ที่มา :
http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=68785
บทความนี้ค่อนข้างนานแล้วคือตั้งแต่ปี 2551 แต่ ... ยังคงใช้ได้อยู่
สรุปใจความสำคัญนะครับ
พ.ศ. 2510 กรรณสูตร ก่อตั้งบริษัท ---> พ.ศ. 2522 ต้องขยายขยายเครือข่ายออกต่างจังหวัดไปทั่วประเทศจึงเพิ่มทุนจดจะเบียน ครอบครัวรัตนรักษ์เอาเงินมาลงทุนเพิ่ม โดยซื้อหุ้นจากครอบครัว จารุเสถียร และเทียนประภาส (หุ้นใหญ่จึงเปลี่ยนมือมาอยู่ในมือรัตนรักษ์) --- พ.ศ. 2524 คุณแดงเริ่มเข้าทำงานที่ช่อง 7 ---> คุณแดงและพี่ชาย(คุณชาติเชื้อ) บริหารงานช่อง 7 เรื่อยมา จนเป็นสถานีอันดับ 1 ของประเทศ ---> พ.ศ. 2550 รัตนรักษ์ขายหุ้นส่วนใหญ่ของแบงก์กรุงศรีออก แล้วเริ่มเข้าบริหารงานช่อง 7 อย่างเต็มตัว หลังจากเคยเข้ามาบริหารงานช่วงหนึ่งในปี 2540 (ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ) ---> พ.ศ. 2554 กฤตย์ รัตนรักษ์ มีคำสั่งให้คคุณแดงพ้นจากทุกตำแหน่งในช่อง 7
Timeline
ปี 2510
จอมพลประภาส จารุเสถียร ผู้บัญชาการทหารบกช่วงนั้นให้ตั้ง สถานีโทรทัศน์แห่งแรก หรือช่อง 7
13 กันยายน 2510
นางเรวดี เทียนประภาส ที่สมรสกับนายสุชาติ กรรณสูต ในฐานะน้องภรรยาจอมพลประภาส ยื่นจดทะเบียนตั้งบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์ บริหารช่อง 7 มีผู้ก่อตั้งคือ นายเฑียร์ น้องชายของนายสุชาติ บุตรชายและบุตรสาว คือ ชาติเชื้อ ร.ท.ชายชาญ และสุรางค์ จัดสรรหุ้นใหญ่ที่มี 1,000 หุ้นทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เฉลี่ย ให้ครอบครัว กรรณสูต จารุเสถียร และเทียนประภาส
และมีนายชวน รัตนรักษ์ บิดาของ “กฤตย์” ถือหุ้น 50 หุ้น เพราะมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับจอมพลประภาสมาก่อน
27 พ.ย.2510
เปิดสถานีถ่ายทอดสดประกวดนางสาวไทย
ปี 2513-2523 มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร จากการเสียชีวิตของผู้ถือหุ้นบางคน
ปี 2522 เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 10 ล้าน เป็น 50 ล้านบาท “รัตน์รักษ์” กลายเป็นถือหุ้นใหญ่ (ซื้อหุ้นจาก ตระกูลจารุเสถียร และเทียนประภาส)
ส่วนนี้มาจาก -->
http://ppantip.com/topic/31072192/comment44 (ตัวเลขไม่ตรงกับ Positioning mag แต่สาระเดียวกัน
มาปี 2522 บ. ต้องการขยายสถานีส่งสัญญาณช่อง ให้ครอบคลุมภูมิภาคทั่วประเทศ เงินทุนไม่พอ เพราะต้องใช้งบประมาณมากกว่า 300 ล้านบาท
ทำให้ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน บริษัทตามไปด้วย จาก 10 ล้าน บาท เป็น 60 ล้านบาท ใช้เกณฑ์เดิมคือขายให้ผุ้ถือหุ้นเดิมก่อน ตรงนี้ทำให้สัดส่วนการถือหุ้น บ. เปลี่ยนแปลง เพราะคุณชวน รัตนรักษ์ได้ซื้อหุ้นทางครอบครัวคุณชายชาญ เทียนประภาส หุ้นตระกูลกรรณสูตร ทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้น ตระกูลกรรณสูตรและคุณแดงลดลง จนทำให้ตระกูลรัตนรักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ปี 2524 “สุรางค์” เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายรายการ
ปี 2527 เพิ่มทุนเป็น 61 ล้านบาท
ปี 2536 “กฤตย์ รัตนรักษ์” เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการแทนบิดา
ปี 2537 “สุรางค์” เป็นกรรมการรองผู้จัดการ
ปี 2541 “สุรางค์” เป็นกรรมการผู้จัดการ
ปี 2545-2548 “ชาลอต” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด
ปี 2550 “กฤตย์” ขายหุ้นในแบงก์กรุงศรีฯ และเข้าบริหารในช่อง 7 มากขึ้น มีการโยกย้ายผู้บริหารภายใน
2 มกราคม 2551
แต่งตั้ง “สมพงษ์ อัชฌานุเคราะห์” เป็นผู้จัดการฝ่ายรายการแทน “คุณสุรางค์”
3 มีนาคม 2551
แต่งตั้ง “สมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง” เป็นรักษาการผู้จัดการฝ่ายข่าว
จุดเปลี่ยนที่ทำให้หุ้นใหญ่ของ BBTV (ช่อง 7) เปลี่ยนมือจาก กรรณสูตร ไปสู่ รัตนรักษ์
บทความนี้ค่อนข้างนานแล้วคือตั้งแต่ปี 2551 แต่ ... ยังคงใช้ได้อยู่
สรุปใจความสำคัญนะครับ
พ.ศ. 2510 กรรณสูตร ก่อตั้งบริษัท ---> พ.ศ. 2522 ต้องขยายขยายเครือข่ายออกต่างจังหวัดไปทั่วประเทศจึงเพิ่มทุนจดจะเบียน ครอบครัวรัตนรักษ์เอาเงินมาลงทุนเพิ่ม โดยซื้อหุ้นจากครอบครัว จารุเสถียร และเทียนประภาส (หุ้นใหญ่จึงเปลี่ยนมือมาอยู่ในมือรัตนรักษ์) --- พ.ศ. 2524 คุณแดงเริ่มเข้าทำงานที่ช่อง 7 ---> คุณแดงและพี่ชาย(คุณชาติเชื้อ) บริหารงานช่อง 7 เรื่อยมา จนเป็นสถานีอันดับ 1 ของประเทศ ---> พ.ศ. 2550 รัตนรักษ์ขายหุ้นส่วนใหญ่ของแบงก์กรุงศรีออก แล้วเริ่มเข้าบริหารงานช่อง 7 อย่างเต็มตัว หลังจากเคยเข้ามาบริหารงานช่วงหนึ่งในปี 2540 (ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ) ---> พ.ศ. 2554 กฤตย์ รัตนรักษ์ มีคำสั่งให้คคุณแดงพ้นจากทุกตำแหน่งในช่อง 7
Timeline
ปี 2510
จอมพลประภาส จารุเสถียร ผู้บัญชาการทหารบกช่วงนั้นให้ตั้ง สถานีโทรทัศน์แห่งแรก หรือช่อง 7
13 กันยายน 2510
นางเรวดี เทียนประภาส ที่สมรสกับนายสุชาติ กรรณสูต ในฐานะน้องภรรยาจอมพลประภาส ยื่นจดทะเบียนตั้งบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์ บริหารช่อง 7 มีผู้ก่อตั้งคือ นายเฑียร์ น้องชายของนายสุชาติ บุตรชายและบุตรสาว คือ ชาติเชื้อ ร.ท.ชายชาญ และสุรางค์ จัดสรรหุ้นใหญ่ที่มี 1,000 หุ้นทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เฉลี่ย ให้ครอบครัว กรรณสูต จารุเสถียร และเทียนประภาส และมีนายชวน รัตนรักษ์ บิดาของ “กฤตย์” ถือหุ้น 50 หุ้น เพราะมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับจอมพลประภาสมาก่อน
27 พ.ย.2510
เปิดสถานีถ่ายทอดสดประกวดนางสาวไทย
ปี 2513-2523 มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร จากการเสียชีวิตของผู้ถือหุ้นบางคน
ปี 2522 เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 10 ล้าน เป็น 50 ล้านบาท “รัตน์รักษ์” กลายเป็นถือหุ้นใหญ่ (ซื้อหุ้นจาก ตระกูลจารุเสถียร และเทียนประภาส)
ส่วนนี้มาจาก --> http://ppantip.com/topic/31072192/comment44 (ตัวเลขไม่ตรงกับ Positioning mag แต่สาระเดียวกัน
มาปี 2522 บ. ต้องการขยายสถานีส่งสัญญาณช่อง ให้ครอบคลุมภูมิภาคทั่วประเทศ เงินทุนไม่พอ เพราะต้องใช้งบประมาณมากกว่า 300 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน บริษัทตามไปด้วย จาก 10 ล้าน บาท เป็น 60 ล้านบาท ใช้เกณฑ์เดิมคือขายให้ผุ้ถือหุ้นเดิมก่อน ตรงนี้ทำให้สัดส่วนการถือหุ้น บ. เปลี่ยนแปลง เพราะคุณชวน รัตนรักษ์ได้ซื้อหุ้นทางครอบครัวคุณชายชาญ เทียนประภาส หุ้นตระกูลกรรณสูตร ทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้น ตระกูลกรรณสูตรและคุณแดงลดลง จนทำให้ตระกูลรัตนรักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ปี 2524 “สุรางค์” เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายรายการ
ปี 2527 เพิ่มทุนเป็น 61 ล้านบาท
ปี 2536 “กฤตย์ รัตนรักษ์” เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการแทนบิดา
ปี 2537 “สุรางค์” เป็นกรรมการรองผู้จัดการ
ปี 2541 “สุรางค์” เป็นกรรมการผู้จัดการ
ปี 2545-2548 “ชาลอต” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด
ปี 2550 “กฤตย์” ขายหุ้นในแบงก์กรุงศรีฯ และเข้าบริหารในช่อง 7 มากขึ้น มีการโยกย้ายผู้บริหารภายใน
2 มกราคม 2551
แต่งตั้ง “สมพงษ์ อัชฌานุเคราะห์” เป็นผู้จัดการฝ่ายรายการแทน “คุณสุรางค์”
3 มีนาคม 2551
แต่งตั้ง “สมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง” เป็นรักษาการผู้จัดการฝ่ายข่าว