เกริ่น
ก่อนอื่น ขอแวะที่ศาลรัฐธรรมนูยก่อนครับ
ผมรู้สึกสมเพช รังเกียจ สะอิดสะเอียน ขยะแขยงศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างมากครับ
ในองค์กร ก็มีแต่เรื่องเลว ๆ เช่น เรื่องรับบุคคลเข้าทำงานแบบเอาข้อสอบไปให้กันถึงบ้าน
เรื่องคลิปพูดจาปราศรัยกันแบบจิ๊กโก๋ปากซอยด้วยภาษาพ่อขุน
เรื่องเอาลูกมากินเงินเดือนแพง ๆ แถมขนาดไปเรียนต่างประเทศยังรับเงินเดือนหน้าตาเฉย
แล้วยังหน้าด้านอ้างว่า ที่เอาลูกมาทำงานด้วยก็เพราะเป็นการรักษาความลับ
(แบบนี้ ซีไอเอ คงมีแต่ตระกูลฮูเวอร์สินะ)
นอกองค์กร คือเรื่องการปฏิบัติงาน การตีความกฎหมายแบบตะแบง ตีความแบบขยายอำนาจตัวเองอย่างเกินเลย
อย่างเรื่องมาตรา 68 ก็ตะแบงไปว่า ยื่นคำร้องต่อศาลโดยตรงหรือผ่านอัยการก็ได้
แล้วก็ตะแบงทำผิดรัฐธรรมนูญซ้ำซาก ด้วยการรับคำร้องโดยตรงซะเอง
เป็นการรวบอำนาจจากอัยการแบบน่ารังเกียจที่สุด
อ่านให้ตาย ตีความตามตัวอักษร ดูเจตนารมณ์การร่าง มันก็ชัดว่า ต้องยื่นอัยการ
แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็หน้าด้าน ตะแบงตีความแบบไม่เคารพกฎหมาย ไม่กลัวความผิด
สำคัญสุด คือพฤติกรรมที่ส่อให้สาธารณะเห็นเสมอ ๆ ว่า มุ่งรับใช้ ทำตัวเป็น "ขี้ข้า" ฝ่ายเผด็จการอย่างไร้ยางอาย
อีกเยอะครับ ขี้เกียจสาธยาย
.......
เข้าเรื่อง
สถานการณ์บ้านเมือง ณ วันนี้ ผมคิดว่าอยู่ในช่วงรอ "สัญญาณ" จากอำนาจนอกระบบ อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญเท่านั้นครับ
ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระ
ศาลรัฐธรรมนูญตะบันรับเรื่องแทบทุกเรื่องที่ฝ่ายเผด็จการยื่นคำร้อง
ทำไมถึงรับ ?
ก็หากไม่รับ เรื่องนั้น ๆ ก็จะตกไป จบไป ผ่านไป ไม่มีโอกาสหยิบยกขึ้นมาเล่นงานรัฐบาลเพื่อไทยได้
แต่หากรับไว้ หากมี "สัญญาณ" ว่าให้จัดการ ก็จะได้หยิบขึ้นมาจัดการทันที หากไม่มีสัญญาณก็แล้วไป ยกคำร้อง
องค์กรอิสระก็เช่นเดียวกันครับ
ฉะนั้น
บ้านเมืองจะเดินสู่จุดใด ตอนนี้ผมว่าขึ้นอยู่กับ "อำนาจนอกระบบ เหนือรัฐธรรมนูญ" เท่านั้นเองครับ
ตัดสินใจดีก็ดีไป ตัดสินใจไม่ดีก็มีเรื่อง เท่านั้นเอง
เจ็ดปีที่ผ่านมา
อำนาจนอกระบบตัดสินใจผิดพลาดมาตลอดครับ ตกยุค ไม่เข้าใจประชาชนและสังคมโลก
มุ่งตอบสนองความต้องการของอำนาจเองเป็นหลัก บ้านเมืองถึงได้ตกอยู่ในหลุมแห่งปัญหาอย่างหนักถึงทุกวันนี้
ผิดทุกเรื่อง บริหารจัดการผิดทุกเรื่อง
เริ่มตั้งแต่รัฐประหาร 2549 จนถึงเหตุการณ์ 99 ศพ บาดเจ็บสองพัน
ผิดในเรื่องการเอาตุลาการมายุ่งพัวพันการเมือง รับใช้การเมือง (ตุลาการก็ตำบอนเกินไป รับใช้แบบไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร)
ผิดในเรื่องการสร้างสถานการณ์ทางการเมืองเพื่อทำลายล้าง โดยไม่คิดว่าทำให้บ้านเมืองขัดแย้งแตกแยกอย่างหนัก
ยังทันครับ
แต่หากยังคิดไม่ได้ แก่แล้วยังวางไม่ลง
ก็มีแต่เรือหายเท่านั้นครับที่รออยู่
ทุกวันนี้ก็เรือหายชนิดหมาไหว้ไม่ลงแล้ว
คนรักก็มีครับ มีอยู่เยอะ แต่คนที่เขาเห็นเขารู้เขาเกลียดก็มีเยอะเช่นเดียวกัน
ประเด็นก็คือ เมื่ออำนาจเลือกที่จะอ่านหนังสือกลับหัวแล้วอ้างว่าคนยังรัก มันจะไปได้สักกี่น้ำครับ
อ่านหนังสือแบบคนปกติอ่านดีกว่าครับ นั่นแหละถึงจะเป็นสิ่งถูกต้องสำหรับอำนาจและบ้านเมือง
เมื่อย จบ
...................................
ขากลับ ขอแวะ กสม. (คณะกรรมการสิทธิ
อมนุษยชน) สักนิดครับ
เขาให้เป็นช่างทอง
กลับผิดครรลองเป็นชาวไร่
ปลูกต้นเผด็จการสำราญใจ
สืบเชื้อลูกไม้อันร้ายพิษ
หน้าด้านและใจดำ
เมินผู้ถูกกระทำหยามย่ำสิทธิ์
เจ็บตายไม่แลแม้สักนิด
เพียงคิดตอบโจทย์ประโยชน์ตน
ไอ้พวกเ
ปลว
สถานการณ์การเมือง ณ วันนี้ อยู่ที่ "สัญญาณ" เท่านั้นครับ (คนแก่ตัดสินใจให้ดีก็แล้วกัน)
ก่อนอื่น ขอแวะที่ศาลรัฐธรรมนูยก่อนครับ
ผมรู้สึกสมเพช รังเกียจ สะอิดสะเอียน ขยะแขยงศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างมากครับ
ในองค์กร ก็มีแต่เรื่องเลว ๆ เช่น เรื่องรับบุคคลเข้าทำงานแบบเอาข้อสอบไปให้กันถึงบ้าน
เรื่องคลิปพูดจาปราศรัยกันแบบจิ๊กโก๋ปากซอยด้วยภาษาพ่อขุน
เรื่องเอาลูกมากินเงินเดือนแพง ๆ แถมขนาดไปเรียนต่างประเทศยังรับเงินเดือนหน้าตาเฉย
แล้วยังหน้าด้านอ้างว่า ที่เอาลูกมาทำงานด้วยก็เพราะเป็นการรักษาความลับ
(แบบนี้ ซีไอเอ คงมีแต่ตระกูลฮูเวอร์สินะ)
นอกองค์กร คือเรื่องการปฏิบัติงาน การตีความกฎหมายแบบตะแบง ตีความแบบขยายอำนาจตัวเองอย่างเกินเลย
อย่างเรื่องมาตรา 68 ก็ตะแบงไปว่า ยื่นคำร้องต่อศาลโดยตรงหรือผ่านอัยการก็ได้
แล้วก็ตะแบงทำผิดรัฐธรรมนูญซ้ำซาก ด้วยการรับคำร้องโดยตรงซะเอง
เป็นการรวบอำนาจจากอัยการแบบน่ารังเกียจที่สุด
อ่านให้ตาย ตีความตามตัวอักษร ดูเจตนารมณ์การร่าง มันก็ชัดว่า ต้องยื่นอัยการ
แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็หน้าด้าน ตะแบงตีความแบบไม่เคารพกฎหมาย ไม่กลัวความผิด
สำคัญสุด คือพฤติกรรมที่ส่อให้สาธารณะเห็นเสมอ ๆ ว่า มุ่งรับใช้ ทำตัวเป็น "ขี้ข้า" ฝ่ายเผด็จการอย่างไร้ยางอาย
อีกเยอะครับ ขี้เกียจสาธยาย
.......
เข้าเรื่อง
สถานการณ์บ้านเมือง ณ วันนี้ ผมคิดว่าอยู่ในช่วงรอ "สัญญาณ" จากอำนาจนอกระบบ อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญเท่านั้นครับ
ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระ
ศาลรัฐธรรมนูญตะบันรับเรื่องแทบทุกเรื่องที่ฝ่ายเผด็จการยื่นคำร้อง
ทำไมถึงรับ ?
ก็หากไม่รับ เรื่องนั้น ๆ ก็จะตกไป จบไป ผ่านไป ไม่มีโอกาสหยิบยกขึ้นมาเล่นงานรัฐบาลเพื่อไทยได้
แต่หากรับไว้ หากมี "สัญญาณ" ว่าให้จัดการ ก็จะได้หยิบขึ้นมาจัดการทันที หากไม่มีสัญญาณก็แล้วไป ยกคำร้อง
องค์กรอิสระก็เช่นเดียวกันครับ
ฉะนั้น
บ้านเมืองจะเดินสู่จุดใด ตอนนี้ผมว่าขึ้นอยู่กับ "อำนาจนอกระบบ เหนือรัฐธรรมนูญ" เท่านั้นเองครับ
ตัดสินใจดีก็ดีไป ตัดสินใจไม่ดีก็มีเรื่อง เท่านั้นเอง
เจ็ดปีที่ผ่านมา
อำนาจนอกระบบตัดสินใจผิดพลาดมาตลอดครับ ตกยุค ไม่เข้าใจประชาชนและสังคมโลก
มุ่งตอบสนองความต้องการของอำนาจเองเป็นหลัก บ้านเมืองถึงได้ตกอยู่ในหลุมแห่งปัญหาอย่างหนักถึงทุกวันนี้
ผิดทุกเรื่อง บริหารจัดการผิดทุกเรื่อง
เริ่มตั้งแต่รัฐประหาร 2549 จนถึงเหตุการณ์ 99 ศพ บาดเจ็บสองพัน
ผิดในเรื่องการเอาตุลาการมายุ่งพัวพันการเมือง รับใช้การเมือง (ตุลาการก็ตำบอนเกินไป รับใช้แบบไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร)
ผิดในเรื่องการสร้างสถานการณ์ทางการเมืองเพื่อทำลายล้าง โดยไม่คิดว่าทำให้บ้านเมืองขัดแย้งแตกแยกอย่างหนัก
ยังทันครับ
แต่หากยังคิดไม่ได้ แก่แล้วยังวางไม่ลง
ก็มีแต่เรือหายเท่านั้นครับที่รออยู่
ทุกวันนี้ก็เรือหายชนิดหมาไหว้ไม่ลงแล้ว
คนรักก็มีครับ มีอยู่เยอะ แต่คนที่เขาเห็นเขารู้เขาเกลียดก็มีเยอะเช่นเดียวกัน
ประเด็นก็คือ เมื่ออำนาจเลือกที่จะอ่านหนังสือกลับหัวแล้วอ้างว่าคนยังรัก มันจะไปได้สักกี่น้ำครับ
อ่านหนังสือแบบคนปกติอ่านดีกว่าครับ นั่นแหละถึงจะเป็นสิ่งถูกต้องสำหรับอำนาจและบ้านเมือง
เมื่อย จบ
...................................
ขากลับ ขอแวะ กสม. (คณะกรรมการสิทธิอมนุษยชน) สักนิดครับ
กลับผิดครรลองเป็นชาวไร่
ปลูกต้นเผด็จการสำราญใจ
สืบเชื้อลูกไม้อันร้ายพิษ
หน้าด้านและใจดำ
เมินผู้ถูกกระทำหยามย่ำสิทธิ์
เจ็บตายไม่แลแม้สักนิด
เพียงคิดตอบโจทย์ประโยชน์ตน
ไอ้พวกเปลว