ให้อ่านอีกครั้ง จากสื่อสีแดง "เมื่อผู้ร้ายบังคับบัญชาตำรวจ บทความโดย วสิษฐ เดชกุญชร"

(่อ่านแล้วก็รู้สึกสลดหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเจ้ัาของบทความไหม?)

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



เมื่อผู้ร้ายบังคับบัญชาตำรวจ บทความโดย วสิษฐ เดชกุญชร

วันที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 10:45:19 น.

ข่าวเกี่ยวกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สองคนทำให้ผมรู้สึกสลดหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก

นายตำรวจคนแรกที่เป็นข่าวคือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผมทราบข่าวนี้เพราะได้อ่านจากหน้าเฟซบุ๊กของ (พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้หนีโทษทางอาญาไปเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศ (พ.ต.ท.) ทักษิณได้เขียนข้อความลงในหน้านั้น เมื่อ วันที่ 1 ตุลาคม ดังนี้

"วันก่อนได้คุยกับท่าน ผบ.ตร. ผมก็บอกว่าผมได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่ขายของทั้งหลายในเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา ภูเก็ต ว่ามีหน่วยงานทั้งหลายในตำรวจและหน่วยงานภายนอกเดินเก็บส่วยกันมากจนเป็น cost ของผู้ประกอบการ และแน่นอนก็จะผ่านไปยังผู้บริโภคทั้งๆ ที่รัฐบาลได้จัดการปัญหาเรียกรับเงินในการแต่งตั้งโยกย้ายออกไปอย่างสิ้นเชิง ก็ยังไม่ง่ายเพราะ นิสัยที่ชอบเก็บส่วยได้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง ขอให้ช่วยกันจัดการด่วน! ท่านก็บอกว่าท่านนายกฯ ได้สั่งการมาแล้วครับ ผมเลยหวังว่าทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นครับ"

หลังจากที่มีข่าวดังกล่าว พล.ต.อ.อดุลย์ได้ปฏิเสธว่าตนไม่เคยได้พูดคุยกับ (พ.ต.ท.) ทักษิณ ดังที่ (พ.ต.ท.) ทักษิณอ้าง

ถ้าเป็นตามที่ พล.ต.อ.อดุลย์อ้างก็แปลว่า (พ.ต.ท.) ทักษิณโกหก และที่ (พ.ต.ท.) ทักษิณอ้างว่าได้รับการร้องเรียนจาก "ชาวบ้านทั้งหลายในเมืองท่องเที่ยว" ก็เป็นเรื่องโกหก แต่ถ้าเป็นจริงตามที่ (พ.ต.ท.) ทักษิณอ้างก็แปลว่า พล.ต.อ.อดุลย์โกหก

(พ.ต.ท.) ทักษิณนั้นโกหกเป็นประจำ และเคยถูกจับโกหกได้หลายครั้งแล้ว จนน่าเชื่อว่าจะกลายเป็นคนที่ภาษาจิตวิทยาเรียกว่า pathological liar คือคนที่โกหกบ่อยๆ จนในที่สุดเจ้าตัวเองไม่ตระหนักว่าโกหกและนึกว่าเป็นเรื่องจริง

ที่อวดอ้างว่าชาวบ้านที่ขายของทั้งหลายในหลายเมืองท่องเที่ยวร้องเรียนไปจนถึงตน ก็น่าจะเป็นเรื่องโกหกเพราะการร้องเรียนต่อ (พ.ต.ท.) ทักษิณคงทำได้ไม่ง่ายนัก เนื่องจาก (พ.ต.ท.) ทักษิณไม่ อยู่เป็นที่ แต่เร่ร่อนไปตามประเทศต่าง ๆ หลายประเทศอยู่ตลอดเวลา

ส่วน พล.ต.อ.อดุลย์นั้นไม่เคยมีชื่อเสียงว่าเป็นคนโกหก เพราะฉะนั้นที่ พล.ตอ.อดุลย์ปฏิเสธว่าไม่เคยได้พูดคุยกับ (พ.ต.ท.) ทักษิณก็น่าเชื่อว่าเป็นความจริง แต่ถึงจะเป็นความจริงการปฏิเสธของ พล.ต.อ.อดุลย์ก็ควรทำมากกว่าปฏิเสธสั้นๆ เช่นนั้น แต่ควรทำเป็นกิจจะลักษณะด้วยการออกแถลงการณ์ หรือให้โฆษกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงข่าว เพราะถ้าเพียงแต่ตัดบทห้วนๆ เช่นนั้น ก็อาจจะมีผู้ที่ยังสงสัยอยู่ว่าจะเป็นความจริงดังที่ (พ.ต.ท.) ทักษิณอ้าง

นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกคนหนึ่งที่เป็นข่าว คือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ซึ่งเป็นข่าว ขึ้นมาก็เพราะมีผู้นำภาพของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ซึ่งถ่ายร่วมกับ (พ.ต.ท.) ทักษิณที่เมืองมาเก๊าและ ออกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต กรณีนี้ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ไม่เคยปกปิดความสัมพันธ์ที่ตนมีกับ (พ.ต.ท.) ทักษิณ เมื่อตอนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ บัญชาการตำรวจนครบาล และเลื่อนยศเป็นพลตำรวจโทนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็เป็นผู้แพร่ภาพ (พ.ต.ท.) ทักษิณประดับยศใหม่ให้ตน ทั้งยังเคยประกาศอย่างเปิดเผยว่า "มีวันนี้เพราะพี่ให้" ด้วย

เกี่ยวกับเรื่องให้ (พ.ต.ท.) ทักษิณประดับยศให้นี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการแล้ว และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็กำลังถูกสอบสวนโดยจเรตำรวจแห่งชาติ เมื่อปรากฏว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ไปพบกับ (พ.ต.ท.) ทักษิณที่มาเก๊า ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่งด้วย

พล.ต.ท.คำรณวิทย์อาจไม่แยแสกับการสอบสวนและผลการสอบสวน แต่พฤติการณ์ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย เพราะ (พ.ต.ท.) ทักษิณเป็นผู้หนีโทษทางอาญาและเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาอีกหลายคดี เป็นหน้าที่ของตำรวจทุกคนรวมทั้ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ที่จะต้องจับกุมตัว (พ.ต.ท.) ทักษิณเอามาฟ้องร้องให้ศาลลงโทษ แต่พฤติการณ์ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์แสดงให้เห็นว่าตนซึ่งเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นอกจากจะไม่ปฏิบัติหน้าที่ของผู้รักษากฎหมายแล้ว ยังไปแสดงความเคารพนบนอบกับอาชญากรเสียด้วย

ประชาชนย่อมหวังจะให้ตำรวจเป็นผู้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตนให้พ้นจากอาชญากรรม การที่ประชาชนสงสัยว่านายตำรวจผู้ใหญ่คนหนึ่งรับคำสั่งจากอาชญากร และเชื่อว่าอีกคนหนึ่งจงรักภักดีต่ออาชญากรย่อมทำให้ประชาชนหมดความเชื่อถือในตำรวจ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการตามกฎหมายในเรื่องนี้หรือไม่ หรือว่าจะ ปล่อยให้ประชาชนหมดความเชื่อถือและสิ้นศรัทธาที่มีต่อตำรวจ ?


(ที่มา:มติชนรายวัน 8 ต.ค.2556)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่