บทความนี้เขียนไว้ที่
http://www.facebook.com/SenseOnFilms
-----------------------------------------------------------------------------------
1 ในภาพยนตร์ที่น่าสนใจตั้งแต่เห็นพล็อตเรื่องแล้ว และยิ่งได้ชมตัวอย่างแบบ IMAX (ตอนที่ชม Hubble 3D) แล้วยิ่งเพิ่มความน่าดูเข้าไปอีกมากกกกกกกกกกกกกกกก!!
และทางเราก็ได้รับโอกาสสุดพิเศษนี้จาก Warner Bros. (ประเทศไทย) และทาง Major Cineplex ในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนใครนะครับ...Sense on Films ต้องขอขอบคุณเหล่าผู้ใหญ่ใจดีมา ณ ที่นี้ด้วย...^-^
---------------------------------------------------------------------------------
เรื่องย่อก็มีดังนี้....
นักบินอวกาศกลุ่มหนึ่ง ออกไปทำภารกิจด้านนอกยาน...แต่ช่วงที่ทำภารกิจได้เกิดเหตุร้ายขึ้น ยานอวกาศพังสิ้นสภาพต้องอยู่อย่างเคว้งคว้าง ไม่สามารถยึดติดกับสิ่งใดได้...
มีแค่นี้จริงๆครับ!!
พล็อตที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรก็ตาม...แต่ว่าพอถึงเวลาจริงๆแล้ว หนังกลับหาอะไรเล่นได้เยอะแยะกว่าที่คิดมาก...
แค่ช่วงแรกที่ดาวเทียมถูกยิง จนเกิดขยะอวกาศ และสร้างความพินาศให้แก่ดาวเทียมดวงอื่นๆนั้น ก็เต็มไปด้วยความระทึก กดดัน อึดอัดตามตัวละครในเรื่องกันแบบสุดๆแล้ว...
เพราะว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และ อยู่ในสภาพที่ยากแก่การเอาตัวรอด...เพราะแรงปะทะของขยะอวกาศที่พุ่งในห้วงอวกาศนั้น มันมาด้วยความเร็วมหาศาล...แรงปะทะก็รุนแรงมาก และด้วยสภาวะไร้น้ำหนักนั้น การทื่หลุดจากสิ่งที่ยึดเกาะออกไป มันก็จะลอยละะลิ่วแบบไร้ทิศทางที่แน่นอน และไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้...
ความระทึกใจในช่วงแรก และ ทุกช่วงที่อยู่ในบริเวณห้วงอวกาศ อยู่ที่การต้องลุ้นว่า จะโดนขยะอวกาศพุ่งชนตัวไหม จะหาที่ยึดเกาะได้มั่นคงแค่ไหน...และถ้าหลุดออกไปแล้ว จะทำอะไรได้อีก!!
ด้วยความที่ผู้กำกับ Alfonso Cuarón นั้นเป็นคนที่ชอบถ่ายทำแบบ long take อยู่แล้ว...ทำให้หลายๆฉากที่ต้องผจญกับ”ความซวย”บนห้วงอวกาศนั้น ยิ่งทวีความระทึก และ กดดันมากขึ้นไปเรื่อยๆ...
และทางผู้กำกับก็วางเงื่อนไขในเรื่องไว้ค่อนข้างดี โดยที่มันจะมีระยะเวลาให้พักหายใจ ก่อนที่เหล่าขยะอวกาศมันจะวกกลับมาพุ่งชนอีกครั้ง...
ตลอดเวลา 90 นาทีของภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเป็นไปลักษณะกราฟที่มีช่วงที่สวิงกันค่อนข้างกว้าง...
ช่วงที่ตื่นเต้น ระทึก และ กดดัน ก็ทำให้เรารู้สึกตามไปอย่างสุดๆ...พอผ่านพ้นไปก็ได้พักหายใจบ้างเล็กน้อย...ซักพักนึงก็กลับมาระทึกอีก...บางช่วงที่ได้พักหายใจ แทนที่จะรู้สึกผ่อนคลายลง แต่ผู้กำกับแกกลับทำให้เรารู้สึกแย่ หดหู่ สิ้นหวัง...
ความระทึกใจแบบสุดขีดนั้น มักจะอยู่ในห้วงอวกาศ ในสภาพที่ไร้น้ำหนัก...อย่างที่เราบอกไว้ข้างต้นนะครับ...
แต่ในช่วงที่หลบเข้ามาอยู่ในดาวเทียม และ สถานีอวกาศนั้น...ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย...
ผู้กำกับก็สรรหา”ความซวย”ให้ตัวเอกเราอยู่เรื่อยๆนะครับ...สถานที่ที่คิดว่าปลอดภัยแน่ๆ ก็ยังจะหาความไม่ปลอดภัยมาให้...
ช่วงแรกๆก็ระทึกใจและกดดันกันพอสมควร...แต่พอมาช่วงท้ายๆแล้ว ความระทึก และ กดดัน กลับลดลงไปพอสมควร ทั้งๆที่เป็นสถานการณ์ที่วิกฤติเช่นเดียวกับในห้วงอวกาศ...
ส่วนหนึ่งที่ผมคิดว่ามันไม่กดดันมากนัก เป็นเพราะว่ามันอยู่ในยานแล้วนะครับ...
และบทสรุปสุดท้ายที่เรียกได้ว่า “โล่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
ในส่วนของงานภาพนั้น...คิดว่าหนังที่มีแต่อวกาศ คงจะไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรมากนัก...
ปรากฏว่าผิดคาดครับ!!
ฉากความวินาศบรรลัยทั้งหลายนั้น...สมจริง ละเอียด และ สร้างความสะพรึง และ กดดันให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี...และยิ่งทวีคูณขึ้นไปในช่วงที่เป็น long take!!
และช่วงที่ไม่มีอะไรเลยนั้น...มันก็โคตรที่จะกดดัน และ น่ากลัว...ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรอยู่เลยก็ตาม!!
รวมทั้งสิ่งที่ชอบที่สุดก็คือ...โลกของเรา...
แม้ว่ามันจะไม่ได้ดูสวยแบบหาคำบรรยายไม่ได้แบบใน Hubble 3D ก็ตาม...แต่ช่วงที่ล่องลอยผ่านพื้นที่ต่างๆ...แสงไฟที่อยู่บนโลกเรานั้น...มันดูสวยงามอย่างประหลาดๆชอบกลนะครับ...- -“
มุมกล้องนั้นก็เล่นได้หลากหลาย และ สร้างความรู้สึกที่ต่างกันนะครับ...
มุมมองของตัวละครนั้น สร้างความระทึก และ สมจริงได้พอสมควร...และตอนที่หมุนติ้วๆนั้น ก็ไม่ได้เวียนหัวหรือดูยากจนปวดหัวเท่าไหร่นัก...
Long take ของผู้กำกับคนนี้ก็มีหลากหลายรูปแบบนะครับ...ซึ่งก็สมกับเป็นเจ้าแห่งการถ่ายแบบนี้จริงๆ...โดยเฉพาะช่วงที่ long take บนห้วงอวกาศ...
และที่จี๊ดที่สุดก็คือ...มุมกล้องแบบ long shot...ที่เป็นช่วงที่สร้างความกดดัน และ อึดอัดได้มากที่สุดแล้วนะครับ!! ความเวิ้งว้างของอวกาศยิ่งช่วยเสริมให้มันอึดอัดมากเข้าไปอีก...
มาถึงตัวละครบ้าง...
สิ่งที่หนังแสดงให้เห็นชัดเจนก็คือ...สภาพจิตใจของมนุษย์...
คนหนึ่ง ไม่เคยขึ้นมาบนอวกาศ กับอีกคน ที่แทบจะใช้ชีวิตอยู่แต่บนอวกาศ...
สติ สมาธิ กำลังใจ ที่แตกต่างกัน มีผลต่อการตัดสินใจทำอะไรพอสมควร...
และทั้ง 3 สิ่งนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และจำเป็นจะต้องมี ในสถานการณ์ที่ต้องเอาชีวิตรอด!!
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ท้อแท้ และ สิ้นหวังแบบสุดๆ...แค่เพียงกำลังใจเล็กๆน้อยๆ และ การชี้ทางนิดหน่อย...ก็สามารถปลุกทั้ง 3 สิ่งให้ตื่น และ พร้อมที่จะต่อสู้ดิ้นรนต่อไปได้...
หนังเรื่องนี้แทบจะเรียกได้ว่า แบกไว้ด้วยคนเพียงคนเดียว เลยก็ว่าได้...
ซึ่งถ้านักแสดงเล่นได้ไม่ถึงนี่...หนังจะแป๊กและน่าเบื่อกันแบบสุดๆ...
จึงไม่แปลกใจที่ 2 นักแสดงของเรื่องนี้ (เล่นกันจริงๆแค่ 2 คน) จะต้องเป็นระดับ Sandra Bullock และ George Clooney...
เจ๊แสงดาว กับการต้องล่องลอยละลิ่วติ้วๆไปมาทั้งเรื่องแบบนี้...ดูเหมือนว่าบทแบบนี้ใครๆก็เล่นได้...แต่การเล่นโดยที่สีหน้าและท่าทางมันจะต้องตื่นตระหนก และ ทำอะไรไม่ค่อยจะถูก...มันต้องเป็นนักแสดงระดับเทพจริงๆ มันถึงจะดูเนียนตา...
และในช่วงเวลาดราม่า หดหู่...นี่คือช่วงเวลาโชว์ของกันเต็มที่...
รวมทั้ง...เจ๊ยังอวดหุ่นของสาวใหญ่วัย 49 ปีได้...อืมมมมมมมมมมมมมมม...^-^
ถ้าต้นปีหน้าไม่มีชื่อ เจ๊แสงดาว เข้าชิงนำหญิงใน Oscar ครั้งที่ 86 ล่ะก็...มีงอนแน่ๆ!!
ในขณะที่ป๋า George Clooney นั้น...แม้ว่าจะโผล่มาลอยไปพูดไปเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ได้เยอะ...
มาถึงสิ่งที่แฟนๆรอคอยนะครับ...ว่าควรจะรับชมแบบไหนดี??
คราวนี้เรามีโอกาสได้รับชมทั้งแบบ IMAX 3D และ 4DX...
ตัวผมนั้นชมแบบ IMAX 3D (อย่างที่คาดหวังไว้)
และก็สมความปรารถนาจริงๆครับ!!
IMAX ทำให้ห้วงอวกาศที่เวิ้งว้าง และ ดูลึกลับน่ากลัวอยู่แล้ว...มันเวิ้งว้างมากขึ้นหลายเท่า...
3D ก็ทำให้ดูจริงมากขึ้น มีความลึกมากขึ้น และ ก็พุ่งลอยได้น่าชมดีแท้ (โดยเฉพาะช่วงที่อยู่ในยาน)
ในขณะที่ 4DX นั้น...ทีมงานของเราที่ได้รับชมมาได้บอกมาว่า...
“เราเหมือนเข้าไปอยู่ในห้วงอวกาศจริงๆ รู้สึกว่าเราจะโดนเศษขยะอวกาศมาชนที่เราตลอด จนบางทีเราต้องเผลอหลบด้วยซ้ำ บาง Scene ของเรื่องก็จะพาเราเคว้งอยู่กลางอวกาศโดยไม่มีจุดหมายอีกด้วย การสั่น การกระแทกก็ค่อนข้างที่จะสมจริง แต่ต้องระวังหลังของท่านหน่อย อาจจะมีอะไรกระแทกหลังบ้าง ค่อนข้างเจ็บอยู่ครับ แต่โดยรวมแล้วผมถึงว่าโอเคอยู่ครับ”
---------------------------------------------------------------
สรุป : Gravity...เป็นภาพยนตร์อวกาศ ที่สร้างความกดดัน ระทึก อึดอัด และ ใช้สภาพแวดล้อมในการกดดันผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม...ความวินาศบนห้วงอวกาศสมจริง และ น่าสะพรึงกลัว...long take ยิ่งเพิ่มความกดดัน อึดอัด และ ระทึกเป็นทวีคูณ...ช่วงที่ผ่อนคลายความกดดัน กลับมีความหดหู่ สิ้นหวังมาแทนที่...เวลา 90 นาทีของหนังเรื่องนี้ กลับดูยาวไปเลย...และเป็นการเลือกที่ถูกต้อง สำหรับ 2 นักแสดงที่เล่นในเรื่อง!!
และขอเป็นอีก 1 เสียงที่เห็นด้วยตามป๋า James Cameron ที่ออกมาบอกไว้ว่า “นี่เป็นภาพยนตร์อวกาศที่ดีที่สุด เท่าที่เคยมีการสร้างกันมา” นะครับ!!
สามารถเลือกรับประสบการณ์ได้ทั้งแบบ IMAX 3D และ 4DX เลยครับ!! ^-^
[SR] Gravity : ได้แต่เคว้งคว้าง ล่องลอยสู่คืนที่มืดมิด...[A]
-----------------------------------------------------------------------------------
1 ในภาพยนตร์ที่น่าสนใจตั้งแต่เห็นพล็อตเรื่องแล้ว และยิ่งได้ชมตัวอย่างแบบ IMAX (ตอนที่ชม Hubble 3D) แล้วยิ่งเพิ่มความน่าดูเข้าไปอีกมากกกกกกกกกกกกกกกก!!
และทางเราก็ได้รับโอกาสสุดพิเศษนี้จาก Warner Bros. (ประเทศไทย) และทาง Major Cineplex ในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนใครนะครับ...Sense on Films ต้องขอขอบคุณเหล่าผู้ใหญ่ใจดีมา ณ ที่นี้ด้วย...^-^
---------------------------------------------------------------------------------
เรื่องย่อก็มีดังนี้....
นักบินอวกาศกลุ่มหนึ่ง ออกไปทำภารกิจด้านนอกยาน...แต่ช่วงที่ทำภารกิจได้เกิดเหตุร้ายขึ้น ยานอวกาศพังสิ้นสภาพต้องอยู่อย่างเคว้งคว้าง ไม่สามารถยึดติดกับสิ่งใดได้...
มีแค่นี้จริงๆครับ!!
พล็อตที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรก็ตาม...แต่ว่าพอถึงเวลาจริงๆแล้ว หนังกลับหาอะไรเล่นได้เยอะแยะกว่าที่คิดมาก...
แค่ช่วงแรกที่ดาวเทียมถูกยิง จนเกิดขยะอวกาศ และสร้างความพินาศให้แก่ดาวเทียมดวงอื่นๆนั้น ก็เต็มไปด้วยความระทึก กดดัน อึดอัดตามตัวละครในเรื่องกันแบบสุดๆแล้ว...
เพราะว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และ อยู่ในสภาพที่ยากแก่การเอาตัวรอด...เพราะแรงปะทะของขยะอวกาศที่พุ่งในห้วงอวกาศนั้น มันมาด้วยความเร็วมหาศาล...แรงปะทะก็รุนแรงมาก และด้วยสภาวะไร้น้ำหนักนั้น การทื่หลุดจากสิ่งที่ยึดเกาะออกไป มันก็จะลอยละะลิ่วแบบไร้ทิศทางที่แน่นอน และไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้...
ความระทึกใจในช่วงแรก และ ทุกช่วงที่อยู่ในบริเวณห้วงอวกาศ อยู่ที่การต้องลุ้นว่า จะโดนขยะอวกาศพุ่งชนตัวไหม จะหาที่ยึดเกาะได้มั่นคงแค่ไหน...และถ้าหลุดออกไปแล้ว จะทำอะไรได้อีก!!
ด้วยความที่ผู้กำกับ Alfonso Cuarón นั้นเป็นคนที่ชอบถ่ายทำแบบ long take อยู่แล้ว...ทำให้หลายๆฉากที่ต้องผจญกับ”ความซวย”บนห้วงอวกาศนั้น ยิ่งทวีความระทึก และ กดดันมากขึ้นไปเรื่อยๆ...
และทางผู้กำกับก็วางเงื่อนไขในเรื่องไว้ค่อนข้างดี โดยที่มันจะมีระยะเวลาให้พักหายใจ ก่อนที่เหล่าขยะอวกาศมันจะวกกลับมาพุ่งชนอีกครั้ง...
ตลอดเวลา 90 นาทีของภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเป็นไปลักษณะกราฟที่มีช่วงที่สวิงกันค่อนข้างกว้าง...
ช่วงที่ตื่นเต้น ระทึก และ กดดัน ก็ทำให้เรารู้สึกตามไปอย่างสุดๆ...พอผ่านพ้นไปก็ได้พักหายใจบ้างเล็กน้อย...ซักพักนึงก็กลับมาระทึกอีก...บางช่วงที่ได้พักหายใจ แทนที่จะรู้สึกผ่อนคลายลง แต่ผู้กำกับแกกลับทำให้เรารู้สึกแย่ หดหู่ สิ้นหวัง...
ความระทึกใจแบบสุดขีดนั้น มักจะอยู่ในห้วงอวกาศ ในสภาพที่ไร้น้ำหนัก...อย่างที่เราบอกไว้ข้างต้นนะครับ...
แต่ในช่วงที่หลบเข้ามาอยู่ในดาวเทียม และ สถานีอวกาศนั้น...ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย...
ผู้กำกับก็สรรหา”ความซวย”ให้ตัวเอกเราอยู่เรื่อยๆนะครับ...สถานที่ที่คิดว่าปลอดภัยแน่ๆ ก็ยังจะหาความไม่ปลอดภัยมาให้...
ช่วงแรกๆก็ระทึกใจและกดดันกันพอสมควร...แต่พอมาช่วงท้ายๆแล้ว ความระทึก และ กดดัน กลับลดลงไปพอสมควร ทั้งๆที่เป็นสถานการณ์ที่วิกฤติเช่นเดียวกับในห้วงอวกาศ...
ส่วนหนึ่งที่ผมคิดว่ามันไม่กดดันมากนัก เป็นเพราะว่ามันอยู่ในยานแล้วนะครับ...
และบทสรุปสุดท้ายที่เรียกได้ว่า “โล่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
ในส่วนของงานภาพนั้น...คิดว่าหนังที่มีแต่อวกาศ คงจะไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรมากนัก...
ปรากฏว่าผิดคาดครับ!!
ฉากความวินาศบรรลัยทั้งหลายนั้น...สมจริง ละเอียด และ สร้างความสะพรึง และ กดดันให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี...และยิ่งทวีคูณขึ้นไปในช่วงที่เป็น long take!!
และช่วงที่ไม่มีอะไรเลยนั้น...มันก็โคตรที่จะกดดัน และ น่ากลัว...ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรอยู่เลยก็ตาม!!
รวมทั้งสิ่งที่ชอบที่สุดก็คือ...โลกของเรา...
แม้ว่ามันจะไม่ได้ดูสวยแบบหาคำบรรยายไม่ได้แบบใน Hubble 3D ก็ตาม...แต่ช่วงที่ล่องลอยผ่านพื้นที่ต่างๆ...แสงไฟที่อยู่บนโลกเรานั้น...มันดูสวยงามอย่างประหลาดๆชอบกลนะครับ...- -“
มุมกล้องนั้นก็เล่นได้หลากหลาย และ สร้างความรู้สึกที่ต่างกันนะครับ...
มุมมองของตัวละครนั้น สร้างความระทึก และ สมจริงได้พอสมควร...และตอนที่หมุนติ้วๆนั้น ก็ไม่ได้เวียนหัวหรือดูยากจนปวดหัวเท่าไหร่นัก...
Long take ของผู้กำกับคนนี้ก็มีหลากหลายรูปแบบนะครับ...ซึ่งก็สมกับเป็นเจ้าแห่งการถ่ายแบบนี้จริงๆ...โดยเฉพาะช่วงที่ long take บนห้วงอวกาศ...
และที่จี๊ดที่สุดก็คือ...มุมกล้องแบบ long shot...ที่เป็นช่วงที่สร้างความกดดัน และ อึดอัดได้มากที่สุดแล้วนะครับ!! ความเวิ้งว้างของอวกาศยิ่งช่วยเสริมให้มันอึดอัดมากเข้าไปอีก...
มาถึงตัวละครบ้าง...
สิ่งที่หนังแสดงให้เห็นชัดเจนก็คือ...สภาพจิตใจของมนุษย์...
คนหนึ่ง ไม่เคยขึ้นมาบนอวกาศ กับอีกคน ที่แทบจะใช้ชีวิตอยู่แต่บนอวกาศ...
สติ สมาธิ กำลังใจ ที่แตกต่างกัน มีผลต่อการตัดสินใจทำอะไรพอสมควร...
และทั้ง 3 สิ่งนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และจำเป็นจะต้องมี ในสถานการณ์ที่ต้องเอาชีวิตรอด!!
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ท้อแท้ และ สิ้นหวังแบบสุดๆ...แค่เพียงกำลังใจเล็กๆน้อยๆ และ การชี้ทางนิดหน่อย...ก็สามารถปลุกทั้ง 3 สิ่งให้ตื่น และ พร้อมที่จะต่อสู้ดิ้นรนต่อไปได้...
หนังเรื่องนี้แทบจะเรียกได้ว่า แบกไว้ด้วยคนเพียงคนเดียว เลยก็ว่าได้...
ซึ่งถ้านักแสดงเล่นได้ไม่ถึงนี่...หนังจะแป๊กและน่าเบื่อกันแบบสุดๆ...
จึงไม่แปลกใจที่ 2 นักแสดงของเรื่องนี้ (เล่นกันจริงๆแค่ 2 คน) จะต้องเป็นระดับ Sandra Bullock และ George Clooney...
เจ๊แสงดาว กับการต้องล่องลอยละลิ่วติ้วๆไปมาทั้งเรื่องแบบนี้...ดูเหมือนว่าบทแบบนี้ใครๆก็เล่นได้...แต่การเล่นโดยที่สีหน้าและท่าทางมันจะต้องตื่นตระหนก และ ทำอะไรไม่ค่อยจะถูก...มันต้องเป็นนักแสดงระดับเทพจริงๆ มันถึงจะดูเนียนตา...
และในช่วงเวลาดราม่า หดหู่...นี่คือช่วงเวลาโชว์ของกันเต็มที่...
รวมทั้ง...เจ๊ยังอวดหุ่นของสาวใหญ่วัย 49 ปีได้...อืมมมมมมมมมมมมมมม...^-^
ถ้าต้นปีหน้าไม่มีชื่อ เจ๊แสงดาว เข้าชิงนำหญิงใน Oscar ครั้งที่ 86 ล่ะก็...มีงอนแน่ๆ!!
ในขณะที่ป๋า George Clooney นั้น...แม้ว่าจะโผล่มาลอยไปพูดไปเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ได้เยอะ...
มาถึงสิ่งที่แฟนๆรอคอยนะครับ...ว่าควรจะรับชมแบบไหนดี??
คราวนี้เรามีโอกาสได้รับชมทั้งแบบ IMAX 3D และ 4DX...
ตัวผมนั้นชมแบบ IMAX 3D (อย่างที่คาดหวังไว้)
และก็สมความปรารถนาจริงๆครับ!!
IMAX ทำให้ห้วงอวกาศที่เวิ้งว้าง และ ดูลึกลับน่ากลัวอยู่แล้ว...มันเวิ้งว้างมากขึ้นหลายเท่า...
3D ก็ทำให้ดูจริงมากขึ้น มีความลึกมากขึ้น และ ก็พุ่งลอยได้น่าชมดีแท้ (โดยเฉพาะช่วงที่อยู่ในยาน)
ในขณะที่ 4DX นั้น...ทีมงานของเราที่ได้รับชมมาได้บอกมาว่า...
“เราเหมือนเข้าไปอยู่ในห้วงอวกาศจริงๆ รู้สึกว่าเราจะโดนเศษขยะอวกาศมาชนที่เราตลอด จนบางทีเราต้องเผลอหลบด้วยซ้ำ บาง Scene ของเรื่องก็จะพาเราเคว้งอยู่กลางอวกาศโดยไม่มีจุดหมายอีกด้วย การสั่น การกระแทกก็ค่อนข้างที่จะสมจริง แต่ต้องระวังหลังของท่านหน่อย อาจจะมีอะไรกระแทกหลังบ้าง ค่อนข้างเจ็บอยู่ครับ แต่โดยรวมแล้วผมถึงว่าโอเคอยู่ครับ”
---------------------------------------------------------------
สรุป : Gravity...เป็นภาพยนตร์อวกาศ ที่สร้างความกดดัน ระทึก อึดอัด และ ใช้สภาพแวดล้อมในการกดดันผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม...ความวินาศบนห้วงอวกาศสมจริง และ น่าสะพรึงกลัว...long take ยิ่งเพิ่มความกดดัน อึดอัด และ ระทึกเป็นทวีคูณ...ช่วงที่ผ่อนคลายความกดดัน กลับมีความหดหู่ สิ้นหวังมาแทนที่...เวลา 90 นาทีของหนังเรื่องนี้ กลับดูยาวไปเลย...และเป็นการเลือกที่ถูกต้อง สำหรับ 2 นักแสดงที่เล่นในเรื่อง!!
และขอเป็นอีก 1 เสียงที่เห็นด้วยตามป๋า James Cameron ที่ออกมาบอกไว้ว่า “นี่เป็นภาพยนตร์อวกาศที่ดีที่สุด เท่าที่เคยมีการสร้างกันมา” นะครับ!!
สามารถเลือกรับประสบการณ์ได้ทั้งแบบ IMAX 3D และ 4DX เลยครับ!! ^-^