่ดีก็รีบใช้วิทยุสื่อสารที่เหน็บข้างเอวส่งเป็นสัญญาณ สุรเดชก็ปรี่เข้ามาช่วยตามตามจุดที่เทวัญเรียกบอกผ่านวิทยุสื่อสาร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่