ถึงแม้ละครเรื่องนี้จะจบไปนานแล้วแต่ดูย้อนหลังแล้ว เรื่องนี้ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
ตอนแรกเราดูละครเรื่องนี้ เพราะพระเอก นางเอกจริง ๆ นะ แต่พอดู ๆ ไปสักพัก เห็นอะไรแปลก ๆ รู้สึกไม่ชอบในความรักของแม่พระเอกที่ดูเหมือนมากเกินไป แล้วก็รู้สึกว่าพระเอกลืมคนรักเก่าได้ง่ายเหลือเกิน แต่พอดูไปเรื่อย ๆ ( มีหายบ้างไปบางตอน ) ก็จะเห็นว่า คนเขียนบท เขียนได้ดีนะในความรู้สึกของเรา เขาปูพื้นให้เห็นว่า การเลิกราแต่ละครั้งมันมีเหตุการณ์ที่ไม่เหมือนกัน หรือเรียกว่า แม้แต่ตัวที่เป็นต้นเหตุคือ “แม่” ยังเป็นแกนกลางเหมือนเดิม แต่ไส้ในของการเลิกรากับผู้หญิงแต่ละคนมีเหตุไม่เหมือนกัน ( เรามานึกได้ในตอนจบ)
คนแรกที่ต้องไป เป็นเพราะจริง ๆ แล้ว ทั้งพระเอกและนางเอก มองข้ามสัญญาณที่แม่ส่งมาตั้งแต่แรกว่า ยังไม่อยากให้ลูกชายแต่งงาน เขาก็บอกกับลูกชายแล้ว แต่ตอนนั้นลูกยังไม่รู้ว่าแม่จริงจังกับความคิดนี้แค่ไหน เราจำได้ว่า แม่บอกว่าให้รอก่อนได้มั้ย แต่ตอนนั้นความอยากแต่งงานมันมีมาก และยังไม่รู้ฤทธิ์ของแม่ ลูกชายก็ดันทุรัง ส่วนฝ่ายหญิง ก็ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่า แม่ไม่ชอบตนเอง เพราะฝ่ายชายก็ไม่เคยบอกความคิดของแม่ให้แฟนฟัง สุดท้ายก็เลยพังทั้งคู่ ผู้หญิงก็ไม่อดทน ไม่เข้าใจถึงหลักว่าความหวง ความรักลูกชายคนเดียวของแม่มีสูงมาก ยังไม่ได้ใช้เทคนิคมัดใจอย่างจริงจังพอ เจ้าลูกชายก็ไม่ดึงรั้ง เพราะรู้ว่า ฝ่ายหญิงไม่รักแม่ตนแล้ว ก็เลยต้องไป
คนที่สอง ทีนี้ลูกชายรู้แล้วว่าแม่ตนนะร้าย อุตส่าห์หาคนที่รักแม่เหมือน ๆ กัน แต่ก็ต้องไปอีก ฝ่ายหญิงยังไม่รู้ เพราะฝ่ายชายเองก็ไม่บอกรายละเอียดว่าแม่ของตนร้ายแค่ไหน แถมยังไม่เรียนรู้ที่จะหาวิธีให้แฟนเอาชนะใจแม่ตนเองอีก เหมือนไม่นำบทเรียนมาเป็นครู ประกอบกับฝ่ายหญิงตอนแรกคิดว่าตนเองจะทำให้แม่ฝ่ายชายรักได้ ก็ต้องมาเสียโอกาสด้วยถือเอาศักดิ์ศรีของพ่อแม่ตน ขนาดฝ่ายชายและพ่อแม่ตัวเองก็ยอมให้แต่งงานโดยไม่สนใจแม่อีกฝ่ายหนึ่งแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายฝ่ายหญิงก็เลือกพ่อแม่ของตนก่อน ก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นเอง
คนที่สาม คนนี้เข้ามาเร็วเกินไป เป็นความรักแบบหวือหวามาก พระเอกพยายามแล้วที่จะไม่ให้เกิดเรื่องอีก แต่ความมั่นใจในตนเองของผู้หญิงสมัยใหม่ที่ไม่เข้าใจในตัวฝ่ายชายดีพอ ก็ทำให้เกิดเรื่องขึ้นอีก แต่คนนี้เป็นคนที่ทำให้พระเอกได้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ในตัวเอง สะท้อนให้พระเอกรู้ว่า จริง ๆ แล้ว ทุกครั้งพระเอกเป็นคนที่รักแม่ มาก ๆ แล้วเธอก็เลือกเดินจากไป อีกเหมือนกัน
เรื่องนี้ทำให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างนะ
โอกาสและจังหวะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยนะ คนบางคนไปอยู่ที่สถานการณ์ที่โอกาสไม่อำนวยก็ทำให้ประสบความสำเร็จยาก เช่นผู้หญิงทั้ง 3 คนนี้มารักกับพระเอกในขณะที่แม่ยังมีชีวิตอยู่แล้วก็อยู่ในช่วงที่แม่ยังทำใจเรื่องให้ลูกมีคนรักไม่ได้ ก็เลยไม่ได้พระเอกไป แต่ผู้หญิงคนสุดท้ายเข้ามาในช่วงที่แม่มีสติแล้ว
เมื่อเป็นคนรักกัน ต้องมีการแบ่งปันความจริงต่อกัน พูดคุยกันเพื่อหาวิธีที่จะทำให้เราสามารถอยู่ด้วยกันได้ ไม่ใช่มีแต่ความรักอย่างเดียว ไม่สนใจความเป็นไปของครอบครัว การที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแน่นอน มันต้องรู้ถึงความสัมพันธ์ภายในครอบครัวด้วย เพราะต่อไปเราก็จะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวนี้เหมือนกัน
ความรักนั้นต้องใช้ความอดทนมาก ๆ เหมือนที่พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:4-7 เขียนไว้เลยว่า ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉาไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง จะเห็นว่า ถ้าฝ่ายหญิง และลูกชาย อดทนต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วมีสติ หาหนทางเอาชนะ มันก็น่าจะเป็นไปได้นะ
แม้ละครจบไปแล้ว ไม่ต้องคอยติดตาม แต่เรื่องนี้ก็ให้ข้อคิดอะไรกับเราเยอะนะ ชีวิตบางครั้งก็ไม่ได้มีโอกาสดี ๆ โอกาสเหมาะ ๆ สำหรับเราไปเสียทุกครั้ง เราต้องอดทน มีสติ ใช้ชีวิตต่อไปอย่างรอบคอบ ฉลาด และปล่อยวางบางเรื่อง แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะมาอยู่กับเราเอง ไม่ต้องโชคดี แบบหนูดี ที่อาจจะตกถังข้าวสารได้สามีหล่อ รวย เหมือนในหนังก็ได้ แค่มีความสุข ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และช่วยให้คนรอบข้างสุข
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย เยาวลักษณ์
พอดีแป้งร่ำดูย้อนหลังจบแล้วจร้า
รักคุณเท่าฟ้า ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
ตอนแรกเราดูละครเรื่องนี้ เพราะพระเอก นางเอกจริง ๆ นะ แต่พอดู ๆ ไปสักพัก เห็นอะไรแปลก ๆ รู้สึกไม่ชอบในความรักของแม่พระเอกที่ดูเหมือนมากเกินไป แล้วก็รู้สึกว่าพระเอกลืมคนรักเก่าได้ง่ายเหลือเกิน แต่พอดูไปเรื่อย ๆ ( มีหายบ้างไปบางตอน ) ก็จะเห็นว่า คนเขียนบท เขียนได้ดีนะในความรู้สึกของเรา เขาปูพื้นให้เห็นว่า การเลิกราแต่ละครั้งมันมีเหตุการณ์ที่ไม่เหมือนกัน หรือเรียกว่า แม้แต่ตัวที่เป็นต้นเหตุคือ “แม่” ยังเป็นแกนกลางเหมือนเดิม แต่ไส้ในของการเลิกรากับผู้หญิงแต่ละคนมีเหตุไม่เหมือนกัน ( เรามานึกได้ในตอนจบ)
คนแรกที่ต้องไป เป็นเพราะจริง ๆ แล้ว ทั้งพระเอกและนางเอก มองข้ามสัญญาณที่แม่ส่งมาตั้งแต่แรกว่า ยังไม่อยากให้ลูกชายแต่งงาน เขาก็บอกกับลูกชายแล้ว แต่ตอนนั้นลูกยังไม่รู้ว่าแม่จริงจังกับความคิดนี้แค่ไหน เราจำได้ว่า แม่บอกว่าให้รอก่อนได้มั้ย แต่ตอนนั้นความอยากแต่งงานมันมีมาก และยังไม่รู้ฤทธิ์ของแม่ ลูกชายก็ดันทุรัง ส่วนฝ่ายหญิง ก็ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่า แม่ไม่ชอบตนเอง เพราะฝ่ายชายก็ไม่เคยบอกความคิดของแม่ให้แฟนฟัง สุดท้ายก็เลยพังทั้งคู่ ผู้หญิงก็ไม่อดทน ไม่เข้าใจถึงหลักว่าความหวง ความรักลูกชายคนเดียวของแม่มีสูงมาก ยังไม่ได้ใช้เทคนิคมัดใจอย่างจริงจังพอ เจ้าลูกชายก็ไม่ดึงรั้ง เพราะรู้ว่า ฝ่ายหญิงไม่รักแม่ตนแล้ว ก็เลยต้องไป
คนที่สอง ทีนี้ลูกชายรู้แล้วว่าแม่ตนนะร้าย อุตส่าห์หาคนที่รักแม่เหมือน ๆ กัน แต่ก็ต้องไปอีก ฝ่ายหญิงยังไม่รู้ เพราะฝ่ายชายเองก็ไม่บอกรายละเอียดว่าแม่ของตนร้ายแค่ไหน แถมยังไม่เรียนรู้ที่จะหาวิธีให้แฟนเอาชนะใจแม่ตนเองอีก เหมือนไม่นำบทเรียนมาเป็นครู ประกอบกับฝ่ายหญิงตอนแรกคิดว่าตนเองจะทำให้แม่ฝ่ายชายรักได้ ก็ต้องมาเสียโอกาสด้วยถือเอาศักดิ์ศรีของพ่อแม่ตน ขนาดฝ่ายชายและพ่อแม่ตัวเองก็ยอมให้แต่งงานโดยไม่สนใจแม่อีกฝ่ายหนึ่งแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายฝ่ายหญิงก็เลือกพ่อแม่ของตนก่อน ก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นเอง
คนที่สาม คนนี้เข้ามาเร็วเกินไป เป็นความรักแบบหวือหวามาก พระเอกพยายามแล้วที่จะไม่ให้เกิดเรื่องอีก แต่ความมั่นใจในตนเองของผู้หญิงสมัยใหม่ที่ไม่เข้าใจในตัวฝ่ายชายดีพอ ก็ทำให้เกิดเรื่องขึ้นอีก แต่คนนี้เป็นคนที่ทำให้พระเอกได้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ในตัวเอง สะท้อนให้พระเอกรู้ว่า จริง ๆ แล้ว ทุกครั้งพระเอกเป็นคนที่รักแม่ มาก ๆ แล้วเธอก็เลือกเดินจากไป อีกเหมือนกัน
เรื่องนี้ทำให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างนะ
โอกาสและจังหวะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยนะ คนบางคนไปอยู่ที่สถานการณ์ที่โอกาสไม่อำนวยก็ทำให้ประสบความสำเร็จยาก เช่นผู้หญิงทั้ง 3 คนนี้มารักกับพระเอกในขณะที่แม่ยังมีชีวิตอยู่แล้วก็อยู่ในช่วงที่แม่ยังทำใจเรื่องให้ลูกมีคนรักไม่ได้ ก็เลยไม่ได้พระเอกไป แต่ผู้หญิงคนสุดท้ายเข้ามาในช่วงที่แม่มีสติแล้ว
เมื่อเป็นคนรักกัน ต้องมีการแบ่งปันความจริงต่อกัน พูดคุยกันเพื่อหาวิธีที่จะทำให้เราสามารถอยู่ด้วยกันได้ ไม่ใช่มีแต่ความรักอย่างเดียว ไม่สนใจความเป็นไปของครอบครัว การที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแน่นอน มันต้องรู้ถึงความสัมพันธ์ภายในครอบครัวด้วย เพราะต่อไปเราก็จะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวนี้เหมือนกัน
ความรักนั้นต้องใช้ความอดทนมาก ๆ เหมือนที่พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:4-7 เขียนไว้เลยว่า ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉาไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง จะเห็นว่า ถ้าฝ่ายหญิง และลูกชาย อดทนต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วมีสติ หาหนทางเอาชนะ มันก็น่าจะเป็นไปได้นะ
แม้ละครจบไปแล้ว ไม่ต้องคอยติดตาม แต่เรื่องนี้ก็ให้ข้อคิดอะไรกับเราเยอะนะ ชีวิตบางครั้งก็ไม่ได้มีโอกาสดี ๆ โอกาสเหมาะ ๆ สำหรับเราไปเสียทุกครั้ง เราต้องอดทน มีสติ ใช้ชีวิตต่อไปอย่างรอบคอบ ฉลาด และปล่อยวางบางเรื่อง แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะมาอยู่กับเราเอง ไม่ต้องโชคดี แบบหนูดี ที่อาจจะตกถังข้าวสารได้สามีหล่อ รวย เหมือนในหนังก็ได้ แค่มีความสุข ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และช่วยให้คนรอบข้างสุข
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย เยาวลักษณ์
พอดีแป้งร่ำดูย้อนหลังจบแล้วจร้า