และแล้วปีแห่งการรอคอยก็มาถึง เมื่อวันที่ 21-23 เราก็ไปได้ดู F1 @ Singapore จนได้
ภาพแรกเมื่ออกจากสนามบิน ตรงไปที่พัก เราไปพบกับถนนมารีนา เบย์ ที่เปลี่ยนเป็นสนามแข่งขัน F1 : Marina Bay Street Circuit (มาริน่า เบย์ สตรีท เซอร์กิต) ที่คืนนี้เราจะมาดูการแข่งขันรอบ Qualify ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าสิงคโปร์เซอร์กิตเป็นสนาม F1 ที่ถือว่าเป็นรายการแรก และเพียงรายการเดียว ในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน F1 ที่จัดแข่งขันในเวลากลางคืน โดยใช้สนามแข่งบนท้องถนน และใช้ระบบขับทวนเข็มนาฬิกาสนามแรกในเอเชีย ซึ่งถือเป็นงานยากแต่ท้าทายสำหรับนักขับ
นั่งอยู่ว่างๆบนรถ ก็ขอทำเล็บให้เข้ากับบรรยากาศคืนนี้ซักนิด เรื่องสวยเดี๋ยวนี้ง่ายดายชะมัด ไม่ต้องไปนั่งเมื่อยเป็นคุณนายในร้านทำเล็บ แค่คุณมีสติ๊กเกอร์ติดเล็บราคาไม่เกิน 20 บาท เล็บก็สวยได้ภายใน 3 นาที ฮี่ๆ
สิ่งแรกที่เราต้องมีในการเข้างาน คือ บัตรผ่านประตู ซึ่งดูวันไหน ใช้วันนั้นนะค่ะ หยิบคล้องคอไปผิดใบ มีหวังได้นั่งหน้าแห้งอยู่ประตูทางเข้าแน่นอน ที่นี่ก็ทันสมัยค่ะ ใช้ระบบยิงบาร์โค้ด เข้า-ออกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าคุณออกไปแล้วอยากเข้ามาใหม่ ก็ลองไปเข้าประตูอื่น แต่เราก็ยังไม่กล้าลองนะ (ถามเจ้าหน้าที่มาเผื่อใครอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกก่อนจบการแข่งขัน )
ประตูทางเข้าก็มีเจ้าหน้าที่ 3 จุด จุดแรก คือ ยิงบาร์โค้ด เชคอินเข้างาน จุดที่ 2 ตรวจ สัมภาระ และจุดสุดท้าย ตรวจเฉพาะผู้ชายค่ะ ว่ามีอาวุธพกเข้ามาหรือเปล่า (จุดนี้ก็ดูจะใช้เวลาซักนิดนึง) ผ้าเป็นผู้หญิงอย่างเราก็เดินตัวปลิวเข้ามาได้เลยจ้า
ระหว่างรอสายตาก็เหลือบไปเห็นเสื้อทีม Red Bull แว๊บแรกเห็นแต่หนุ่มๆกลุ่มใหญ่ หน้าตาละหม้ายคล้าย เซบาสเตียน เวทเทล หลงดีใจนึกว่าเจอนักแข่ง คว้ากล้องจะถ่ายรูป พอดูชัดๆ อ่าวคนดูเหมือนเรานี่นา โถ่ ! เสื้อตัวนี้ในงานมีขายอยู่หลายบูทเลย สนนราคาเบาๆ 150 เหรียญสิงคโปร์ (คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 3,750 บาท)
พอเราได้เข้าไปในงานก็ตรงดิ่งไปที่นั่งนี้เลยค่ะ ถูกสกัดดาวรุ่ง แทบหัวทิ่ม เพราะโซนนี้ บัตรที่เราคล้องคออยู่เข้าไม่ได้จ้า บัตรเราเป็นบัตร VIP สามารถเดินได้ทั่วงานเลยจ้า แต่นั่งบนนั้นไม่ได้เท่านั้นเอง การแบ่งโซนน่าจะดูจากสีบัตร เพราะเห็นหลายคนที่ห้อยสีต่างจากเรา ถึงบางอ้อเลย !
เราก็เลยเดินต่อมาในส่วนของลานกว้าง มีคนจับจองสนามหญ้าหน้าจอ TV ขนาดใหญ่กลางสนามหลายจอที่สามารถนั่งดูได้ชัดทุกมุมกล้อง อยู่ไม่น้อย สันนิฐานว่าบัตรน่าจะสีเดียวกับเรา
ดูจากภาพแล้วก็นึกถึงสนามหลวงบ้านเราเวลาจัดงานนะ บริเวณรอบๆก็มีร้านขายของที่ระลึก บูทขายอาการ เหล้า-เบียร์ เพียบ ก็เลือกที่ปิคนิคตามสบาย ใครใส่นอน นอน ใครใคร่ยืน ยืน
แต่ที่น่าสนใจสำหรับเรามาก ต้องบูทนี้เลย ของ singtel ที่อลังงานงานสร้างด้วยแอร์ที่เย็นช่ำ และทำการตลาดมากกว่าบูทอื่นโดยเอารถ F1 จำลอง มาให้ทดลองขับ กติกาง่ายๆ เพียงคุณควักกระเป๋าตังค์จ่าย 40 เหรียญสิงคโปร์ (คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1000 บาท) คุณจะได้รับพวงกุญแจรถ F1 รุ่น Limited Edition มีให้เลือก 3 สี ที่อยู่ในกล่องเหล็กกลมๆ (ถ้าคนเล่นโมเดลรถน่าจะนึกภาพออกนะ) พร้อมด้วยซิมการ์ด ลาย F1 (เป็นเบอร์ของประเทศสิงค์โปร์นะจ๊ะ) สำคัญที่สุด คือ ได้เล่นเกมส์ขับรถ F1 จากรถจำลอง คันนี้ เจอะคันนี้ฟินเลย บอกตรงรักจุงเบย อยากอวดทุกคนเลย ว่าพบเจ้าของหัวใจ ฮี่ๆ
และแล้วการเริ่มต้นงานก็มาถึง ขณะเราเดินอยู่เพลินๆ ก็มีขบวน อสุจิ (เราคิดเองนะคำนี้) วิ่งผ่านเราไป ตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย เลยเราก็วิ่งตามไปเฉยเลย
หันมาอีกทีเจอเจ้ามังกรนี่วิ่งตามมา พร้อมกับเสียงตะโกนว่า "ขอทางหน่อยคราฟฟฟฟฟฟ" แปลเองเสร็จสรรพ
การแสดงแสง สี เสียง ก้อเริ่มต้นขึ้น เมื่อมังกรตัวนี้ ต้องการที่จะปกป้องโลกใบนี้ไว้
และแล้วก็มีมดยักษ์ โผล่มาจ้องจะทำลายร้าง เจ้ามังกรเลยงัดไม้ตาย กระโดดกัดตูดมด ซะหมดฤทธิ์ไปเลยยยยยยย เฮอๆ
ไม่เพียงเท่านั้น ตั๊กแตนพ่นไฟ ก็อดมาสำแดงเดช
และสัตว์ตัวต่อๆไปก็วนเวียนเข้ามา มังกรก้อไล่กัดกินตั้งแต่เจ้าตัวอสุจิ และอื่นๆ ให้แพ้ภัยไปหมด แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการ โลกหยุดนิ่ง และเริ่มร่วงลง แต่ความหวังไม่เคยหมดไป นางฟ้าแสนสวยก็โบยบิน มากับลูกโป่งสวรรค์ และคนชักลาก 2 คน นางมีความสามารถในการเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างสง่างามจริงๆ นางโชว์ลีลา ตีลังกา หมุนตัวอยู่กลางกาอาศอยู่ซักพักใหญ่ๆ และนางก็ตรงไปที่ลูกโลก ผายมือเบาๆ เหมือนร่ายเวทย์มนต์ เสกให้โลกนี้กลับขึ้นมาสดใสอีกครั้ง
ฉันรักนางจัง
ปิดฉลากความอลังการด้วยการบรรยากาศที่สุดแสนประทับใจ
มาร่วมปกป้องบ้านเมืองของเราให้คงอยู่
แล้วลูกไฟของจริงที่อุณหภูมิร้อนฉ่า วิ่งเข้ามาเป็นขบวน สร้างความตื่นตาตื่นใจ กับการแสดงควงไฟ พ่นไฟ แล้วอยู่ๆทางก็ถูกปิดด้วยคนจำนวนมาก อันนี้เราถึงขั้นต้องเปลี่ยนโหมดเป็นอัด VDO แทน เพราะไม่สามารถเบียดไปยืนแถวหน้าได้เลย ได้แต่เอื้อมมือไปแบบสุดแขน สองเท้าเขย่งดั่งกับตัวเองเป็นนักบัลล์เล่ย์ แล้วมองผ่านหน้าจอมือถือ แต่นับว่าสวยจริง ร้อนจริง ดีแล้วแหละที่ไม่ได้ยืนแถวหน้าสุด !
จบการพิธีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แสดงกระฮึ่มของ รถสูตร 1 ก็เริ่มต้นขึ้น เราไม่รอช้าที่จะไปหาพื้นที่จับตามอง ความเร็วเกือบ 300 รอบเครื่องกว่า 20000 รอบต่อนาที ล้อที่เสียดสีกับพื้นสนามจนเกิดเป็นประกายไฟ ช่างเป็นภาพที่ประทับใจแต่ความไวของกล้องมือถือเราไม่สามารถเก็บภาพนั้นมาฝากได้นะซิ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคราฟ
ด้วยเลือดนักสำรวจของเราที่ทำงานอย่างเต็มที่ ในที่สุดเราก็ได้ตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับค่ำคืนนี้มาเชยชม ขอบอกว่ามุมนี้เด็ดมาก เพราะได้เห็นการเข้าโค้งวัดใจ ที่ทำให้เข้าใจเลยว่าทำไม เซบาสเตียน เวทเทลถึงได้แชมป์โลก 3 สมัย ในการแข่งขันนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วอย่างเดียวจริงๆ ใจต้องกล้าที่จะเสี่ยงด้วย จากที่เรายืนดูรอบของการ Qualify อยู่หลายรอบ จังหวะการเข้าโค้งของแต่ละคัน มีการผ่อนในจังหวะเข้าโค้ง ถ้าวัดกันที่ทางตรงเราให้ทุกคนเท่าเทียมกันหมด
แต่โค้งที่เราได้ยืนเกาะรั้วอยู่นี่แหละ ถือเป็นโค้งวัดใจของนั่งแข่งเลยแล้วกัน ขอใช้คำนี้เลยว่า "ฟิน" สุดๆ ถึงแม้ว่าหูข้างหนึ่งขอเราจะชาไปแล้วก็ตาม
แต่คนที่ฟินยิ่งกว่าเราน่าจะเป็นเจ้านู๋ สองพี่น้องนี่ ที่ดูจะจริงจังกับการแข่งขันจนตัวเอียงตามหน้าจอ ในสนามแข่งจริงนี้ !
เมื่อการแข่งขันจบลง ไม่ว่าคุณจะห้อยบัตรสีไหน สุดท้ายคุณก็จะต้องลงมาที่สนามหญ้าแห่งนี้ ที่ถือว่าบัตร VIP อย่างเราเริ่มได้เปรียบในการจับจองพื้นที่แถวหน้าในการชมคอนเสิร์ตแล้วล่ะ เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นพื้นที่โล่งก็กลายเป็นชุมชนแออัด ที่เปลี่ยนความตื่นเต้นในสนามการแข่งขันมาเป็นจังหวะการโยกย้ายร่างกายไปกับเพลงของนางห่าน รีฮันน่า ที่เล่นปิดท้ายการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
มาดูที่นั่ง VIP ของจริงกันบ้างดีกว่า สำหรับคนที่ต้องการดื่มด่ำ กับบรรยากาศและอาหารรสเลิศ แนะนำ รร. นี้เลยค่ะ The Fullerton Hotel Singapore มีวิวอันสวยงามของเส้นขอบฟ้าเมืองสิงคโปร์ (Singapore) และอ่าว Marina Bay ซึ่งถ้าเป็นช่วงการแข่งขัน F1 นี้ คุณก็จะได้เห็นภาพสนามแข่งขันจากมุมสูงนั่นเอง
ถ้าคุณต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อสวีทกับคู่รักของคุณ แนะนำนี่เลย Singapore Flyer สิงคโปร์ ฟายเยอร์ เป็น ชิงช้าสวรรค์ ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถมองเห็นรอบเมืองสิงคโปร์โดยเฉพาะบริเวณ Marina Bay เป็นมุมที่จะเห็นโรงแรมคล้ายรูปเรือ และ Merlion ในค่ำคืนที่แสนพิเศษของการแข่งขัน F1 ราคา 888 เหรียญสิงคโปร์เท่านั้น (สันนิฐานการคิดราคาน่าจะมาจากเลข 8 ที่ถือเป็นเลขมงคลของคนจีน )
ปิดท้ายภาพสวยๆในยามค่ำคืน ให้สมกับเป็นการแข่งขัน Singapore Grand Prix 2013 Formula 1 Night Race กันหน่อยดีกว่า
และจะหาว่าเรามาไม่ถึงสิงค์โปร์จริงๆ จึงขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันด้วยภาพที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์กันซักนิด
ก่อนที่จะหลอนไปกับ จขกท ปิดท้ายด้วยวิวสวยๆกันเถอะเนอะ
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในปี 2015 ประเทศไทยของเราจะได้เป็นเจ้าภาพ สู่ F1 Grand Prix of Thailand
PHOTOGRAPHER : PLATHONG-TATEE
TAKEN WITH SAMSUNG NOTE 2
เกาะรั้วดู F1
นั่งอยู่ว่างๆบนรถ ก็ขอทำเล็บให้เข้ากับบรรยากาศคืนนี้ซักนิด เรื่องสวยเดี๋ยวนี้ง่ายดายชะมัด ไม่ต้องไปนั่งเมื่อยเป็นคุณนายในร้านทำเล็บ แค่คุณมีสติ๊กเกอร์ติดเล็บราคาไม่เกิน 20 บาท เล็บก็สวยได้ภายใน 3 นาที ฮี่ๆ
สิ่งแรกที่เราต้องมีในการเข้างาน คือ บัตรผ่านประตู ซึ่งดูวันไหน ใช้วันนั้นนะค่ะ หยิบคล้องคอไปผิดใบ มีหวังได้นั่งหน้าแห้งอยู่ประตูทางเข้าแน่นอน ที่นี่ก็ทันสมัยค่ะ ใช้ระบบยิงบาร์โค้ด เข้า-ออกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าคุณออกไปแล้วอยากเข้ามาใหม่ ก็ลองไปเข้าประตูอื่น แต่เราก็ยังไม่กล้าลองนะ (ถามเจ้าหน้าที่มาเผื่อใครอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกก่อนจบการแข่งขัน )
ระหว่างรอสายตาก็เหลือบไปเห็นเสื้อทีม Red Bull แว๊บแรกเห็นแต่หนุ่มๆกลุ่มใหญ่ หน้าตาละหม้ายคล้าย เซบาสเตียน เวทเทล หลงดีใจนึกว่าเจอนักแข่ง คว้ากล้องจะถ่ายรูป พอดูชัดๆ อ่าวคนดูเหมือนเรานี่นา โถ่ ! เสื้อตัวนี้ในงานมีขายอยู่หลายบูทเลย สนนราคาเบาๆ 150 เหรียญสิงคโปร์ (คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 3,750 บาท)
พอเราได้เข้าไปในงานก็ตรงดิ่งไปที่นั่งนี้เลยค่ะ ถูกสกัดดาวรุ่ง แทบหัวทิ่ม เพราะโซนนี้ บัตรที่เราคล้องคออยู่เข้าไม่ได้จ้า บัตรเราเป็นบัตร VIP สามารถเดินได้ทั่วงานเลยจ้า แต่นั่งบนนั้นไม่ได้เท่านั้นเอง การแบ่งโซนน่าจะดูจากสีบัตร เพราะเห็นหลายคนที่ห้อยสีต่างจากเรา ถึงบางอ้อเลย !
เราก็เลยเดินต่อมาในส่วนของลานกว้าง มีคนจับจองสนามหญ้าหน้าจอ TV ขนาดใหญ่กลางสนามหลายจอที่สามารถนั่งดูได้ชัดทุกมุมกล้อง อยู่ไม่น้อย สันนิฐานว่าบัตรน่าจะสีเดียวกับเรา
ดูจากภาพแล้วก็นึกถึงสนามหลวงบ้านเราเวลาจัดงานนะ บริเวณรอบๆก็มีร้านขายของที่ระลึก บูทขายอาการ เหล้า-เบียร์ เพียบ ก็เลือกที่ปิคนิคตามสบาย ใครใส่นอน นอน ใครใคร่ยืน ยืน
แต่ที่น่าสนใจสำหรับเรามาก ต้องบูทนี้เลย ของ singtel ที่อลังงานงานสร้างด้วยแอร์ที่เย็นช่ำ และทำการตลาดมากกว่าบูทอื่นโดยเอารถ F1 จำลอง มาให้ทดลองขับ กติกาง่ายๆ เพียงคุณควักกระเป๋าตังค์จ่าย 40 เหรียญสิงคโปร์ (คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1000 บาท) คุณจะได้รับพวงกุญแจรถ F1 รุ่น Limited Edition มีให้เลือก 3 สี ที่อยู่ในกล่องเหล็กกลมๆ (ถ้าคนเล่นโมเดลรถน่าจะนึกภาพออกนะ) พร้อมด้วยซิมการ์ด ลาย F1 (เป็นเบอร์ของประเทศสิงค์โปร์นะจ๊ะ) สำคัญที่สุด คือ ได้เล่นเกมส์ขับรถ F1 จากรถจำลอง คันนี้ เจอะคันนี้ฟินเลย บอกตรงรักจุงเบย อยากอวดทุกคนเลย ว่าพบเจ้าของหัวใจ ฮี่ๆ
และแล้วการเริ่มต้นงานก็มาถึง ขณะเราเดินอยู่เพลินๆ ก็มีขบวน อสุจิ (เราคิดเองนะคำนี้) วิ่งผ่านเราไป ตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย เลยเราก็วิ่งตามไปเฉยเลย
หันมาอีกทีเจอเจ้ามังกรนี่วิ่งตามมา พร้อมกับเสียงตะโกนว่า "ขอทางหน่อยคราฟฟฟฟฟฟ" แปลเองเสร็จสรรพ
การแสดงแสง สี เสียง ก้อเริ่มต้นขึ้น เมื่อมังกรตัวนี้ ต้องการที่จะปกป้องโลกใบนี้ไว้
และแล้วก็มีมดยักษ์ โผล่มาจ้องจะทำลายร้าง เจ้ามังกรเลยงัดไม้ตาย กระโดดกัดตูดมด ซะหมดฤทธิ์ไปเลยยยยยยย เฮอๆ
ไม่เพียงเท่านั้น ตั๊กแตนพ่นไฟ ก็อดมาสำแดงเดช
และสัตว์ตัวต่อๆไปก็วนเวียนเข้ามา มังกรก้อไล่กัดกินตั้งแต่เจ้าตัวอสุจิ และอื่นๆ ให้แพ้ภัยไปหมด แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการ โลกหยุดนิ่ง และเริ่มร่วงลง แต่ความหวังไม่เคยหมดไป นางฟ้าแสนสวยก็โบยบิน มากับลูกโป่งสวรรค์ และคนชักลาก 2 คน นางมีความสามารถในการเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างสง่างามจริงๆ นางโชว์ลีลา ตีลังกา หมุนตัวอยู่กลางกาอาศอยู่ซักพักใหญ่ๆ และนางก็ตรงไปที่ลูกโลก ผายมือเบาๆ เหมือนร่ายเวทย์มนต์ เสกให้โลกนี้กลับขึ้นมาสดใสอีกครั้ง ฉันรักนางจัง
ปิดฉลากความอลังการด้วยการบรรยากาศที่สุดแสนประทับใจ มาร่วมปกป้องบ้านเมืองของเราให้คงอยู่
แล้วลูกไฟของจริงที่อุณหภูมิร้อนฉ่า วิ่งเข้ามาเป็นขบวน สร้างความตื่นตาตื่นใจ กับการแสดงควงไฟ พ่นไฟ แล้วอยู่ๆทางก็ถูกปิดด้วยคนจำนวนมาก อันนี้เราถึงขั้นต้องเปลี่ยนโหมดเป็นอัด VDO แทน เพราะไม่สามารถเบียดไปยืนแถวหน้าได้เลย ได้แต่เอื้อมมือไปแบบสุดแขน สองเท้าเขย่งดั่งกับตัวเองเป็นนักบัลล์เล่ย์ แล้วมองผ่านหน้าจอมือถือ แต่นับว่าสวยจริง ร้อนจริง ดีแล้วแหละที่ไม่ได้ยืนแถวหน้าสุด !
จบการพิธีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แสดงกระฮึ่มของ รถสูตร 1 ก็เริ่มต้นขึ้น เราไม่รอช้าที่จะไปหาพื้นที่จับตามอง ความเร็วเกือบ 300 รอบเครื่องกว่า 20000 รอบต่อนาที ล้อที่เสียดสีกับพื้นสนามจนเกิดเป็นประกายไฟ ช่างเป็นภาพที่ประทับใจแต่ความไวของกล้องมือถือเราไม่สามารถเก็บภาพนั้นมาฝากได้นะซิ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคราฟ
ด้วยเลือดนักสำรวจของเราที่ทำงานอย่างเต็มที่ ในที่สุดเราก็ได้ตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับค่ำคืนนี้มาเชยชม ขอบอกว่ามุมนี้เด็ดมาก เพราะได้เห็นการเข้าโค้งวัดใจ ที่ทำให้เข้าใจเลยว่าทำไม เซบาสเตียน เวทเทลถึงได้แชมป์โลก 3 สมัย ในการแข่งขันนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วอย่างเดียวจริงๆ ใจต้องกล้าที่จะเสี่ยงด้วย จากที่เรายืนดูรอบของการ Qualify อยู่หลายรอบ จังหวะการเข้าโค้งของแต่ละคัน มีการผ่อนในจังหวะเข้าโค้ง ถ้าวัดกันที่ทางตรงเราให้ทุกคนเท่าเทียมกันหมด แต่โค้งที่เราได้ยืนเกาะรั้วอยู่นี่แหละ ถือเป็นโค้งวัดใจของนั่งแข่งเลยแล้วกัน ขอใช้คำนี้เลยว่า "ฟิน" สุดๆ ถึงแม้ว่าหูข้างหนึ่งขอเราจะชาไปแล้วก็ตาม
แต่คนที่ฟินยิ่งกว่าเราน่าจะเป็นเจ้านู๋ สองพี่น้องนี่ ที่ดูจะจริงจังกับการแข่งขันจนตัวเอียงตามหน้าจอ ในสนามแข่งจริงนี้ !
เมื่อการแข่งขันจบลง ไม่ว่าคุณจะห้อยบัตรสีไหน สุดท้ายคุณก็จะต้องลงมาที่สนามหญ้าแห่งนี้ ที่ถือว่าบัตร VIP อย่างเราเริ่มได้เปรียบในการจับจองพื้นที่แถวหน้าในการชมคอนเสิร์ตแล้วล่ะ เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นพื้นที่โล่งก็กลายเป็นชุมชนแออัด ที่เปลี่ยนความตื่นเต้นในสนามการแข่งขันมาเป็นจังหวะการโยกย้ายร่างกายไปกับเพลงของนางห่าน รีฮันน่า ที่เล่นปิดท้ายการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
มาดูที่นั่ง VIP ของจริงกันบ้างดีกว่า สำหรับคนที่ต้องการดื่มด่ำ กับบรรยากาศและอาหารรสเลิศ แนะนำ รร. นี้เลยค่ะ The Fullerton Hotel Singapore มีวิวอันสวยงามของเส้นขอบฟ้าเมืองสิงคโปร์ (Singapore) และอ่าว Marina Bay ซึ่งถ้าเป็นช่วงการแข่งขัน F1 นี้ คุณก็จะได้เห็นภาพสนามแข่งขันจากมุมสูงนั่นเอง
ถ้าคุณต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อสวีทกับคู่รักของคุณ แนะนำนี่เลย Singapore Flyer สิงคโปร์ ฟายเยอร์ เป็น ชิงช้าสวรรค์ ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถมองเห็นรอบเมืองสิงคโปร์โดยเฉพาะบริเวณ Marina Bay เป็นมุมที่จะเห็นโรงแรมคล้ายรูปเรือ และ Merlion ในค่ำคืนที่แสนพิเศษของการแข่งขัน F1 ราคา 888 เหรียญสิงคโปร์เท่านั้น (สันนิฐานการคิดราคาน่าจะมาจากเลข 8 ที่ถือเป็นเลขมงคลของคนจีน )
ปิดท้ายภาพสวยๆในยามค่ำคืน ให้สมกับเป็นการแข่งขัน Singapore Grand Prix 2013 Formula 1 Night Race กันหน่อยดีกว่า
และจะหาว่าเรามาไม่ถึงสิงค์โปร์จริงๆ จึงขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันด้วยภาพที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์กันซักนิด
ก่อนที่จะหลอนไปกับ จขกท ปิดท้ายด้วยวิวสวยๆกันเถอะเนอะ
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในปี 2015 ประเทศไทยของเราจะได้เป็นเจ้าภาพ สู่ F1 Grand Prix of Thailand
PHOTOGRAPHER : PLATHONG-TATEE
TAKEN WITH SAMSUNG NOTE 2