เรื่องไททาเนีย (Tytania) ที่ผมพูดถึงนี้เป็นอะนิเมะที่สร้างมาจากนิยายในชื่อเดียวกันของ อ.โยชิกิ ทานากะ (Yoshiki Tanaka) ซึ่งหากใครอยู่ในวงการนี้ก็อาจจะเป็นชื่อที่คุ้นๆ จากผลงานชิ้นเอกอย่างวีรบุรุษทางช้างเผือก (Legend of the Galactic Heroes: LoGH)
ไททาเนียนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับเรื่องวีรบุรุษทางช้างเผือก คือเป็นเรื่องแนว สเปซโอเปร่า (Space Opera) ซึ่งมีความหมาย กว้างๆ ว่า เป็นแนวหนึ่งของนิยายวิทยาศาสตร์ที่มักเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอวกาศที่ห่างไกล ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกัน โดยตัวอย่างที่มักยกขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องแนวนี้ก็คือ สตาร์วอร์ส ของ จอร์จ ลูคัส นั่นเอง
ตามขนบของเรื่องแนวสเปซโอเปร่า ไททาเนียเป็นเรื่องราวในยุคอวกาศอันไกลโพ้น ที่จักรวาลถูกครอบงำด้วยตระกูลตระกูลหนึ่ง คือ ตระกูลไททาเนีย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรื่องนั่นเอง ตระกูลไททาเนียในขณะที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้นำตระกูล (Clan Lord) ชื่อว่าลอร์ดอัจมาน (Lord Ajman) โดยลอร์ดอัจมานมีดยุคสี่คนเป็นที่ปรึกษาและเป็นตัวเต็งที่จะรับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนถัดไป โดยดยุคทั้งสี่คน ประกอบด้วย ดยุคอาเรียเบิร์ต (Duke Ariabert) ผู้เคร่งครัดในจารีตประเพณี ดยุคซาลิช (Duke Zalish) แม่ทัพที่ว่ากันว่ากล้าหาญที่สุดในจักรวาล ดยุคโจสเลน (Duke Jouslain) ผู้ซึ่งยากแก่การคาดเดาความคิด และดยุคไอดริส (Duke Idris) ดยุคที่อายุน้อยที่สุดแต่ก็มีความทะเยอทะยานมาที่สุดเช่นกัน
จุดเริ่มต้นของเรื่องไททาเนียนั้น เริ่มจากตอนแรกที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งนามว่า ยูเรีย (Euria) ก่อการกบฏขึ้น ไททาเนียจึงส่งกองทัพฝ่ายของตน ภายใต้การนำของดยุคเอเรียเบิร์ตไปปราบปราม แต่ในการรบครั้งนั้นที่รู้จักกันในนามการรบที่เซอบีรัส (Battle of Cerberus) กองทัพของไททาเนียที่ไม่เคยพบความพ่ายแพ้มาก่อน กลับพ่ายแพ้ต่อกองทัพของเอสเตอร์ภายใต้การนำของผู้บังคับการ ฟาน ฮิวลิค (Admiral Fan Hyulick)
เรื่องราวของการรบที่เซอร์บีรัสกลายเป็นเรื่องโด่งดังไปทั่วทั้งจักรวาล เช่นเดียวกับชื่อของ ฟาน ฮิวลิค ที่กลายเป็นความหวังของกลุ่มต่อต้านไททาเนีย ในขณะที่ฝั่งไททาเนียก็ต้องการตัวของฮิวลิคเช่นกัน ด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป...
ผมคงจะจบการเล่าเรื่องเพียงเท่านี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียอรรถรถของเนื้อเรื่องมากเกินไป (แต่สำหรับผู้ที่ไม่สนใจเรื่องการรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า สามารถไปอ่านได้ในส่วนที่ 2 ไททาเนีย : ไม่มีใครรู้) มีคนเคยเขียนไว้ว่า เรื่องไททาเนีย อาจไม่ใช่การ์ตูนที่เหมาะกับการให้เด็กดู เพราะเรื่องทั้งเรื่องเต็มไปด้วยการวางแผน และเรื่องราวทางการเมืองที่สลับซับซ้อน จนทำให้เด็กดูไม่รู้เรื่องและเบื่อเอาได้ง่ายๆ สำหรับตัวผมเอง เรื่องไททาเนียนั้น ชวนให้นึกถึงเรื่องสามก๊กเป็นที่สุด ในแง่ของการวางแผนซ้อนแผนกันไปมา ทั้งการต่อสู้และกลยุทธระหว่างฮิวลิคกับฝั่งไททาเนีย และดยุคทั้งสี่ที่ชิงไหวชิงพริบกันเองในการสร้างผลงานให้เข้าตากรรมการ (ซึ่งก็คือลอร์ดอัจมาน) และแอบเลื่อยขาเก้าอี้กันเองแบบเนียนๆ
แม้ว่าจะมีคำท้วงติงอยู่ว่า ตัวละครหลายตัวในเรื่องนี้ถูกวาดขึ้นมาอย่างหล่อเหลาจนดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่ขายความหล่อของตัวละครฝ่ายชาย โดยเฉพาะฮิวลิคกับดยุคทั้งสี่ที่ดูราวกับสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (โดยเฉพาะฉากโชว์การปะทะความหล่อระหว่างฮิวลิคกับดยุคโจสเลนในตอนใกล้จบตอนที่ 21) แต่ว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในหลายๆ ครั้ง ทางแก้ปัญหาของฮิวลิคหรือแผนการต่างๆ ของฝั่งไททาเนียนั้น ก็สามารถทำให้ผู้ชมอึ้งด้วยคำว่า "คิดได้ไง" อยู่หลายคราว
ไททาเนียจึงอาจเรียกได้ว่าเป็นอะเนิเมะที่ ผู้หญิงดูได้ ผู้ชายดูดี อย่างน้อยก็ก่อนที่จะเกิดคำว่า "ดูไททาเนียสาบจบ คบไม่ได้" นั่นแหละครับ
ไททาเนีย : สามก๊กในคราบสุภาพบุรุษจุฑาเทพ
ไททาเนียนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับเรื่องวีรบุรุษทางช้างเผือก คือเป็นเรื่องแนว สเปซโอเปร่า (Space Opera) ซึ่งมีความหมาย กว้างๆ ว่า เป็นแนวหนึ่งของนิยายวิทยาศาสตร์ที่มักเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอวกาศที่ห่างไกล ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกัน โดยตัวอย่างที่มักยกขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องแนวนี้ก็คือ สตาร์วอร์ส ของ จอร์จ ลูคัส นั่นเอง
ตามขนบของเรื่องแนวสเปซโอเปร่า ไททาเนียเป็นเรื่องราวในยุคอวกาศอันไกลโพ้น ที่จักรวาลถูกครอบงำด้วยตระกูลตระกูลหนึ่ง คือ ตระกูลไททาเนีย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรื่องนั่นเอง ตระกูลไททาเนียในขณะที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้นำตระกูล (Clan Lord) ชื่อว่าลอร์ดอัจมาน (Lord Ajman) โดยลอร์ดอัจมานมีดยุคสี่คนเป็นที่ปรึกษาและเป็นตัวเต็งที่จะรับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนถัดไป โดยดยุคทั้งสี่คน ประกอบด้วย ดยุคอาเรียเบิร์ต (Duke Ariabert) ผู้เคร่งครัดในจารีตประเพณี ดยุคซาลิช (Duke Zalish) แม่ทัพที่ว่ากันว่ากล้าหาญที่สุดในจักรวาล ดยุคโจสเลน (Duke Jouslain) ผู้ซึ่งยากแก่การคาดเดาความคิด และดยุคไอดริส (Duke Idris) ดยุคที่อายุน้อยที่สุดแต่ก็มีความทะเยอทะยานมาที่สุดเช่นกัน
จุดเริ่มต้นของเรื่องไททาเนียนั้น เริ่มจากตอนแรกที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งนามว่า ยูเรีย (Euria) ก่อการกบฏขึ้น ไททาเนียจึงส่งกองทัพฝ่ายของตน ภายใต้การนำของดยุคเอเรียเบิร์ตไปปราบปราม แต่ในการรบครั้งนั้นที่รู้จักกันในนามการรบที่เซอบีรัส (Battle of Cerberus) กองทัพของไททาเนียที่ไม่เคยพบความพ่ายแพ้มาก่อน กลับพ่ายแพ้ต่อกองทัพของเอสเตอร์ภายใต้การนำของผู้บังคับการ ฟาน ฮิวลิค (Admiral Fan Hyulick)
เรื่องราวของการรบที่เซอร์บีรัสกลายเป็นเรื่องโด่งดังไปทั่วทั้งจักรวาล เช่นเดียวกับชื่อของ ฟาน ฮิวลิค ที่กลายเป็นความหวังของกลุ่มต่อต้านไททาเนีย ในขณะที่ฝั่งไททาเนียก็ต้องการตัวของฮิวลิคเช่นกัน ด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป...
ผมคงจะจบการเล่าเรื่องเพียงเท่านี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียอรรถรถของเนื้อเรื่องมากเกินไป (แต่สำหรับผู้ที่ไม่สนใจเรื่องการรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า สามารถไปอ่านได้ในส่วนที่ 2 ไททาเนีย : ไม่มีใครรู้) มีคนเคยเขียนไว้ว่า เรื่องไททาเนีย อาจไม่ใช่การ์ตูนที่เหมาะกับการให้เด็กดู เพราะเรื่องทั้งเรื่องเต็มไปด้วยการวางแผน และเรื่องราวทางการเมืองที่สลับซับซ้อน จนทำให้เด็กดูไม่รู้เรื่องและเบื่อเอาได้ง่ายๆ สำหรับตัวผมเอง เรื่องไททาเนียนั้น ชวนให้นึกถึงเรื่องสามก๊กเป็นที่สุด ในแง่ของการวางแผนซ้อนแผนกันไปมา ทั้งการต่อสู้และกลยุทธระหว่างฮิวลิคกับฝั่งไททาเนีย และดยุคทั้งสี่ที่ชิงไหวชิงพริบกันเองในการสร้างผลงานให้เข้าตากรรมการ (ซึ่งก็คือลอร์ดอัจมาน) และแอบเลื่อยขาเก้าอี้กันเองแบบเนียนๆ
แม้ว่าจะมีคำท้วงติงอยู่ว่า ตัวละครหลายตัวในเรื่องนี้ถูกวาดขึ้นมาอย่างหล่อเหลาจนดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่ขายความหล่อของตัวละครฝ่ายชาย โดยเฉพาะฮิวลิคกับดยุคทั้งสี่ที่ดูราวกับสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (โดยเฉพาะฉากโชว์การปะทะความหล่อระหว่างฮิวลิคกับดยุคโจสเลนในตอนใกล้จบตอนที่ 21) แต่ว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในหลายๆ ครั้ง ทางแก้ปัญหาของฮิวลิคหรือแผนการต่างๆ ของฝั่งไททาเนียนั้น ก็สามารถทำให้ผู้ชมอึ้งด้วยคำว่า "คิดได้ไง" อยู่หลายคราว
ไททาเนียจึงอาจเรียกได้ว่าเป็นอะเนิเมะที่ ผู้หญิงดูได้ ผู้ชายดูดี อย่างน้อยก็ก่อนที่จะเกิดคำว่า "ดูไททาเนียสาบจบ คบไม่ได้" นั่นแหละครับ