นานมาแล้วมีคนเล่าให้ผมฟังว่า ผู้ชมที่ไปดูการแข่งฟอร์มูล่าวันเกินครึ่งคาดหวังที่จะได้เห็นอุบัติเหตุ บวกกับสถิติที่ว่าทุกปีจะมีนักแข่งรถในฟอร์มูล่าเสียชีวิตปีละ2คน ทำให้การแข่งฟอร์มูล่าวันเป็นกีฬาที่อันตรายที่สุดกีฬาหนึ่งของโลก โอกาสในการเสี่ยงชีวิตของนักแข่งทุกคนอยู่ที่20%ต่อการแข่ง1ครั้ง ซึ่งพวกเขายอมรับมัน
Rush สร้างจากเรื่องจริงของ2อดีตนักแข่งฟอร์มูล่าวันในช่วงปี 1970 ยุคทองของกีฬาชนิดนี้ เจมส์ ฮันท์ กับ นิกิ เลาดา ทั้งคู่เป็นศัตรูกันตลอดระยะเวลา1ทศวรรต ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม กระนั้นคู่ปรับคู่นี่กับมีความแตกต่างกันมากมาย
เจมส์ ฮันท์ (คริส เฮมเวิร์ท) นักแข่งรถชาวอังกฤษ นอกสนามเป็นหนุ่มเพลย์บอย ชอบปาร์ตี้ เอาแต่ใจ มุทะลุดุดัน ในสนามเขาเป็นนักแข่งรถที่กล้า บ้าบิ่น พร้อมเสี่ยงเพื่อชัยชนะ ขณะที่ นิกิ เลาดา (แดเนียล บรูห์) นอกสนามเป็นคนเย่อหยิ่ง ปากไม่ดี ชอบดูถูกคน เพื่อนไม่คบ ส่วนในสนาม เขาเป็นคนฉลาด อดทน มีวินัย
หนังเล่าย้อนไปถึงตอนที่ทั้งคู่ยังแข่งรถในฟอร์มูล่าลีกล่าง ก่อนจะค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาฟอร์มูล่าวัน ด้วยวิธีการคนละแบบ ตัดสลับกับชีวิตนอกสนามที่ต่างก็พบเจอปัญหาพอๆกัน จุดหักเหในชีวิตของพวกเขามาถึงในวันที่แข่งในสนามประเทศเยอรมันนี ฝนตกลงมาหนักมาก นิกิ ซึ่งแต้มนำอยู่และเพิ่งแต่งงานรู้สึกว่าโอกาสในการเสียชีวิตเกิน20%ซึ่งมากกว่าที่เขาจะยอมรับ แต่ เจมส์ ไม่เห็นด้วย เขาอ้างว่าหากงดแข่ง นิกิ จะได้เปรียบคู่แข่งในการเก็บแต้มช่วงสุดท้าของฤดูกาล เจมส์ เสนอให้มีการโหวต และเขาได้เสียงสนับสนุนให้แข่งต่อ
นักแข่งทุกคนต้องขับรถที่เบาบางแต่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็ว300-400กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไร้อุปกรณ์ป้องกัน นอกจากหมวกกันน็อคกับชุดกันไฟ ในสภาพฝนตกหนักกับสนามโบราณ ถนนไม่ดี โค้งมากจนเป็นที่กล่าวขานว่าคือสุสานของนักแข่งรถ หลายคนเห็นว่านี่มันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
บทหนังทำได้ดีมาก แม้จะเป็นการเล่าจากเรื่องจริง แต่มีสีสันและครบทุกอารมณ์ ดำเนินเรื่องได้สนุก บทสนทนาเข้าใจง่ายขนาดที่ว่าผู้ชายที่ไม่ชอบเกี่ยวกับรถ ความเร็ว หรือแม้แต่ผู้หญิงก็สามารถอินกับหนังได้ง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ชอบรถแข่ง ชอบเรื่องรถ หนังเรื่องนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
การแสดงของ คริส เฮมเวิร์ท นับว่ายอดเยี่ยม เขาสลัดภาพ เทพเจ้าถือค้อน ออกมาได้หมด (แม้จะอยู่ในลุคผมทรงเดียวกัน) คนดูเชื่อได้ว่าเขาคือนักแข่งรถ แต่ที่น่าจับตาคือ แดเนียล บรูห์ กับบทเด่นเป็นครั้งแรกในชีวิต ถือว่าเล่นได้ดีมาก เข้าถึงอารมณ์ การประกบกับ ซูเปอร์สตาร์ไม่สร้างปัญหาใดๆเลย นอกจากนั้น เขายังฉายแสง
ที่จะเป็นดาวดวงใหม่ในวงการฮอลลีวู้ด
นอกจากการกำกับอย่างปราณีตของ รอน ฮาวเวิร์ด และบทชั้นยอดของ ปีเตอร์ มอร์แกน ทีมผู้สร้าง Fast and furious ไม่ทำให้ฝึดหวังทั้งเรื่องการถ่ายภาพ เสียงประกอบ การตัดต่อ Rush จึงเป็นหนังที่ดูสนุกราวกับว่าคุณได้นั่งอยู่ในสนามแข่งของฟอร์มูล่า
ชีวิตของทั้งคู่เป็นคู่แข่งในชีวิตกันอย่างแท้จริง เจมส์ มีความสุขกับการใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง นิกิ มีความสุขกับชีวิตเรียบง่าย เป้าหมายในชีวิตหนึ่งเดียวของพวกเขาคือแชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน ซึ่งที่จริงมันก็คือชื่อเสียงและการยอมรับ ทว่า ลึกๆแล้วสิ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกันจริงๆอาจเป็น ความโดดเดี่ยว การจับจ้องทุกฝีก้าวของกันและกัน หากไม่ใช่ศัตรูที่เกลียดกันมากก็เป็นเพื่อนที่รักกันมาก แม้ภายนอกคนอื่นจะดูว่าเขาเกลียดกันแค่ไหน ใครเลยจะรู้ว่าพวกเขาห่วงใยกันและกันที่สุด
การที่ในชีวิตเรามีศัตรูคู่แข่งในทุกด่านของชีวิต ข้อดีของมันก็คือการผลักดันกันและกันไปข้างหน้า เหมือนสามก๊กที่มี ขงเบ้ง กับ จิวยี่ โลกฟุตบอลที่มี โรนัลโด้ กับ เมสซี่ พวกเขาคงไปไหนไม่ได้ไกล หากไม่มีแรงกดดันจากอีกฝ่าย
สิ่งที่ผู้ชายทุกคนหลงใหลที่สุด อาจไม่ใช่ ผู้หญิง หรือ รถยนต์ แต่คือการแข่งขัน ชายสองคนอยู่หลังเพียงแค่พวงมาลัย พวกเขานั่งในวัตถุที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดในโลก และมีความสุขกับการได้อยู่นำหน้าคนอื่น
คะแนน 9/10 โดย นกไซเบอร์
วิจารณ์หนัง : RUSH ศัตรูที่รัก
นานมาแล้วมีคนเล่าให้ผมฟังว่า ผู้ชมที่ไปดูการแข่งฟอร์มูล่าวันเกินครึ่งคาดหวังที่จะได้เห็นอุบัติเหตุ บวกกับสถิติที่ว่าทุกปีจะมีนักแข่งรถในฟอร์มูล่าเสียชีวิตปีละ2คน ทำให้การแข่งฟอร์มูล่าวันเป็นกีฬาที่อันตรายที่สุดกีฬาหนึ่งของโลก โอกาสในการเสี่ยงชีวิตของนักแข่งทุกคนอยู่ที่20%ต่อการแข่ง1ครั้ง ซึ่งพวกเขายอมรับมัน
Rush สร้างจากเรื่องจริงของ2อดีตนักแข่งฟอร์มูล่าวันในช่วงปี 1970 ยุคทองของกีฬาชนิดนี้ เจมส์ ฮันท์ กับ นิกิ เลาดา ทั้งคู่เป็นศัตรูกันตลอดระยะเวลา1ทศวรรต ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม กระนั้นคู่ปรับคู่นี่กับมีความแตกต่างกันมากมาย
เจมส์ ฮันท์ (คริส เฮมเวิร์ท) นักแข่งรถชาวอังกฤษ นอกสนามเป็นหนุ่มเพลย์บอย ชอบปาร์ตี้ เอาแต่ใจ มุทะลุดุดัน ในสนามเขาเป็นนักแข่งรถที่กล้า บ้าบิ่น พร้อมเสี่ยงเพื่อชัยชนะ ขณะที่ นิกิ เลาดา (แดเนียล บรูห์) นอกสนามเป็นคนเย่อหยิ่ง ปากไม่ดี ชอบดูถูกคน เพื่อนไม่คบ ส่วนในสนาม เขาเป็นคนฉลาด อดทน มีวินัย
หนังเล่าย้อนไปถึงตอนที่ทั้งคู่ยังแข่งรถในฟอร์มูล่าลีกล่าง ก่อนจะค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาฟอร์มูล่าวัน ด้วยวิธีการคนละแบบ ตัดสลับกับชีวิตนอกสนามที่ต่างก็พบเจอปัญหาพอๆกัน จุดหักเหในชีวิตของพวกเขามาถึงในวันที่แข่งในสนามประเทศเยอรมันนี ฝนตกลงมาหนักมาก นิกิ ซึ่งแต้มนำอยู่และเพิ่งแต่งงานรู้สึกว่าโอกาสในการเสียชีวิตเกิน20%ซึ่งมากกว่าที่เขาจะยอมรับ แต่ เจมส์ ไม่เห็นด้วย เขาอ้างว่าหากงดแข่ง นิกิ จะได้เปรียบคู่แข่งในการเก็บแต้มช่วงสุดท้าของฤดูกาล เจมส์ เสนอให้มีการโหวต และเขาได้เสียงสนับสนุนให้แข่งต่อ
นักแข่งทุกคนต้องขับรถที่เบาบางแต่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็ว300-400กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไร้อุปกรณ์ป้องกัน นอกจากหมวกกันน็อคกับชุดกันไฟ ในสภาพฝนตกหนักกับสนามโบราณ ถนนไม่ดี โค้งมากจนเป็นที่กล่าวขานว่าคือสุสานของนักแข่งรถ หลายคนเห็นว่านี่มันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
บทหนังทำได้ดีมาก แม้จะเป็นการเล่าจากเรื่องจริง แต่มีสีสันและครบทุกอารมณ์ ดำเนินเรื่องได้สนุก บทสนทนาเข้าใจง่ายขนาดที่ว่าผู้ชายที่ไม่ชอบเกี่ยวกับรถ ความเร็ว หรือแม้แต่ผู้หญิงก็สามารถอินกับหนังได้ง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ชอบรถแข่ง ชอบเรื่องรถ หนังเรื่องนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
การแสดงของ คริส เฮมเวิร์ท นับว่ายอดเยี่ยม เขาสลัดภาพ เทพเจ้าถือค้อน ออกมาได้หมด (แม้จะอยู่ในลุคผมทรงเดียวกัน) คนดูเชื่อได้ว่าเขาคือนักแข่งรถ แต่ที่น่าจับตาคือ แดเนียล บรูห์ กับบทเด่นเป็นครั้งแรกในชีวิต ถือว่าเล่นได้ดีมาก เข้าถึงอารมณ์ การประกบกับ ซูเปอร์สตาร์ไม่สร้างปัญหาใดๆเลย นอกจากนั้น เขายังฉายแสง
ที่จะเป็นดาวดวงใหม่ในวงการฮอลลีวู้ด
นอกจากการกำกับอย่างปราณีตของ รอน ฮาวเวิร์ด และบทชั้นยอดของ ปีเตอร์ มอร์แกน ทีมผู้สร้าง Fast and furious ไม่ทำให้ฝึดหวังทั้งเรื่องการถ่ายภาพ เสียงประกอบ การตัดต่อ Rush จึงเป็นหนังที่ดูสนุกราวกับว่าคุณได้นั่งอยู่ในสนามแข่งของฟอร์มูล่า
ชีวิตของทั้งคู่เป็นคู่แข่งในชีวิตกันอย่างแท้จริง เจมส์ มีความสุขกับการใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง นิกิ มีความสุขกับชีวิตเรียบง่าย เป้าหมายในชีวิตหนึ่งเดียวของพวกเขาคือแชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน ซึ่งที่จริงมันก็คือชื่อเสียงและการยอมรับ ทว่า ลึกๆแล้วสิ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกันจริงๆอาจเป็น ความโดดเดี่ยว การจับจ้องทุกฝีก้าวของกันและกัน หากไม่ใช่ศัตรูที่เกลียดกันมากก็เป็นเพื่อนที่รักกันมาก แม้ภายนอกคนอื่นจะดูว่าเขาเกลียดกันแค่ไหน ใครเลยจะรู้ว่าพวกเขาห่วงใยกันและกันที่สุด
การที่ในชีวิตเรามีศัตรูคู่แข่งในทุกด่านของชีวิต ข้อดีของมันก็คือการผลักดันกันและกันไปข้างหน้า เหมือนสามก๊กที่มี ขงเบ้ง กับ จิวยี่ โลกฟุตบอลที่มี โรนัลโด้ กับ เมสซี่ พวกเขาคงไปไหนไม่ได้ไกล หากไม่มีแรงกดดันจากอีกฝ่าย
สิ่งที่ผู้ชายทุกคนหลงใหลที่สุด อาจไม่ใช่ ผู้หญิง หรือ รถยนต์ แต่คือการแข่งขัน ชายสองคนอยู่หลังเพียงแค่พวงมาลัย พวกเขานั่งในวัตถุที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดในโลก และมีความสุขกับการได้อยู่นำหน้าคนอื่น
คะแนน 9/10 โดย นกไซเบอร์