มีคนเคยบอกเราว่า อย่าเพิ่งเลือกคณะที่จะเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยจากวิชาที่เราชอบหรือถนัดในโรงเรียน
เพราะวิชาที่เราทำได้ดีในตอนเด็กอาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับการงานและชีวิตของเราในอนาคตก็ได้
เราเพิ่งจะมาเข้าใจคำพูดนี้จริงๆก็ตอนที่เรียนอยู่ปีสี่ ในคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ
ซึ่งเราเลือกเข้าคณะนี้ด้วยความเข้าใจตอนมัธยมแค่ว่าเราชอบภาษาอังกฤษ แล้วครูก็ได้คะแนนดี
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าในคณะนี้จริงๆแล้วเค้าเรียนอะไรกัน แล้วจบออกไปแล้วงานที่เราจะได้ทำจะเป็นประมาณไหน
เราก็ใช้สี่ปีในมหาวิทยาลัยเรียนภาษาอังกฤษ อ่านวรรณคดีอังกฤษอย่างจริงจัง
โดยที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังมองหา
แต่เราก็ต้องขอบอกก่อนว่าความรู้และประสบการณ์ที่ได้ในรั้วมหาวิทยาลัยก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสิ่งนึงในชีวิต
เพียงแต่เราก็หลอกตัวเองไม่ได้ หากว่าจะต้องจบมาแล้วทำงานในสายงานที่ตัวเองไม่ได้สนใจต่อไป
เพราะจริงๆแล้ว เราพบว่าการที่เราเห็นที่บ้านเราค้าขายตั้งแต่เด็กๆ มันทำให้เราอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ติดต่อค้าขายกันระหว่างไทยกับจีน หรือรับจ้างทำงานล่าม งานไกด์อิสระที่นี่
อยากลองเริ่มทำอะไรตั้งแต่ขึ้นที่หนึ่ง แล้วก็พยายามให้ถึงที่สุดโดยหวังว่าซักวันอาจจะมีกิจการที่มั่นคงหรือเป็นแบบที่พ่อแม่เป็น
หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าลองเลือกเส้นทางใหม่ ทำอะไรที่ต่างไปจากที่เราเคยทำ
ก็ตัดสินใจติดต่อเอเจนซี่ในไทยให้หาที่เรียนภาษาในจีน
พอเรียนจบปีสี่ เราก็บินมาเรียนภาษาจีนที่ปักกิ่งคอร์สสามเดือน
พอมาได้มาอยู่จีนก็ค้นพบว่าชอบชีวิตในจีนมาก อะไรที่ใครบางคนมองว่าอยู่ยาก ดูป่าๆเถื่อนๆ
เรากลับมองว่ามันมันส์มาก สนุกกับการได้เห็นชีวิตที่ต่างคนต่างต้องเอาตัวรอด เห็นความเป็นชีวิต
แล้วก็ยังได้เห็นมุมของคนจีนที่น่ารักๆแบบที่ใครอาจจะคาดไม่ถึง
พอเรียนเสร็จเราก็กลับไปไทย ไปรับปริญญาฯ
จากนั้นก็ติดต่อเอเจนซี่เจ้าเก่าให้หาที่เรียนที่จีนใหม่ คราวนี้เลือกมาเซี่ยงไฮ้เพื่อลองเปลี่ยนมาเรียนรู้สถานที่ใหม่เพิ่มเติม
แล้วทั้งหมดก็นำให้เรามาสู่กระทู้นี้
เรื่องมาจากว่าตอนมาอยู่เซี่ยงไฮ้ใหม่ๆ ได้ยินเพื่อนคนไทยหลายคนมากพูดถึงเมืองขายส่งที่ใหญ่สุดๆของจีน
ชื่อว่าเมืองอี้อู (Yiwu) บ้างก็บอกว่าของถูกมากกกกกก แต่ถ้าจะซื้อได้ต้องซื้อกันเป็นร้อยโหลพันโหล
เอามาขายทีก็รวยกันไปข้างนึงเลย
หรือบ้างก็บอกว่าอี้อูใหญ่มากกกกกกกก ใหญ่เท่ากับเอาห้างพารากอนหลายๆพารากอนมารวมกัน
มีถึงขั้นบอกว่าถ้าจะเดินให้ครบทุกร้านในอี้อูโดยใช้เวลาเฉลี่ยร้านละ 3 นาที ปีนึงก็ยังเดินไม่หมด
"อะไรมันจะขนาดนั้น..."
เราก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลเมืองอี้อูอย่างจริงจัง
แล้วก็ใช้ช่วงวันหยุดยาวของมหา'ลัยที่เพิ่งผ่านมาเดินทางไปดูให้เห็นกับตาว่ามันจริงอย่างที่ใครว่ากันรึเปล่า
มาดูกันว่าทริปอี้อู 4 วัน 3 คืนจะเดินได้ครบซักพารากอนนึงมั้ย
จะกลับไปพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจขนาดตั้งตัวได้กันเลยรึเปล่า
แล้วไหนๆก็ได้ไปหาข้อมูล ไปเห็นมากับตาแล้ว ก็อยากมาแบ่งปันให้ทุกคนได้เห็น
เผื่อว่ามันก็อาจจะเป็นช่องทางธุรกิจสำหรับใครๆหลายคนที่กำลังรู้สึกแบบเดียวกันกับเราอยู่ก็ได้
ทิ้งความรู้สี่ปีในมหา'ลัย มาลองหาลู่ทางชีวิตในที่สุดตลาดขายส่งจีน เมืองอี้อู (Yiwu)
เพราะวิชาที่เราทำได้ดีในตอนเด็กอาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับการงานและชีวิตของเราในอนาคตก็ได้
เราเพิ่งจะมาเข้าใจคำพูดนี้จริงๆก็ตอนที่เรียนอยู่ปีสี่ ในคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ
ซึ่งเราเลือกเข้าคณะนี้ด้วยความเข้าใจตอนมัธยมแค่ว่าเราชอบภาษาอังกฤษ แล้วครูก็ได้คะแนนดี
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าในคณะนี้จริงๆแล้วเค้าเรียนอะไรกัน แล้วจบออกไปแล้วงานที่เราจะได้ทำจะเป็นประมาณไหน
เราก็ใช้สี่ปีในมหาวิทยาลัยเรียนภาษาอังกฤษ อ่านวรรณคดีอังกฤษอย่างจริงจัง
โดยที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังมองหา
แต่เราก็ต้องขอบอกก่อนว่าความรู้และประสบการณ์ที่ได้ในรั้วมหาวิทยาลัยก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสิ่งนึงในชีวิต
เพียงแต่เราก็หลอกตัวเองไม่ได้ หากว่าจะต้องจบมาแล้วทำงานในสายงานที่ตัวเองไม่ได้สนใจต่อไป
เพราะจริงๆแล้ว เราพบว่าการที่เราเห็นที่บ้านเราค้าขายตั้งแต่เด็กๆ มันทำให้เราอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ติดต่อค้าขายกันระหว่างไทยกับจีน หรือรับจ้างทำงานล่าม งานไกด์อิสระที่นี่
อยากลองเริ่มทำอะไรตั้งแต่ขึ้นที่หนึ่ง แล้วก็พยายามให้ถึงที่สุดโดยหวังว่าซักวันอาจจะมีกิจการที่มั่นคงหรือเป็นแบบที่พ่อแม่เป็น
หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าลองเลือกเส้นทางใหม่ ทำอะไรที่ต่างไปจากที่เราเคยทำ
ก็ตัดสินใจติดต่อเอเจนซี่ในไทยให้หาที่เรียนภาษาในจีน
พอเรียนจบปีสี่ เราก็บินมาเรียนภาษาจีนที่ปักกิ่งคอร์สสามเดือน
พอมาได้มาอยู่จีนก็ค้นพบว่าชอบชีวิตในจีนมาก อะไรที่ใครบางคนมองว่าอยู่ยาก ดูป่าๆเถื่อนๆ
เรากลับมองว่ามันมันส์มาก สนุกกับการได้เห็นชีวิตที่ต่างคนต่างต้องเอาตัวรอด เห็นความเป็นชีวิต
แล้วก็ยังได้เห็นมุมของคนจีนที่น่ารักๆแบบที่ใครอาจจะคาดไม่ถึง
พอเรียนเสร็จเราก็กลับไปไทย ไปรับปริญญาฯ
จากนั้นก็ติดต่อเอเจนซี่เจ้าเก่าให้หาที่เรียนที่จีนใหม่ คราวนี้เลือกมาเซี่ยงไฮ้เพื่อลองเปลี่ยนมาเรียนรู้สถานที่ใหม่เพิ่มเติม
แล้วทั้งหมดก็นำให้เรามาสู่กระทู้นี้
เรื่องมาจากว่าตอนมาอยู่เซี่ยงไฮ้ใหม่ๆ ได้ยินเพื่อนคนไทยหลายคนมากพูดถึงเมืองขายส่งที่ใหญ่สุดๆของจีน
ชื่อว่าเมืองอี้อู (Yiwu) บ้างก็บอกว่าของถูกมากกกกกก แต่ถ้าจะซื้อได้ต้องซื้อกันเป็นร้อยโหลพันโหล
เอามาขายทีก็รวยกันไปข้างนึงเลย
หรือบ้างก็บอกว่าอี้อูใหญ่มากกกกกกกก ใหญ่เท่ากับเอาห้างพารากอนหลายๆพารากอนมารวมกัน
มีถึงขั้นบอกว่าถ้าจะเดินให้ครบทุกร้านในอี้อูโดยใช้เวลาเฉลี่ยร้านละ 3 นาที ปีนึงก็ยังเดินไม่หมด
"อะไรมันจะขนาดนั้น..."
เราก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลเมืองอี้อูอย่างจริงจัง
แล้วก็ใช้ช่วงวันหยุดยาวของมหา'ลัยที่เพิ่งผ่านมาเดินทางไปดูให้เห็นกับตาว่ามันจริงอย่างที่ใครว่ากันรึเปล่า
มาดูกันว่าทริปอี้อู 4 วัน 3 คืนจะเดินได้ครบซักพารากอนนึงมั้ย
จะกลับไปพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจขนาดตั้งตัวได้กันเลยรึเปล่า
แล้วไหนๆก็ได้ไปหาข้อมูล ไปเห็นมากับตาแล้ว ก็อยากมาแบ่งปันให้ทุกคนได้เห็น
เผื่อว่ามันก็อาจจะเป็นช่องทางธุรกิจสำหรับใครๆหลายคนที่กำลังรู้สึกแบบเดียวกันกับเราอยู่ก็ได้