จากมติชนออนไลน์
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 กันยายน ที่สน.หัวหมาก นางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ เเม่ของ น.ส.วิสา สารสาส หรือ"ไหม" นักเเสดงสาว น.ส.มนฤดี ยมาภัย หรือตุ๋ย อดีตนางเอกชื่อดัง เเละนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ร่วมเเถลงข่าวเเละเปิดใจในกรณีดำเนินการฟ้องร้องระหว่างนางเสาวณีย์ กับนายชินเวศ สารสาส สามี
นางเสาวณีย์กล่าวว่า ตนกับสามีเเยกกันอยู่กับสามีเป็นเวลากว่า 20 ปีเเล้ว หลังจากนั้นจึงหันหน้าไปเข้าวัดเเละปฏิบัติธรรม และคิดว่าควรจะหย่าร้างกันอย่างจริงจัง จึงดำเนินการฟ้องหย่าตั้งเเต่ปี 2553 เเต่ทางสามีไม่ยินยอม เเละไม่เคยเดินทางมาไกล่เกลี่ยที่ศาลเลย ต่อมาตนได้ไปตรวจสอบทรัพย์สินของตนเพื่อดำเนินการเเบ่งสินสมรส
พบว่าทรัพย์สินบางรายการที่ไม่ใช่สินสมรส เเต่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของตนเอง ถูกสามีโอนไปให้กับลูก เช่นที่ดินที่เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ที่ดินที่เเม่เเตง จังหวัดเชียงใหม่ เเละที่ดินในเขตประเวศ กทม.
นอกจากนี้ หลังการตรวจสอบยังพบอีกว่า
นายชินเวศได้ปลอมลายมือชื่อพร้อมเอกสารไปกู้เงินที่ธนาคารทหารไทย สาขาปทุมวัน 2 วงเงิน เป็นจำนวนเงิน 1,400 ล้านบาท ดังนั้นตนจึงดำเนินการฟ้องร้องทางคดีอาญา โดยไปเเจ้งความที่ สภ.เกาะยาว จังหวัดพังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 เเละ สภ.เเม่เเตง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2556 เเละที่ สน.ประเวศ จากนั้นตนให้ทนายสุวัตร รวบรวมหลักฐาน ซึ่งเป็นเอกสารทั้งลายเซ็นต์ปลอมเเละจริง ส่งให้พนักงานสอบสวนที่สภ.เกาะยาว เพื่อนำสางให้กองพิสูจน์หลักฐานเทียบเคียง
เเต่เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนไม่ได้มีการเเยกเอกสารลายเซ็นต์จริงเเละปลอม ผลพิสูจน์จึงออกมาว่าไม่สามารถพิสูจน์ลายมือชื่อดังกล่าวได้
ทั้งนี้
ตนทราบจากทยานสุวัตรว่าสาเหตุที่พนักงานสอบสวนส่งไปเช่นนั้น เพราะมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งเป็นคนสั่งการขัดขวาง ต่อมาทนายสุวัตรจึงได้นำลายมือชื่อดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งที่สถาบันนิติวิทยาศาตร์ ซึ่งผลปรากฏว่าลายมือชื่อที่เซ็นต์อยู่ในเอกสารที่กู้ยืมเงิน เเละโอนที่นั้นไม่ใช่ของตน ซึ่งตนจะให้ทนายสุวัตรนำหลักฐานดังกล่าวไปมอบให้กับพนักงานสอบสวนต่อไป
นางเสาวณีย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนดำเนินการฟ้องทางอาญานั้น ทั้งตน ทนายสุวัตรเเละน.ส.มนฤดี ถูกข่มขู่เเละคุกคาม อาทิ มีคนเเอบเจาะยางรถยนต์ของตน มีทั้งมีอดีตลูกน้องของสามีบุกไปที่วัดในเวลากลางดึก ซึ่งตนเเละน.ส.มนฤดีปฏิบัติธรรมอยู่ รวมทั้งมีคนซึ่งใส่เเว่นตาดำเเละหมวกเเก๊ป ถือวิทยุสื่อสาร คอยติดตามเเละไปสังเกตการณ์หน้าคอนโดที่ตนเเละน.ส.มนฤดีพักอยู่ อย่างไรก็ตาม
ศาลได้มีการเเนะนำให้ไปเจรจาพูดคุยกัน เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งตนได้ไปพูดคุยกับลูกทั้ง 3 คนเเล้ว เเต่ลูกๆ เฉย พร้อมให้เหตุผลว่าพ่อไม่ให้พูดเรื่องนี้ ซึ่งในส่วนตนก็รู้สึกว่าทำไมลูกๆถึงไม่ลุกขึ้นมาทำอะไร หรือต่อสู้เพื่อเเม่บ้าง ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ อยากให้สื่อมวลชนเเละสาธารณชนทราบว่าตนถูกรังเเก เเละอยากให้การเเถลงข่าวครั้งนี้ทำให้นายชินเวศออกมาเจรจาพูดคุยกับตนเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องให้จบลงด้วยดี
ด้าน น.ส.มนฤดี กล่าวว่า ตนรู้จักกับนางเสาวณีย์ตั้งเเต่ปี 2547 ซึ่งพวกตนปฏิบัติธรรมด้วยกัน เเละเป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัวด้วยกัน จึงสนิทกัน ซึ่งในกรณีดังกล่าวอาจดูเหมือนว่าตนไม่เกี่ยวย้องด้วย เเต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ ตนซึ่งไม่เคยมีศัตรูที่ไหนมาก่อน เเต่ไปไหนมาไหนก็มักจะไปด้วยกันกับนางเสาวณีย์ ก็ทำให้ตนได้เจอเหตุการณ์ทั้งคนเฝ้าตามสังเกตการณ์ที่คอนโด โดนเจาะยางรถยนต์ไปพร้อมกัน จึงเกรงว่าอาจได้รับอันตรายเหมือนกัน จึงตัดสินใจเข้าเเจ้งความที่สน.หัวหมากไว้ก่อน เพื่อเป็นการป้องกันกรณีเกิดเหตุร้ายขึ้น ทั้งนี้ตนก็รู้สงสารเเละเห็นใจนางเสาวณีย์เป็นอย่างมากที่ต้องมาเจอเรื่องราวเช่นนี้
ซึ่งหากเปรียบเทียบละครน้ำเน่าที่ตนเเสดงมายังไม่เท่ากับชีวิตจริงของนางเสาวณีย์เลย
หลังจากเเถลงข่าวเปิดใจเสร็จ นางเสาวณีย์ น.ส.มนฤดี เเละทนายสุวัตรได้เดินทางมายังสน.หัวหมาก พร้อมเข้าพบ ร.ต.อ.เอกพร เอี่ยมสะอาด พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก เพื่อลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ระหว่างทั้ง 3 คนกำลังเเจ้งความ ได้มีรถตู้โฟล์ค สีดำ ขับผ่านมา พร้อมจอดถ่ายรูปสื่อมวลชน ทั้งยังมีผู้ชายใส่เสื้อสีดำลงมายืนเเจกเอกสาร โดยอ้างว่ามาจากนายชินเวศให้กับผู้สื่อข่าวอีกด้วย โดยในกระดาษดังกล่าว มีข้อความว่า กรณีปลอมลายมือชื่อ นายชินเวศไม่ขอตอบโต้ เนื่องจากเห็นเเก่ความรู้สึกของลูก ส่วนคดีอื่นๆ ที่อยู่ในการพิจารณาของ ขอให้เป็นหน้าที่ของศาล เเละกรณีที่เกี่ยวกับธนาคารทหารไทย ก็ขอให้ผู้สื่อข่าวไปสอบถามทางธนาคารเพื่อความเป็นธรรมกับธนาคารด้วย
"แม่ไหม สารสาส" พร้อมมนฤดี ยมาภัย โร่ฟ้อง ตร.ถูกสามีปลอมลายเซ็นโอนทรัพย์ อ้างถูกข่มขู่เอาชีวิต!?
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 กันยายน ที่สน.หัวหมาก นางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ เเม่ของ น.ส.วิสา สารสาส หรือ"ไหม" นักเเสดงสาว น.ส.มนฤดี ยมาภัย หรือตุ๋ย อดีตนางเอกชื่อดัง เเละนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ร่วมเเถลงข่าวเเละเปิดใจในกรณีดำเนินการฟ้องร้องระหว่างนางเสาวณีย์ กับนายชินเวศ สารสาส สามี
นางเสาวณีย์กล่าวว่า ตนกับสามีเเยกกันอยู่กับสามีเป็นเวลากว่า 20 ปีเเล้ว หลังจากนั้นจึงหันหน้าไปเข้าวัดเเละปฏิบัติธรรม และคิดว่าควรจะหย่าร้างกันอย่างจริงจัง จึงดำเนินการฟ้องหย่าตั้งเเต่ปี 2553 เเต่ทางสามีไม่ยินยอม เเละไม่เคยเดินทางมาไกล่เกลี่ยที่ศาลเลย ต่อมาตนได้ไปตรวจสอบทรัพย์สินของตนเพื่อดำเนินการเเบ่งสินสมรส พบว่าทรัพย์สินบางรายการที่ไม่ใช่สินสมรส เเต่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของตนเอง ถูกสามีโอนไปให้กับลูก เช่นที่ดินที่เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ที่ดินที่เเม่เเตง จังหวัดเชียงใหม่ เเละที่ดินในเขตประเวศ กทม.
นอกจากนี้ หลังการตรวจสอบยังพบอีกว่า นายชินเวศได้ปลอมลายมือชื่อพร้อมเอกสารไปกู้เงินที่ธนาคารทหารไทย สาขาปทุมวัน 2 วงเงิน เป็นจำนวนเงิน 1,400 ล้านบาท ดังนั้นตนจึงดำเนินการฟ้องร้องทางคดีอาญา โดยไปเเจ้งความที่ สภ.เกาะยาว จังหวัดพังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 เเละ สภ.เเม่เเตง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2556 เเละที่ สน.ประเวศ จากนั้นตนให้ทนายสุวัตร รวบรวมหลักฐาน ซึ่งเป็นเอกสารทั้งลายเซ็นต์ปลอมเเละจริง ส่งให้พนักงานสอบสวนที่สภ.เกาะยาว เพื่อนำสางให้กองพิสูจน์หลักฐานเทียบเคียง เเต่เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนไม่ได้มีการเเยกเอกสารลายเซ็นต์จริงเเละปลอม ผลพิสูจน์จึงออกมาว่าไม่สามารถพิสูจน์ลายมือชื่อดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ตนทราบจากทยานสุวัตรว่าสาเหตุที่พนักงานสอบสวนส่งไปเช่นนั้น เพราะมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งเป็นคนสั่งการขัดขวาง ต่อมาทนายสุวัตรจึงได้นำลายมือชื่อดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งที่สถาบันนิติวิทยาศาตร์ ซึ่งผลปรากฏว่าลายมือชื่อที่เซ็นต์อยู่ในเอกสารที่กู้ยืมเงิน เเละโอนที่นั้นไม่ใช่ของตน ซึ่งตนจะให้ทนายสุวัตรนำหลักฐานดังกล่าวไปมอบให้กับพนักงานสอบสวนต่อไป
นางเสาวณีย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนดำเนินการฟ้องทางอาญานั้น ทั้งตน ทนายสุวัตรเเละน.ส.มนฤดี ถูกข่มขู่เเละคุกคาม อาทิ มีคนเเอบเจาะยางรถยนต์ของตน มีทั้งมีอดีตลูกน้องของสามีบุกไปที่วัดในเวลากลางดึก ซึ่งตนเเละน.ส.มนฤดีปฏิบัติธรรมอยู่ รวมทั้งมีคนซึ่งใส่เเว่นตาดำเเละหมวกเเก๊ป ถือวิทยุสื่อสาร คอยติดตามเเละไปสังเกตการณ์หน้าคอนโดที่ตนเเละน.ส.มนฤดีพักอยู่ อย่างไรก็ตาม ศาลได้มีการเเนะนำให้ไปเจรจาพูดคุยกัน เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งตนได้ไปพูดคุยกับลูกทั้ง 3 คนเเล้ว เเต่ลูกๆ เฉย พร้อมให้เหตุผลว่าพ่อไม่ให้พูดเรื่องนี้ ซึ่งในส่วนตนก็รู้สึกว่าทำไมลูกๆถึงไม่ลุกขึ้นมาทำอะไร หรือต่อสู้เพื่อเเม่บ้าง ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ อยากให้สื่อมวลชนเเละสาธารณชนทราบว่าตนถูกรังเเก เเละอยากให้การเเถลงข่าวครั้งนี้ทำให้นายชินเวศออกมาเจรจาพูดคุยกับตนเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องให้จบลงด้วยดี
ด้าน น.ส.มนฤดี กล่าวว่า ตนรู้จักกับนางเสาวณีย์ตั้งเเต่ปี 2547 ซึ่งพวกตนปฏิบัติธรรมด้วยกัน เเละเป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัวด้วยกัน จึงสนิทกัน ซึ่งในกรณีดังกล่าวอาจดูเหมือนว่าตนไม่เกี่ยวย้องด้วย เเต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ ตนซึ่งไม่เคยมีศัตรูที่ไหนมาก่อน เเต่ไปไหนมาไหนก็มักจะไปด้วยกันกับนางเสาวณีย์ ก็ทำให้ตนได้เจอเหตุการณ์ทั้งคนเฝ้าตามสังเกตการณ์ที่คอนโด โดนเจาะยางรถยนต์ไปพร้อมกัน จึงเกรงว่าอาจได้รับอันตรายเหมือนกัน จึงตัดสินใจเข้าเเจ้งความที่สน.หัวหมากไว้ก่อน เพื่อเป็นการป้องกันกรณีเกิดเหตุร้ายขึ้น ทั้งนี้ตนก็รู้สงสารเเละเห็นใจนางเสาวณีย์เป็นอย่างมากที่ต้องมาเจอเรื่องราวเช่นนี้ ซึ่งหากเปรียบเทียบละครน้ำเน่าที่ตนเเสดงมายังไม่เท่ากับชีวิตจริงของนางเสาวณีย์เลย
หลังจากเเถลงข่าวเปิดใจเสร็จ นางเสาวณีย์ น.ส.มนฤดี เเละทนายสุวัตรได้เดินทางมายังสน.หัวหมาก พร้อมเข้าพบ ร.ต.อ.เอกพร เอี่ยมสะอาด พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก เพื่อลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทั้ง 3 คนกำลังเเจ้งความ ได้มีรถตู้โฟล์ค สีดำ ขับผ่านมา พร้อมจอดถ่ายรูปสื่อมวลชน ทั้งยังมีผู้ชายใส่เสื้อสีดำลงมายืนเเจกเอกสาร โดยอ้างว่ามาจากนายชินเวศให้กับผู้สื่อข่าวอีกด้วย โดยในกระดาษดังกล่าว มีข้อความว่า กรณีปลอมลายมือชื่อ นายชินเวศไม่ขอตอบโต้ เนื่องจากเห็นเเก่ความรู้สึกของลูก ส่วนคดีอื่นๆ ที่อยู่ในการพิจารณาของ ขอให้เป็นหน้าที่ของศาล เเละกรณีที่เกี่ยวกับธนาคารทหารไทย ก็ขอให้ผู้สื่อข่าวไปสอบถามทางธนาคารเพื่อความเป็นธรรมกับธนาคารด้วย