ได้เวลาปรับ "ครม.ยิ่งลักษณ์ 6" ?? รายงานพิเศษ ข่าวสดออนไลน์

กระทู้สนทนา
กระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณปรับครม.ช่วงเดือนนี้ กลายเป็นการจุด
พลุเรียกเสียงวิจารณ์ทันที

ข่าวดังกล่าวจริงเท็จหรือมีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด อีกทั้งสถานการณ์ขณะนี้ถึงเวลาปรับครม. เพราะการ
บริหารของรัฐบาลมาถึงจุดตีบตันแล้วหรือ ผู้ให้คำตอบมีเพียง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  

แต่หากเป็นเรื่องจริง มีคำถามตามมาว่าจะเป็นการปรับเล็กหรือปรับใหญ่ โดยมีการแสดงความคิดเห็น
อย่างกว้างขวางดังนี้


นพดล ปัทมะ
ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ


กระแสข่าวปรับครม.ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ยืนยันว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ
จะยังไม่ปรับช่วงนี้อย่างแน่นอน เพราะการปรับครม.ยิ่งลักษณ์ 5 เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาเอง

ขณะที่โดยปกติแล้วนายกฯ มักปรับครม.ในช่วงบริหารงาน 6 เดือนขึ้นไปแล้ว ที่สำคัญนายกฯ ซึ่งมีอำนาจ
ในการพิจารณาปรับครม.โดยตรง ยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ มายังพรรคเพื่อไทย

ดังนั้นยังเร็วเกินไปสำหรับการจะปรับครม.อีกครั้งในเร็ววันนี้ แต่เชื่อว่าการปรับจะเกิดขึ้นอีกแน่นอน อย่าง
ไรก็ตาม ต้องดูด้วยว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงเดือนพ.ย.นี้หรือไม่

เพราะหากพรรคฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจริง น่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การปรับ
ครม.เกิดขึ้น

ในส่วนของสถานการณ์การเมืองประกอบกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลขณะนี้ ยังไม่มีปัจจัย
อะไรที่ทำให้ถึงขั้นต้องปรับครม.

รัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการต่างๆ เพื่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี โดยที่ยัง
ไม่มีเหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น ขณะที่รัฐมนตรีเองก็ยังทำงานได้อยู่

จึงไม่เห็นว่าจะมีปัจจัยหรือแรงกระตุ้นใดๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวที่เกิดขึ้นซึ่งพาดพิงไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณว่ามีส่วนเกี่ยวข้องนั้น เป็นเพียงข่าว
ปล่อยเท่านั้น แหล่งข่าวเป็นใครก็ไม่รู้ ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณเมื่อทราบข่าวแล้วก็ได้แต่หัวเราะ และปฏิเสธ
ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

โดยพ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่า เป็นอำนาจของนายกฯ ไม่เกี่ยวกับท่าน

ที่สำคัญการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์แทบไม่ระคายผิวรัฐบาลเลย สะเปะสะปะ
และยุ่งอยู่กับการชุมนุมของกลุ่มม็อบต่างๆ

หัวหน้าพรรคก็ทำตัวออกทะเล ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่สุภาพ ยิ่งทำให้รัฐบาลทำงานต่อไปได้ง่ายขึ้น
มีคติหนึ่งบอกเอาไว้ว่า ถ้าฝ่ายค้านทำลายตัวเอง อย่าไปขัดจังหวะ ดังนั้นยิ่งไม่มีเหตุผลหรือปัจจัยใดๆ
ต้องปรับครม.

หากย้อนไปดูการปรับครม.สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เกิดจากปัญหาทุจริตทั้งเรื่องปลากระป๋องเน่า
หรือโครงการไทยเข้มแข็ง ขณะที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่เคยมีเรื่องแบบนี้


อัษฎางค์ ปาณิกบุตร
อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง



ก่อนหน้านี้คิดว่ารัฐบาลน่าจะปรับครม.อีกครั้งช่วงต้นปีž57 ประเมินจากสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็น
นายกฯ จะปรับครม.ใหญ่ปีละ 1 ครั้ง รัฐบาลครบเทอมก็ไม่เกิน 4 หน

ช่วงต้นปีž56 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เพิ่งปรับครม.ครั้งใหญ่ไป

กระแสข่าวจะปรับในเดือนต.ค. เป็นไปได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยากให้โอกาสบางคนที่พลาดหวังในการปรับ
ครั้งที่ผ่านๆ มา ก่อนที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 บางคนจะเข้ามาช่วยงานบ้านเมือง เพราะตอนนี้คนมีฝีมือ
หลายคนจากบ้านเลขที่ 111 ก็ยังไม่ได้เข้ามาทำงานในครม.

จึงเป็นไปได้ว่าหากจะมีการปรับในระยะนี้จริง เพื่อให้เป็นสมบัติผลัดกันชมของคนที่มีบุญคุณกับ
พ.ต.ท.ทักษิณก่อน

นอกจากนี้ จุดประสงค์ของการปรับอาจเกิดจากความกลัวว่าจะเสียชื่อ ถ้าองค์กรอิสระจะเล่นงานรัฐมนตรี
บางคน เพราะการเสนอชื่อบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งในครม. จะต้องตรวจสอบประวัติให้เรียบร้อยก่อน
ไม่ใช่เข้ามาแล้วเกิดปัญหาแบบนี้

ส่วนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมายังคงมีปัญหาอีกมาก บางเรื่องยังไม่ได้ทำ โดย
เฉพาะนโยบายที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ดังนั้นถ้าจะมีการปรับครม.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ก็ควรปรับใหญ่
ประมาณ 10 คน เพื่อเสริมการทำงานในเรื่องที่บกพร่อง

ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ควรประมาท แต่ควรตั้งใจทำงานแม้ว่าพรรคฝ่ายค้านจะไม่สามารถเอาชนะพรรค
เพื่อไทยได้ภายใน 10 ปีนี้ก็ตาม เพราะถือว่าเป็นการทำสิ่งที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าข่าวการปรับครม.ที่ออกมาเป็นธรรมดาที่จะเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทย
แต่จะเป็นเฉพาะช่วงที่เพิ่งปรากฏเป็นข่าวเท่านั้น หลังจากนี้ก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ

เพราะทุกคนก็ยังต้องอยู่กับพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม


สมบัติ บุญงามอนงค์
บ.ก.ลายจุด



ข้อเท็จจริงเรื่องปรับครม.เป็นอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณมาหรือไม่ ไม่อาจทราบได้
แต่เรื่องนี้น่าแปลกตรงที่โดยธรรมชาติของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มักจะปรับครม.ในรอบ 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นการปรับครั้งใหญ่หรือแค่ไม่กี่ตำแหน่ง แต่ก็ถือว่ามีการปรับครม.ที่ถี่และบ่อยมาก

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความถี่ในการปรับว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหน แต่อยู่ที่การปรับแต่ละครั้ง ยังไม่เห็น
ครม.ชุดไหนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะมีผลงานโดดเด่นอย่างเสมอกันทุกตำแหน่ง

มีเพียงไม่กี่คนที่ทำตามนโยบายได้ดีมาก เช่น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ทำผลงานพัฒนา
ระบบคมนาคมได้เข้าตากรรมการและมีประสิทธิภาพ แต่ครม.ประจำหน่วยงานอื่นๆยังถือว่าหน้าตา
ธรรมดา ไม่โดดเด่นอะไรนัก

เพราะการปรับครม.แต่ละครั้ง รัฐบาลยึดแนวปฏิบัติวัฒนธรรมการเมืองแบบเดิมๆ คือให้โอกาสผู้ที่ยัง
ไม่ได้รับตำแหน่ง เหมือนกับสมบัติผลัดกันชม ซึ่งเป็นวิถีการเมืองในประเทศไทยที่ปฏิบัติกันมานาน

แต่ขณะนี้สังคมการเมืองพัฒนาไปมาก ทั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย หรือนายกฯ ในฐานะที่มีอำนาจใน
ประเด็นนี้โดยตรง ต้องเลือกบุคคลเข้ามารับตำแหน่งในการปรับครม.อย่างมืออาชีพ

หมายความว่า ต้องคัดสรรบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเป็นเฉพาะด้าน และมีความสามารถอย่างแท้จริงใน
การทำงาน ซึ่งอาจเป็นคนนอกรัฐบาลก็ได้ และรัฐบาลต้องทำให้การปรับเหมือน ดรีมทีมž คือครม.ที่มี
แต่คนที่มีความสามารถ

เพราะปัญหาทุกวันนี้ นอกจากการปรับครม.เพื่อผลประโยชน์การเมืองแล้ว รัฐมนตรียังมีปัญหาในการ
ทำงาน เพราะหากไม่มีความเชี่ยวชาญมาก่อนก็ต้องใช้เวลาศึกษา อีกทั้งข้าราชการบางคนยังมีอำนาจ
มากกว่า การบริหารงานจึงไม่เต็มที่

ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องปฏิรูปด้วยการทำลายวัฒนธรรมการเมืองแบบเดิมๆ ที่ยึดถือระบบอาวุโส ระบบ
อุปถัมภ์ ซึ่งถือว่าล้าหลังไปแล้วในสังคมปัจจุบัน

แม้การดำเนินการเช่นนี้จะกระทบกลุ่มอำนาจเก่าทางการเมือง แต่หากตั้งใจทำเพื่อประชาชน ประชาชน
ก็จะเป็นผู้คุ้มครองรัฐบาลเอง เพราะวิธีการดังกล่าวนอกจากจะทำให้การเมืองพัฒนาแล้ว ยังจะได้คะแนน
เสียงจากประชาชน

หากทำผลงานได้เป็นที่ยอมรับ

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE1EZzVPVEl3TkE9PQ==&sectionid=











ยิ้มสาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่