จะขอปรึกษาเรื่องคดีความระหว่างการทะเลาะวิวาทกับการถูกรุมทำร้ายหน่อยค่ะ

ดิฉันขอออกตัวก่อนนะคะ เป็นแค่เพื่อนของพี่สาวของคนที่ถูกทำร้าย และขอใช้ชื่อสมมตินะคะ และอยากทราบถึงข้อกฎหมายจึงอยากได้คำแนะนำจากเพื่อนๆ ทุกท่านที่พอจะทราบอยู่บ้าง

เรื่องราวมีอยู่ว่าน้องชายของเพื่อนเราชื่อขอใช้เป็นชื่อเรียกแทนนะคะว่า หม่ำ (นามสมมติ)  เข้าเรื่องกันเลยแล้วกันบ้านของเราเป็นแฟลต อยู่ตรงป้อมยามชั้นล่างสุด บริเวณด้านล่างของแฟลตจะมีศาลพระพรหมณ์และที่จอดรถไม่ใหญ่นักและป้อมยาที่อยู่ฝั่งขวามือตรงทางเข้า  ในวันที่เกิดเหตุหม่ำ ได้นั่งดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งก็ค่อนข้างกรึ่มและเมาอยู่ที่หน้าป้อมยามที่มีโต๊ะตั้งอยู่   และอยู่ๆ ก็มีขยะมูลฝอย ตกลงมาจากชั้นบนของอาคารลงมาใส่แท็กซี่ที่จอดอยู่ข้างล่างซึ่งเป็นของคนที่อาศัยอยู่ในแฟลตนี่แหละค่ะ  พี่เจ้าของรถเค้าก็อยู่แล้วเค้าก็ได้โวยวายต่อว่าคนที่โยนขยะลงมา (คนที่โยนขยะลงมาชื่อ เค็มค่ะ (นามสมมติ))  และเรื่องมันก็เกิดขึ้น คนที่โยนขยะลงมานั้นไม่พอใจที่ถูกต่อว่าจึงลงมาชั้นล่างแล้วต่อยพี่ที่เป็นเจ้าของรถแท็กซี่คนนั้น  หม่ำที่อยู่ในเหตุการณ์ จึงเข้าไปถามนายเค็มว่าไปต่อยพี่เขาทำไม แล้วผลักอกไปหนึ่งที  ในตอนนั้นเองก็มีใครอีกคนมาทางด้านหลังของหม่ำ ในขณะที่ยังคุยอยู่กับเค็ม หม่ำโดนต่อยและเตะ เข้าที่ปลายข้างจนล้มไปสามรอบ โดยที่ไม่ได้ต่อสู้แต่อย่างใด  แม้กระทั่งลงไปนอนกับพื้นแล้วผู้ชายคนนั้นยังคงกระทืบหม่ำ ระหว่างนั้นก็มี รปภ. เข้าห้ามปราม และผู้ชายคนนั้นก็ไม่ฟังเสียงคำห้ามแต่อย่างใด  หลังจากเหตุการณ์สงบลง  มีคนโทรแจ้งมูลนิธิ เพื่อพาหม่ำไปส่งโรงพยาบาล และได้ทำการแจ้งความ ณ สถานีตำรวจ  (ไม่ขอระบุนะคะ)  

อาการของหม่ำสมองบวมมีเลือดคลั่ง เพราะตอนที่นำส่ง รพ. มีเลือดออกจมูกออกปาก  เข้ารักษาร่างกายที่ รพ. เป็นจำนวน 3 วัน แต่จนถึงวันนี้ อาการยังไม่ค่อยดีขึ้นเท่าที่ควร  ยังมีอาการมึนงง และทานอะไรไม่ได้ต้องอาเจียรแทบทุกครั้ง  

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการแจ้งความจากผู้ถูกทำร้ายร่างกายจากฝ่ายเสียหายคืน ฝ่ายเพื่อนของเรา   ในวันนั้นทางตำรวจได้ลงบันทึกว่าเป็นกรณีทะเลาะวิวาท  ซึ่งเราค่อนข้างแปลกใจมาก เนื่องจากว่าถ้าฝ่ายผู้เสียหายคือหม่ำ ถูกรุมทำร้ายร่างกาย และไม่มีการต่อสู้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่มีสิทธิ์ ได้ทำการต่อสู้ เพราะอีกฝ่ายเข้าจากด้านหลัง     และล่าสุดเราได้เดินทางไปสน. กับเพื่อนที่อีกครั้งหนึ่งเพื่อจะทำการถอนแจ้งความ ที่ระบุว่าเป็นการทะเลาะวิวาท   แต่เป็นการถูกทำร้ายร่างกาย แต่ทางตำรวจไม่สนใจ แค่บอกว่าเป็นหน้าที่ของทางตำรวจที่ต้องทำการตรวจสอบและสืบสวนต่อไป และต้องผลรายงานทางการแพทย์ที่หม่ำเข้าไปรักษาตัว  

ซึ่งเบื้องต้นหลังจากที่ได้คุยกับทางคุณตำรวจ    ทางคุณตำรวจพยายามไกล่เกลี่ยให้เรื่องจบลง  โดยที่คุณตำรวจแจ้งว่าฝ่ายที่เป็นผู้กระทำอยากจะให้เรื่องจบลงเช่นกัน ซึ่งสอบถามจากทางเราประมาณว่าต้องการเงินค่าทำขวัญเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่   เราจะบอกก่อนหน้านี้ได้ถ้าผู้เสียและทางผู้กระทำ ได้คุยกันแล้ว    ซึ่งเบื้องต้นที่ได้คุยกับทางเพื่อนของเรา ทางผู้เสียหายยื่นข้อเสนอไปที่ 40,000 บาท และบอกไปว่าถ้าไม่ไหว  จะลดจำนวนเงินให้เป็น 35,000 บาท  ซึ่งทางฝ่ายผู้ที่กระทำบอกว่าไม่มีเงิน มีแค่ 10,000 บาท เท่านั้น ทั้งสองฝ่ายจึงไม่มีการพูดคุยกันต่อ   เพราะหนึ่งคือทางผู้เสียหายไม่พอใจจำนวนเงินที่ทางอีกฝ่ายยื่นข้อเสนอมาอย่างแน่นอน  เพราะค่ารักษาตัวก็ปาเข้าเกือบ 20,000 บาทเข้าไปแล้ว  แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทางผู้เสียหายไม่ยอม  

ทางคุณตำรวจเองเราเข้าใจว่าอยากให้เรื่องจบลงโดยเร็วที่สุด จึงทำการไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย  โดยที่ออกเป็นแนวว่าผู้เสียหายต้องการเงินจำนวนเท่าไหร่แล้วให้คุยกัน ให้จบกันซะ  เบื้องต้นทางผู้เสียหายได้แจ้งว่าถ้าไม่มีถึง 35,000 - 40,000 บาท  ก็จ่ายแค่ 25,000 ก็ได้  คุณตำรวจเลยแจ้งว่างั้นก็ลองให้คุยกันดู   สำหรับเราซึ่งค่อนข้างไม่ค่อยเข้าใจและสับสนว่า คนที่ถูกทำร้ายขนาดนี้ ได้รับแค่เงินชดใช้ เท่านี้มันถูกต้องแล้วหรือ    และทางคุณตำรวจไม่ได้เปลี่ยนบันทึกประจำวันจากกรณีทะเลาะวิวาท เป็น ถูกรุมทำร้ายแม้แต่อย่างใด  คุณตำรวจว่าขึ้นอยู่กับการพิจารณาของท่าน  

สิ่งที่เราอย่างรู้คือ

1. ระหว่างคดีทะเลาะวิวาท กับ ทำร้ายร่างกาย แตกต่างกันไหมคะ  ตามความรุนแรงของแต่ละกรณี  
2. เท่าที่เราทราบมา คือ ถ้าเป็นการทะเลาะวิวาท ทั้งคู่จะต้องถูกปรับ ถูกต้องไหม
3. การถูกทำร้ายเป็นคดีอาญา ที่ไม่สามารถยอมความกันได้   ถ้าหากว่าเป็นการทำร้ายร่างกายถึงผู้เสียหายจะยอมความแต่จะต้องมีการส่งฟ้องใช่ไหมคะ  
4. ชีวิตคนเราเมื่อถูกทำร้าย ผู้กระทำเพียงแค่จ่ายเงินค่าทำขวัญแล้วสามารถจบได้เลยเหรอคะ

รบกวนเพื่อนๆ ท่านที่รู้กฎหมาย แนะนำเราหน่อยค่ะว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง  หรือไม่ก็หลังไมค์ได้ค่ะ  

ปกติเราจะแค่เข้ามาอ่านกระทู้ห้องต่างๆ  แค่นั้น  ซึ่งทำให้เห็นหลายๆ ความคิด หลายๆ มุมมองๆ จากคนในพันทิป  จึงอยากจะขอคำแนะนำ  เราเขียนไม่ค่อยเก่ง ไม่รู้จะพอเข้าใจกันไหม ยังไงของคำแนะนำด้วยะนคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
การดูว่าเรื่องใดเป็นสมัครใจวิวาท หรือ ถูกทำร้ายร่างกาย ดูตรงนี้ครับ เช่น
แดง ท้าทาย เหลือง ให้ออกมาต่อยกับตน เหลืองไม่ยอมออกมาต่อยด้วย
แดง อารมณ์ขึ้นทันที แล้วก็ต่อยเหลือง จากนั้นเหลืองก็ต่อยกับแดง
กรณีนี้ ไม่ใช่การสมัครใจวิวาท แต่เป็นการที่แดงทำร้ายร่างกายเหลือง
เพราะเหลืองไม่ได้ยั่วยุหรือท้าทายแดงแต่อย่างใดเลย
การที่เหลืองต่อยกับแดงกลับไปนั้น เป้นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
เพราะ การป้องกันโดยชอบ ไม่ได้หมายความว่า ต้องยื่นให้ต่อยจนเละแล้วจึงป้องกัน
เพียงแต่ต่อยมาแล้วต่อยกลับก็ถือว่าป้องกันโดยชอบแล้ว


แต่ถ้า แดง ท้าทายเหลือง จากนั้นเหลืองก็ด่ากลับ และท้าทายแดงเช่นกัน
ต่างคนต่างท้าทายและด่ากันไปมา จนเข้าทำร้ายกันในที่สุด
กรณีนี้คือ สมัครใจวิวาท ชัดเจน


แต่ถ้าแดง ด่าๆๆๆๆๆ เหลือง และไม่มีคำพูดใดเลยที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการท้าทายเหลือง
โดยที่แดงยังไม่ทำอะไรเลย เหลืองกับต่อยแดง จากนั้นแดงก็ต่อยกลับ
กรณีนี้แดงอ้างป้องกันโดยชอบด้วย กม.ได้ เพราะแม้ว่าแดงจะด่าเหลืองก็ตาม ก็เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าเท่านั้น ไม่ใช่ข้อหาทำร้ายร่างกาย
แต่เหลืองอ้างบันดาลโทสะได้ในการทำร้ายแดง เท่านั้นเอง


เรื่องนี้มีข้อกฎหมายและวิธีการวางหลักไว้หลายกรณีครับว่า อย่างไหนคือ สมัครใจวิวาท และอย่างไหนคือทำร้ายร่างกาย
ถ้า ตร.ไม่ดำเนินการตามที่เราเห็นว่าไม่ถูกต้อง แนะนำให้เข้าหา ผกก สถานี ตร.นั้น
หากไม่ได้รับความเป็นธรรม แนะนำ ร้องไปยัง สำนักงานยุติธรรม ประจำจังหวัด ก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่