อยุดสร้างเขื่อนที่กำลังจะสร้างกันทั้งหมดเถิดครับ
แล้วไปสร้างกันทุกลำน้ำของภาคอิสาน น้ำชี น้ำมูล น้ำสงคราม ลำน้ำห้วยบั่งอี่ ห้วยมุก
สร้างกันให้ใหญ่ ๆ ทั่วทุกจังหวัดของภาคอิสานเลยครับ
ส่วนที่อื่น...
ที่ พวก NGO รับเงินจากนอก เข้ามาปั้นมาปลุกชาวบ้าน
มาสร้างผลงานเพื่อรอรับเงินบริจาค
แบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้....ดาหน้ามาต้านแล้วต้านอีก ก่อปล่อยให้มันท่วม มันแล้งไปชั่วลูกชั่วหลานกันเต๊อะ
ใครจำเขื่อยนยักษ์ของจีนได้มั่งครับ
ว่าที่เมืองจีน
เขื่อนสามผานั้น...ผู้ตนต้องย้ายถิ่นอาศัย 1,000,000 คน
ครอบครัวต้องอพยพนับแสนครอบครัว
NGO หน้าโงของเมืองจีนเค้าไปอยู่ไหนกันหมด
แล้วเป็นไงหล่ะ เมื่อเขื่อนเค้าเสร็จและเปิดใช้งานมันสร้างคุณาประโยชน์มากน้อยแค่ไหน
และมันคุ้มกับผลกระทบต่อป่า ต่อชุมชน ต่อสภาพแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน....
ลองคิดเทียบกับเขื่อนจิ๊บ ๆ แบบแม่วงค์ และเสือเต้นของบ้านเราดูเองเหอะ...
ผมลูกอิสาน
เกิดและเติบใหญ่วัยเด็กในดินแดนอิสาน
อยู่กับความแห้งแล้งกันดาร
ต้องปรับตัวเรียนรู้ใช้ชีวิตแบบลูกอิสาน ขุดแย้ ยิงกะปอม ขุดแมงกุ๊ดจี่ ส่องเขียด ส่องหาแมงอินูน
เรียนรู้หาอยู่หากินแบบลูกอิสาน
ด้วยความด้อยในด้านสภาพถูมิประเทศ
ดินขาดแร่ธาตุ สารอาหารเพาะปลูกไม่ขึ้น อยู่กับความแร้นแค้นกันดาร
อาศัยแต่ฟ้าฝน.....เทพเทวดาจะเมตตา
ตอนผมเรียนประมาณชั้น ป.3-ป.4 ราว ๆ ปี 2525-2526
องค์มหาราชาภูมิพลพร้อมสมเด็จพระราชินี เสด็จเยี่ยมปราชาชนคนไกลปืนเที่ยง อ.คำชะอี จ.นครพนม ( ในสมัยนั้น )
พร้อมด้วยได้ทรงเมตตาให้มีโครงการพระราชดำริอ่างเก็บน้ำ ห้วยมุก อ.คำชะอีขึ้นมา
ในยุคนั้น
ไม่มีใครคัดค้าน
ไม่มีใครไม่เห็นด้วย
มีแค่คนดีใจว่าหลังจากนี้ สี่ห้าปีข้างหน้า
ชาวบ้าน ชาวนา จะได้อาศัยน้ำจากอ่างมาทำการเพาะปลูก ไม่ต้องง้อน้ำฟ้าเพียงอย่างเดียว
โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมุกนี่แหละ ที่พลิกผืนดินของเกษตรกรชาวนา แถวนั้นให้สามารถประกอบอาชีพได้
นาข้าวทำได้สองหน หมดน้านา ปลูกข้าวโพด ปลูกพริก
นี่คือที่มาที่ไปของคำว่า ... คำชะอี พื้นที่ของความอุดมสมบูรณ์ดินดำน้ำชุ่มตลอดกาล
ดูรูปครับ
( ขอบคุณภาพของ น้องนัท ชญากร บ้านคำชะอีนะครับ
ด้านหลังคือ ภูผากูด ที่นี่แหละครับที่เลี้ยงผมจนเติบใหญ่มาทุกวันนี้ )
ผมเขียนกระทู้นี้
ด้วยอารมย์ประชด..แถมด้วยอาการแบบแอบงอนครับ
ว่า...
ทำไมคนไทยเราใจแคบกันจัง
ไม่เห็นความทุกข์ ความต้องการของคนในพื้นที่
ไม่เห็นประโยชน์ที่แท้จริง....ค้านเอาหน้า ค้านตามกระแส
ผมเห็นบางคนเปรียบเทียบว่า น้ำในเขื่อนเอาไปทำการเกษตรสร้างเงินได้นิดเดียว
แต่ต้นทุนเขื่อน 10,000 ล้านบาท เมื่อไหร่จะคุ้มทุน
นี่ไง...
คนเห็นแก่ตัว และคิดด้านเดียว
แต่กลับไม่คิดไปว่าหากน้ำท่วม หากแห้งแล้งมันจะสร้างมูลค่าความเสียหายเท่าไหร่
ความสุข ความทุกข์ของคนตีมูลค่าราคาเป็นเม็ดเงินเท่าไหร่....
หากอยากทราบ คุณลองก่อกำแพงแล้วเปิดน้ำให้ท่วมบ้านคุณสัก 1.5 เมตร
แล้วคุณลองใช้ชีวิตแบบนั้นดูสัก 1 เดือน
บางท่านว่าเขื่อน ทำลายป่า...... โถ ๆๆ
ผมขอถามครับ
ว่านายทุน นายหัวกินป่าราบไปมากน้อยแค่ไหน
ลองคิดดูว่าเข้าหัวโล้น ในประเทศไทยมีกี่สิบกี่ร้อยล้านไร่
คุณลองขับรถเส้นทาง หล่มสัก ชุมแพ รึน้ำหนาว
ว่าเขาทั้งลูกที่กลายเป็นเข้าหัวโล้นปลูกผักปลูกข้าวโพดมันสุดลูกหูลูกตาแค่ไหน....ลองตรองดู
พวกเข้าหัวโล้นพวกนี้
คนบุกรุกผิดกฏหมาย กรมป่าไม้ไปเอาคืนมาแล้วปลูกป่าเศรษฐกิจไม่ดีกว่าหรือ
โครงการ ยางพาราล้านไร่หล่ะ
ใช่การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ใช่การปลูกป่าทดแทนรึไม่หล่ะ
ลองขับรถตระเวนภาคอิสานดูนะ ท่าน NGO ในกะลาคลอบทั้งหลายว่าชาวอิสานคืนพื้นที่ป่า คืนสีเขียวให้โลกมากน้อยแค่ไหน
( รูปป่ายางพาราอิสาน รูปนี้จากสวนพี่ชายผมเอง เป็นสวนยางที่ปลูกต่อกับนาข้าว ที่ บ.โนนสว่าง อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร )
สุดท้าย
ขอน้อมกลับไปยังพระราชดำรัสโครงการแก้มลิงเมื่อ หลายปีก่อน
ที่พระองค์ท่านตรัสว่า เขื่อน เปรียบเหมือนแก้มลิง
ทำแก้มลิงมารับน้ำไว้ก่อน สักพักก็คายออกมาเหมือนเราทำเขื่อนกักน้ำไว้
ทุกคนน้อมรับ....
และรีบปฏิบัติทันที
อย่าว่าผมโหนเลยครับ
ผมขอให้รัฐบาลขอพระราชานุญาตให้เขื่อนแม่วงเปลี่ยนชื่อเป็นเขื่อน ฑีปังกร เถิดครับท่าน....
ผมว่าด้วยพระบารมีเหนือเกล้า...ทุกอย่างน่าจะมีทางออกที่ดี
นะ..แต่ถ้าคุณ ๆ ไม่เอาเขื่อนจริง ๆ
ขอให้ไปสร้างที่ อิสานบ้านเกิดผม
เอาให้มีเขื่อนใหญ่ ๆ ทุกจังหวัดเลย
รับรองว่า ชาวอิสานจะรวยที่สุดของประเทศ จากความขยันขันแข็ง ทำนา 2 รอบ ทำสวน 1 รอบ ...หุหุ
ขอบคุณครับ ( นาน ๆ ว่างที บ่นยาว ๆ ตามประสาไม่ว่ากันนะครับ )
" หยุดเขื่อน "
แล้วไปสร้างกันทุกลำน้ำของภาคอิสาน น้ำชี น้ำมูล น้ำสงคราม ลำน้ำห้วยบั่งอี่ ห้วยมุก
สร้างกันให้ใหญ่ ๆ ทั่วทุกจังหวัดของภาคอิสานเลยครับ
ส่วนที่อื่น...
ที่ พวก NGO รับเงินจากนอก เข้ามาปั้นมาปลุกชาวบ้าน
มาสร้างผลงานเพื่อรอรับเงินบริจาค
แบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้....ดาหน้ามาต้านแล้วต้านอีก ก่อปล่อยให้มันท่วม มันแล้งไปชั่วลูกชั่วหลานกันเต๊อะ
ใครจำเขื่อยนยักษ์ของจีนได้มั่งครับ
ว่าที่เมืองจีน
เขื่อนสามผานั้น...ผู้ตนต้องย้ายถิ่นอาศัย 1,000,000 คน
ครอบครัวต้องอพยพนับแสนครอบครัว
NGO หน้าโงของเมืองจีนเค้าไปอยู่ไหนกันหมด
แล้วเป็นไงหล่ะ เมื่อเขื่อนเค้าเสร็จและเปิดใช้งานมันสร้างคุณาประโยชน์มากน้อยแค่ไหน
และมันคุ้มกับผลกระทบต่อป่า ต่อชุมชน ต่อสภาพแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน....
ลองคิดเทียบกับเขื่อนจิ๊บ ๆ แบบแม่วงค์ และเสือเต้นของบ้านเราดูเองเหอะ...
ผมลูกอิสาน
เกิดและเติบใหญ่วัยเด็กในดินแดนอิสาน
อยู่กับความแห้งแล้งกันดาร
ต้องปรับตัวเรียนรู้ใช้ชีวิตแบบลูกอิสาน ขุดแย้ ยิงกะปอม ขุดแมงกุ๊ดจี่ ส่องเขียด ส่องหาแมงอินูน
เรียนรู้หาอยู่หากินแบบลูกอิสาน
ด้วยความด้อยในด้านสภาพถูมิประเทศ
ดินขาดแร่ธาตุ สารอาหารเพาะปลูกไม่ขึ้น อยู่กับความแร้นแค้นกันดาร
อาศัยแต่ฟ้าฝน.....เทพเทวดาจะเมตตา
ตอนผมเรียนประมาณชั้น ป.3-ป.4 ราว ๆ ปี 2525-2526
องค์มหาราชาภูมิพลพร้อมสมเด็จพระราชินี เสด็จเยี่ยมปราชาชนคนไกลปืนเที่ยง อ.คำชะอี จ.นครพนม ( ในสมัยนั้น )
พร้อมด้วยได้ทรงเมตตาให้มีโครงการพระราชดำริอ่างเก็บน้ำ ห้วยมุก อ.คำชะอีขึ้นมา
ในยุคนั้น
ไม่มีใครคัดค้าน
ไม่มีใครไม่เห็นด้วย
มีแค่คนดีใจว่าหลังจากนี้ สี่ห้าปีข้างหน้า
ชาวบ้าน ชาวนา จะได้อาศัยน้ำจากอ่างมาทำการเพาะปลูก ไม่ต้องง้อน้ำฟ้าเพียงอย่างเดียว
โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมุกนี่แหละ ที่พลิกผืนดินของเกษตรกรชาวนา แถวนั้นให้สามารถประกอบอาชีพได้
นาข้าวทำได้สองหน หมดน้านา ปลูกข้าวโพด ปลูกพริก
นี่คือที่มาที่ไปของคำว่า ... คำชะอี พื้นที่ของความอุดมสมบูรณ์ดินดำน้ำชุ่มตลอดกาล
ดูรูปครับ
( ขอบคุณภาพของ น้องนัท ชญากร บ้านคำชะอีนะครับ
ด้านหลังคือ ภูผากูด ที่นี่แหละครับที่เลี้ยงผมจนเติบใหญ่มาทุกวันนี้ )
ผมเขียนกระทู้นี้
ด้วยอารมย์ประชด..แถมด้วยอาการแบบแอบงอนครับ
ว่า...
ทำไมคนไทยเราใจแคบกันจัง
ไม่เห็นความทุกข์ ความต้องการของคนในพื้นที่
ไม่เห็นประโยชน์ที่แท้จริง....ค้านเอาหน้า ค้านตามกระแส
ผมเห็นบางคนเปรียบเทียบว่า น้ำในเขื่อนเอาไปทำการเกษตรสร้างเงินได้นิดเดียว
แต่ต้นทุนเขื่อน 10,000 ล้านบาท เมื่อไหร่จะคุ้มทุน
นี่ไง...
คนเห็นแก่ตัว และคิดด้านเดียว
แต่กลับไม่คิดไปว่าหากน้ำท่วม หากแห้งแล้งมันจะสร้างมูลค่าความเสียหายเท่าไหร่
ความสุข ความทุกข์ของคนตีมูลค่าราคาเป็นเม็ดเงินเท่าไหร่....
หากอยากทราบ คุณลองก่อกำแพงแล้วเปิดน้ำให้ท่วมบ้านคุณสัก 1.5 เมตร
แล้วคุณลองใช้ชีวิตแบบนั้นดูสัก 1 เดือน
บางท่านว่าเขื่อน ทำลายป่า...... โถ ๆๆ
ผมขอถามครับ
ว่านายทุน นายหัวกินป่าราบไปมากน้อยแค่ไหน
ลองคิดดูว่าเข้าหัวโล้น ในประเทศไทยมีกี่สิบกี่ร้อยล้านไร่
คุณลองขับรถเส้นทาง หล่มสัก ชุมแพ รึน้ำหนาว
ว่าเขาทั้งลูกที่กลายเป็นเข้าหัวโล้นปลูกผักปลูกข้าวโพดมันสุดลูกหูลูกตาแค่ไหน....ลองตรองดู
พวกเข้าหัวโล้นพวกนี้
คนบุกรุกผิดกฏหมาย กรมป่าไม้ไปเอาคืนมาแล้วปลูกป่าเศรษฐกิจไม่ดีกว่าหรือ
โครงการ ยางพาราล้านไร่หล่ะ
ใช่การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ใช่การปลูกป่าทดแทนรึไม่หล่ะ
ลองขับรถตระเวนภาคอิสานดูนะ ท่าน NGO ในกะลาคลอบทั้งหลายว่าชาวอิสานคืนพื้นที่ป่า คืนสีเขียวให้โลกมากน้อยแค่ไหน
( รูปป่ายางพาราอิสาน รูปนี้จากสวนพี่ชายผมเอง เป็นสวนยางที่ปลูกต่อกับนาข้าว ที่ บ.โนนสว่าง อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร )
สุดท้าย
ขอน้อมกลับไปยังพระราชดำรัสโครงการแก้มลิงเมื่อ หลายปีก่อน
ที่พระองค์ท่านตรัสว่า เขื่อน เปรียบเหมือนแก้มลิง
ทำแก้มลิงมารับน้ำไว้ก่อน สักพักก็คายออกมาเหมือนเราทำเขื่อนกักน้ำไว้
ทุกคนน้อมรับ....
และรีบปฏิบัติทันที
อย่าว่าผมโหนเลยครับ
ผมขอให้รัฐบาลขอพระราชานุญาตให้เขื่อนแม่วงเปลี่ยนชื่อเป็นเขื่อน ฑีปังกร เถิดครับท่าน....
ผมว่าด้วยพระบารมีเหนือเกล้า...ทุกอย่างน่าจะมีทางออกที่ดี
นะ..แต่ถ้าคุณ ๆ ไม่เอาเขื่อนจริง ๆ
ขอให้ไปสร้างที่ อิสานบ้านเกิดผม
เอาให้มีเขื่อนใหญ่ ๆ ทุกจังหวัดเลย
รับรองว่า ชาวอิสานจะรวยที่สุดของประเทศ จากความขยันขันแข็ง ทำนา 2 รอบ ทำสวน 1 รอบ ...หุหุ
ขอบคุณครับ ( นาน ๆ ว่างที บ่นยาว ๆ ตามประสาไม่ว่ากันนะครับ )