เมื่อเห็นเมื่อแจ้งชัด ก็ย่อมกล่าวตามความจริง การเวียนว่ายตายกันนั้นเป็นจริง การระลึกชาตินั้นทำได้จริง ตามพุทธพจน์

พุทธพจน์ว่าด้วย  สาสวสัมมาทิฏฐิ และ สัมมาทิฐิของพระอริยะ ดังนี้..

พระไตรปิฏกเล่มที่ 14
---
        [๒๕๖]  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็สัมมาทิฐิเป็นไฉน  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เรากล่าวสัมมา
ทิฐิเป็น  ๒  อย่าง  คือ  สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ  เป็นส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์  อย่าง  ๑
สัมมาทิฐิของพระอริยะ  ที่เป็นอนาสวะ  เป็นโลกุตระเป็นองค์มรรค  อย่าง  ๑  ฯ
        [๒๕๗]  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ  เป็นส่วนแห่งบุญ  ให้ผลแก่ขันธ์
เป็นไฉน  คือ  ความเห็นดังนี้ว่า  ทานที่ให้แล้ว  มีผล  ยัญที่บูชาแล้ว  มีผล  สังเวยที่บวงสรวงแล้ว
มีผล  ผลวิบากของกรรมที่ทำดี  ทำชั่วแล้วมีอยู่  โลกนี้มี  โลกหน้ามี  มารดามี  บิดามี  สัตว์ที่
เป็นอุปปาติกะมี  สมณพราหมณ์ทั้งหลาย  ผู้ดำเนินชอบ  ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้า
ให้แจ่มแจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง  ในโลก  มีอยู่  นี้สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ  เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์  ฯ
        [๒๕๘]  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะเป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค  เป็นไฉน  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ปัญญา  ปัญญินทรีย์ปัญญาพละ  ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
ความเห็นชอบ  องค์แห่งมรรค  ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก  มีจิตหาอาสวะมิได้  พรั่งพร้อมด้วย
อริยมรรค  เจริญอริยมรรคอยู่นี้แล  สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ  เป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค  ฯ
        ภิกษุนั้นย่อมพยายามเพื่อละมิจฉาทิฐิ  เพื่อบรรลุสัมมาทิฐิ  ความพยายามของเธอนั้น
เป็นสัมมาวายามะ  ฯ
        ภิกษุนั้นมีสติละมิจฉาทิฐิได้  มีสติบรรลุสัมมาทิฐิอยู่  สติของเธอนั้นเป็นสัมมาสติ  ฯ
        ด้วยอาการนี้  ธรรม  ๓  ประการนี้  คือ  สัมมาทิฐิ  สัมมาวายามะสัมมาสติ  ย่อมห้อมล้อม
เป็นไปตามสัมมาทิฐิของภิกษุนั้น  ฯ
---

พุทธพจน์ว่าด้วย การระลึกชาติ(บุพเพนิวาสานุสสติญาณ)   ดังนี้
  พระไตรปิฏกเล่มที่ 13
---
                      บุพเพนิวาสานุสสติญาณ
        [๑๕] ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
เธอย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกได้ ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง
สี่ชาติบ้าง
ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง
ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฎกัปเป็นอันมาก ตลอด
วิวัฏกัปเป็นอันมาก ตลอดสังวัฏวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ในภพโน้นเรามีชื่ออย่างนั้น มีโคตร
อย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียง
เท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้นเราก็มีชื่ออย่างนั้น มีโคตร
อย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุ
เพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ เธอย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก
พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วยประการฉะนี้.
---      

     พุทธพจน์นั้นเป็นสัจจะจริง ด้วยปฏิบัติเห็นแจ้งชัดแล้วแม้แต่เพียงบางส่วน ก็ยืนยันว่า เป็นสัจจะจริง นั้นเอง

                 ด้วยตนเองเกิดมามีฐานะอันเป็นทุกข์ัตั้งแต่เกิดจึงดำเนินทางธรรมตั้งแต่เล็ก

           เพราะด้วยทุกข์ไม่มีหนทางใดที่ใครจะช่วยได้ จึงระลึกถึงพระพุทธเจ้า อย่างตั้งมั่นและมั่นคง ดำเนินไป
ภายหลังปฏิบัติธรรมตามที่พระสงฆ์สาวกรักษากันมาอย่างยิ่งยวด  จนสร้างสมปัญญาตามที่ประสงค์สำเร็จพร้อม
ได้ทำลายกำแพงที่เป็นทุกข์หนักนั้นลงไปได้ ด้วยแจ้งชัดยิ่งในพระไตรลักษณ์ และวิปัสสนาญาณเมื่ออายุเพียง 24
ปี และไดัรับปริญญาตรี แต่ก็ยังโดนขีดกันเป็นทุกข์อยู่ด้วยวิบากกรรมเก่า ก็ยังปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งเนื่องๆ  พร้อมทั้ง
ดำเนินชีวิตในกรอบแห่งธรรมนั้น จึงไม่ตกต่ำลงไปจากเดินเลยทั้งฌานและญาณ เจริญขึ้นตามลำดับ จนเศษแห่ง
วิบากกรรมหนักนั้นหมดไป เมื่ออายุ 35 ปี ชีวิตจึงเจริญขึ้นไม่ตกต่ำเลย  แล้วจึงเกิดญาณแจ้งชัดในชีวิตเบื้องหน้า
แห่งตนตั้งแต่ปี 2541 เมื่ออายุ 39 ปี เพราะในขณะที่มีสมาธิที่ว่างๆ เสมือนมีอยู่เพียงน้อยนิดๆๆ เกิดคำนึงขึ้นว่าตน
พึ่งพ้นจากความยากลำบากมาแล้วเริ่มตั้งตนได้ ชีวิตตนจะเจริญรุ่งเรื่องมีรายได้เจริญขึ้นไปอีกเท่าใดหนอ? ก็ปรากฏ
เป็นดวงมีแสงสว่างสดใส่มีเลขอายุสีทองอยู่ภายใน แล้วเปลี่ยนเป็นดวงใหม่ (ดวงเก่าดับไป) ที่มีเลขอายุ เพิ่มขึ้นเป็นปีๆ
จนหมดความรุ่งเรื่องในเรื่องรายได้เมื่อถึงอายุขึ้น 59 ปี แต่ไม่ได้หมดสิ้นยังมีความสว่างแต่น้อยลงมาก เหลื่อเพียง 1/3
หรือ 1/4  จากเดิม แล้วดวงแห่งชีวิตนั้นยังดำเนินไป (ถึงปัจจุบันนี้รู้แล้วว่า แสงสว่างจากรายได้ยังมีอยู่ ด้วยเงินบำนาญ
ประกันสังคม+รายได้จากทรัพย์สิน+รายได้จากลูกที่ให้รายเดือน) จนมากกว่าสิบปีจึงหายไป จึงสามารถประมาณชีวิตแห่ง
ตนได้ว่า เกือบอายุ 70 หรือ 70 กว่าปี ไม่น่าเกิน 80 ปี ก็คงจะสิ้นชีวิตจากโลกนี้ไปนั้นเอง ถ้าไม่มีวิบากกรรมหรือกรรมอื่น
มาเปลี่ยนแปรง

            หลังจากนั้นเมื่อยังปฏิบัติธรรมอยู่เนื่องๆ และศึกษาธรรมยิ่งขึ้น จึงระลึกชาติแห่งตน(บุพเพนิวาสานุสสติญาณ) ถอย
ถัดไปได้ 2-3 ชาติ ประมาณปี 2552  และเมื่อเกิดสภาวะเฉียดตาย เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 15 ม.ค 2554 เพราะไขมันอุดตันอย่าง
เฉียบพลันในเส้นเลือดสมอง แต่มีสติเท่าทันในวินาทีนั้นผลิกตัวตามที่เชให้หลังยันประตูไม่ให้ล้มปลอยให้ครูดลงไปเอง แล้ว
น็อกหมดสติที่ำกำลังเดินเปิดประตูบ้านนั้นเอง ซึ่งโชคดีที่เส้นเลือดไม่แตก แต่เป็นอัมพาต อัมพฤต ที่มีสติรู้ชัดโดยตลอดถึง 48
ชั่วโมงอยู่ในห้องไอชียู เพราะเป็นทุกข์จริงที่กำลังนำเนินอยู่ จึงยกกรรมฐานขึ้นปฏิบัติธรรมอย่างละเอียดปรานีตกว่าเดิมยิ่ง
อยู่ในห้องไอชียูนั้นเอง พ้นจากสังขารเป็นวิสังขารขณะหนึ่ง ในวันที่ 3 นั้นเอง อยู่โรงพยายบาลเป็นอาทิตย์ และเมื่อออกมา
แ้ล้วก็ต้องเข้าโรงพยาบาลรอบ ที่ 2 เพราะยังมีความบอบช้ำอยู่ หลังจากนั้นแทบจะเป็นเจ้าชายนิทราในช่วงเวลา 4-5 เดือน
แรก และแข่วงๆ เว่อๆ วูบๆ เป็นเวลา 2 ปี ทีเดียว  ซึ่งผมต้องประกองตัวด้วยการดำเนินกรรมฐานอยู่เนื่องๆ พร้อมทั้งการรักษา
ทางการแพทย์  

          จึงทำให้ระลึกถึงกรรมที่เป็นวิบากกรรมที่ได้เกิดกับตนเองในข่วงปีแรกหลังออกโรงพยาบาล เมื่ออยู่ในสมาธิว่างๆ เหลือ
จิตเพียงน้อยนิด ผมได้คำนึงว่า ได้ทำกรรมอะไรไว้หนอ ถึงเป็นเช่นนี้?  จึงเกิดเป็นนิมิตอย่างชัดเจนเสมือนตนเองเป็นผู้กระทำ
กรรมนั้นย้อนได้ไปไกลว่า 2-3 ชาติ นั้นเสียอีกขณะเป็นมนุษย์ ที่ได้เอาไม้ตีหัวผู้ที่ถูกจองจำนั่งอยู่ แล้วยกเอามือป้องศีรษะตน
เองอยู่ ถึง 2 ครั้งจนฟุบลงไป ซึ่งปัจจุบันชาตินี้ที่เป็นมนุษย์นี้ไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อนเลย และ 2-3 ชาติที่เคยระลึกได้นั้น ก็ไม่ได้
เกิดเป็นมนุษย์ เมื่อถอยไปจากมนุษย์ปัจจุบันคือ > เป็นเทวดา > เป็นนกใหญ่สีขาว >อยู่ในอบายภูมิไม่มีความสบายอยู่เลย

       ดังนั้น เราท่านทั้งหลายจึงไม่ควรประมาทในธรรม ไม่ควรประมาทในกรรมเลย  ตามธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วนั้นเอง.
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาพุทธ พระไตรปิฎก มหาสติปัฏฐาน 4 ปฏิบัติธรรม
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่