สวัสดีครับ เป็นครั้งแรกที่เดินทางไปต่างประเทศคนเดียว
และเป็นการรีวิวครั้งแรก หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ
การเดินทางในครั้งนี้ จุดมุ่งหมายคือ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม
โดยจองตั๋วของแอร์ เอเชีย ไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 ที่ผ่านมา ช่วงระยะในการเดินทาง 19-23 กันยายน 2556
ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจเดินทางมาที่กรุงฮานอยนี้ ก็ได้รู้จักกับเพื่อนชาวเวียดนามผ่าน FB ซึ่งคุยมานานสมควร
และได้ชวนเชิญไปเที่ยวที่เมืองของเค้า โดยอาสาจะพาเที่ยวแบบวิถีคนเมืองเวียดนามแท้ๆ
ในการรีวิวครั้งนี้ ได้บรรยายถึงการซึมซับวัฒนธรรม ที่อยู่อาศัย นิสัย การใช้ชีวิต ในแบบที่ผมได้รับมานะครับ (ความเห็นส่วนตัว)
โดยข้อมูลที่ได้รับมา อาจจะถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ขออภัยล่วงหน้า เพราะสื่อสารกับเพื่อนชาวเวียดนามด้วยภาษาอังกฤษที่สุดห่วย ฮ่าๆ
แต่ก็ยังรอดพ้น 5 วันที่อยู่ในกรุงฮานอยมาได้ เรามาเริ่มกันดีกว่า ..
วันแรก...
เดินทางออกจากบ้านตี 4 กว่าๆ ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ประมาณตี 05.15 น.
เครื่องขึ้น 06.45 น. ถึงสนามบิน นอย ไบ ณ กรุงฮานอย 08.35 น.
รอแท๊กซี่จากที่โรงแรมมารับ อยู่ประมาณ 20 นาที จะมาไหมเนี่ยะ ><"
ในที่สุดก็มาแล้ว โดยถือป้ายกระดาษ A4 ระบุชื่อ ทักทาย เซย์ ฮัลโหล แล้วพาไปที่รถเพื่อเดินทางไปโรงแรม
ที่พักที่จองไว้คือ โรงแรม Charming Hotel เป็นโรงแรมเล็กๆ ตึกแถวห้องเดี่ยวสูง 6 ชั้น อยู่ในซอยตลาดสด
โดยการจองนั้น ผมจองผ่านหน้าเว็ป
http://www.hanoicharminghotel.com/Charming1.html อยู่ย่าน Old Quarter
จองไว้ 4 คืน ห้อง Deluxe สนนที่ราคาคืนละ 23 USD
โปรโมชั่นของที่นี่หากจอง 3 คืนขึ้นไป มีบริการรับส่งจากสนามบินมาโรงแรมฟรี ...แต่
ขากลับจากต้องการแท๊กซี่จากโรงแรมไปส่งสนามบิน ต้องจ่ายเพิ่ม 15 USD ซึ่งก็ถูกและปลอดภัยกว่า ไปเรียกแท๊กซี่เอง
ขับพ้นออกจากสนามบิน นอย ไบ มาไม่นาน ก็จะเจอกับโปรเจคการก่อสร้างสนามบิน นอย ไบ 2 ใหญ่โตมากๆ
ข้ามสะพาน ผ่านทะเล ถ่ายไปเรื่อย ...
ภาพถ่ายหน้าโรงแรม ตาลุงนั่นเหมือนจะรู้ว่ากำลังถ่ายรูปป้ายหน้าโรงแรม พรีเซนต์ซะ ว่าแต่ลุงเป็นใครฟะ >"<
สภาพด้านในโรงแรม
เวลคัม ดริ๊งค์ครับป๋ม ^^
สภาพห้องครับ อาจจะงงว่าทำไมไปคนเดียวแล้วจอง 2 เตียง มันเป็นเคล็ดความเชื่อครับ 555
ซึ่งสมัยทำงานท่องเที่ยวในไทย และต้องนอนคนเดียว จะจอง 2 เตียงตลอด
เตียงนึงเอาไว้นอน ส่วนอีกเตียงจะไว้เสื้อผ้า กระเป๋า คือวางของให้เต็มเตียง ไม่จองเตียงเดี่ยว
มันใหญ่ไป กลัวมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์มานอนด้วย อิอิ เถียงกับทางโรงแรมตั้งนาน เค้าอยากให้นอนเตียงเดี่ยว
แต่ยังยืนยันจะเอา 2 เตียงให้ได้ ก็ได้ตามนั้น ฮ่าๆ ...
ภายในห้องก็จะมีคอมพิวเตอร์ PC ให้เล่น บริการ WI-FI ฟรี สำหรับคนที่จะเล่นผ่านมือถือ โดยขอรหัสจากทางพนักงานด้านล่าง
หลังจากที่จัดของเรียบร้อยเสร็จแล้ว ถึงเวลานัดหมาย เพื่อนชาวเวียดนามพร้อมพาไปแว๊นซ์ชมกรุงฮานอย
แว๊นซ์ซ้อนท้ายออกมา ได้เห็นสภาพการจราจร และการขับขี่ของคนเวียดนามแล้ว
ต้องบอกว่าสุดทีนจริงๆ ปาดซ้าย ปาดขวา คิดจะเลี้ยวก็เลี้ยว กดแตรเสียงดังเป็นเรื่องปกติ ปวดหูที่สุด
แต่ก็พอจะรู้มาบ้าง เพราะอ่านรีวิวก่อนเดินทางมาที่นี่ เลยปรับตัวได้ง่ายหน่อย
และสถานที่แรกทีไปจะเป็นศูนย์ปฏิบัติการของทหาร ที่มีฐานทัพใต้ดิน ซึ่งมีอุปกรณ์การสื่อสาร ห้องประชุม รวมถึงพิพิธภัณฑ์
ให้กับนักท่องเที่ยวได้ชมกัน ขออภัยจำชื่อสถานที่ไม่ได้ครับ เสียค่าเข้าชม คิดเป็นเงินไทยคนละ 20 บาท
เนื่องด้วยวิสัยทัศน์เริ่มจะไม่ดี ฟ้าครึ้มมาแต่ไกล เลยต้องรีบไปสถานที่อื่นๆ
แวะมาทะเลสาป Hoan Kiem Lake ฮว่าน เกี๋ยม เดินได้แปบเดียว ฝนก็กระหน่ำลงมา ต้องหาที่หลบฝนกัน T-T
หลบฝนอยู่นาน ก็เริ่มหิว เพื่อนชาวเวียดนามเลยพามากินหวานเย็น แบบนั่งโต๊ะเล็กๆ
มีทั้งใส่แก้ว และใส่ชาม ผลไม้หลายชนิด จะใส่น้ำเชื่อม หรือน้ำกระทิ ผมสั่งหวานเย็นใส่ทุกอย่าง
เพื่อนสั่งนมสดใส่ถั่วแดง และนั่งแทะเมล็ดทานตะวัน รวมทุกอย่างคิดเป็นเงินไทย 45 บาท อร่อยดี...
คุยกันได้สักพัก เพื่อนขอไปเรียนต่อ เพราะมีเรียนตอนเย็น เลยไปส่งที่โรงแรม และนัดหมายกันพรุ่งนี้เช้าอีกครั้ง
ด้วยความที่เดินทางมาแต่เช้า นอนน้อย ขึ้นมาอาบน้ำ ตอนนั้นเป็นเวลา 6 โมงเย็น อาบน้ำเสร็จ นั่งเล่นคอม
แล้วก็ง่วงจัด เผลอหลับไป ......
ท่ามกลางความมืด เงียบ สงัด ... ลืมตาขึ้นมา เฮ้ย !! ทีวีเปิดไว้นี่หว่า ไฟก็ไว้ทุกดวง ทำไมมันดับหมด มืดชิบ... !!
ลืมไหว้พระ สวดมนต์ ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง แล้วหลับไปหรอฟะเนี่ยะ หรือว่าจะเป็น ไม่นะ เกิดอะไรขึ้น
ลุกขึ้นมาเอามือตบๆๆ จะหามือถือ หาไม่เจอ มืดไปหมด คว้านาฬิกาได้
โชคดีเป็นนาฬิกาที่มีปุ่มกดไฟ ไฟแสงน้อยๆทำให้เห็นมือถือ ใช้ไฟฉายจากมือถือ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝรั่งตรงข้ามห้องพูดเสียงดัง
เลยรีบแต่งตัว เอาของมีค่าติดตัวไว้ ล็อคกุญแจให้เรียบร้อย ลงบันไดลงมา ปรากฏว่า ไฟดับทั้งซอยฮะ เหอะๆ
มาวันแรกก็ประเดิมเลย ไม่อยากจะคิดอะไรให้จิตตก ไหนก็ตื่นแล้ว หิวด้วย ออกไปหาไรกินข้างนอกดีกว่า รอให้ไฟมา แล้วค่อยกลับ
จากโรงแรมเดินมาปากซอย 200 เมตร เป็นซอยที่ทะลุไปอีกถนนได้ ซอยเล็กๆเข้าได้แต่มอเตอร์ไซต์
และแล้วก็มาเจอร้านนี้ อยู่ปากซอยโรงแรมของเราเอง บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ใส่กระเพาะปลา เห็ดหอม ตับ กุ้ง และก็ผัก
น้ำซุปร้อนๆ อร่อยมาก ที่สำคัญให้เยอะ อิ่มไปอีก 1 มื้อ ราคาเบาๆ ชามละ 30 บาทเท่านั้น !!
หลังจากกลับจากโรงแรมมาแล้ว กำลังนั่งเล่นคอมอยู่ ยังนอนไม่หลับ เพราะกลัวไฟดับอีก ><" ทันใดนั้น ....
ก๊อก ก๊อก ก๊อก .... อะไรอีกล่ะเนี่ยะ คราวที่แล้วก็ไฟดับไปทีนึงแล้ว นี่มาเล่นเคาะประตูกันหน้าห้องเลยหรอ
ก๊อก ก๊อก มาอีก 2 ก๊อก เอาวะ เปิดก็เปิด เท่านั้นแหล่ะ .... น้ำตาซึมเลยอ่ะ
Happy Birthday to you , Happy Birthday to you , Happy Brithday Happy Birthday ... Happy Birthday to........ you
ผู้จัดการโรงแรม สตาฟโรงแรม มาร้องเพลงแฮปปี้ เบริด์เดย์ให้เนื่องจากในวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดผมครับ
น้ำตาซึม พูดอะไรไม่ออก ยิ้มแก้มปริ หุบไม่ลง ได้แต่ Thank you very much Thank you very much โค้งคำนับ เป็นคนญี่ปุ่น
ไม่รู้จะขอบคุณยังไง ไม่นึกว่าจะมาเซอไพรส์ให้เค้กแบบนี้ อยู่เมืองไทยเกิดมาหลายสิบปี ได้เค้กไป 2 ก้อน นี่เป็นก้อนที่ 3 ในชีวิต
ดีใจจนไม่รู้จะยังไง ทำอะไรไม่ถูก นั่งมองเค้ก มาขอบคุณเพื่อนใน FB ที่มาอวยพร ตัดเค้กไปชิ้นนึง แล้วก็เอาลงไปแบ่งให้กับ
พนักงานโรงแรมได้กินกันทุกคน สร้างความประทับใจมากๆ สำหรับวันเกิด และวันแรกในฮานอย
- สรุปวันแรก
- การจราจรที่ฮานอย สุดทีนที่สุดในโลก ปาดซ้าย ปาดขวา ฝ่าไฟแดง กดแตรลากยาว ถนนนี้ตูจองว่างั้นเหอะ
- การข้ามถนนไปยังอีกฝากฝั่งนั้น เปรียบเหมือนท่านกำลังเข้าสู่โหมดท้าทายถึงชีวิต เพราะในขณะที่ท่านกำลังข้ามถนนนั้น รถมอเตอไซต์นับร้อยคันจะพุ่งเข้าหาคุณ แถมกดแตรสั้น ยาวเพื่อเตือนว่า หลบไปให้พ้น และถ้าข้ามได้แล้ว เท่ากับว่าท่านสอบผ่านการท้าความตายได้สำเร็จ อิอิ
- คนเวียดนามนิยมขี่มอเตอร์ไซต์มากกว่ารถเก๋ง และฮิตใส่หมวกกันน๊อคครึ่งใบ แต่พี่ไทยใส่แทบจะปิดทั้งหัว
- หาคนอ้วนยากมาก ถ้าจะอ้วนก็ผู้หญิงท้องเท่านั้นจริงๆ
- ทุกเมนูอาหารของคนเวียดนาม มีผักเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น ชอบกินเส้นก๋วยเตี๋ยว มากกว่ากินข้าว และไม่นิยมกินน้ำพร้อมกับน้ำแข็ง
- สถานที่จอดรถมอไซต์ เสียตังค์ทุกที่ 5 บาท 10 บาท แล้วแต่ที่ ได้ยินมาว่าที่ดินแพงกว่าในกรุงเทพฯ เสียอีก
- ปิดท้ายด้วยคนกันบ้าง ผู้ชายเวียดนามวัยรุ่นถ้าหน้าตาดี แบบหล่อเลยมักจะเตี้ยๆ ล่ำๆ แต่ขาว ส่วนผู้หญิงวัยรุ่น จะไว้ผมยาว ใส่แว่นกันเยอะ หน้าใส ที่สำคัญ "อึ๋ม" มากๆ 555 จะเห็นหนุ่มสาวนั่งจู๋จี๋ริมทะเลสาปมาเป็นคู่ๆ ทั้งกอด จูบ แลดูเป็นปกติ โปรดอย่าถามว่าทำไมมีไม่รูป แค่ถ่ายคนตกปลา เค้าจะวิ่งเอาเบ็ดมาตี โกยแนบอย่างไว ไม่มีเรื่องก็บุญโขแล้ว ไปถ่ายคนกำลังจีบกัน มีหวังไม่ได้กลับเมืองไทย ฮ่าาา
จบวันแรกแล้วนะครับ ขอตัวไปนอนก่อน อีก 4 วันที่เหลือจะมารีวิวใหม่ครับผม
[CR] ลุยเดี่ยว เจาะลึกคนเมือง ฮานอย, เวียดนาม
และเป็นการรีวิวครั้งแรก หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ
การเดินทางในครั้งนี้ จุดมุ่งหมายคือ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม
โดยจองตั๋วของแอร์ เอเชีย ไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 ที่ผ่านมา ช่วงระยะในการเดินทาง 19-23 กันยายน 2556
ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจเดินทางมาที่กรุงฮานอยนี้ ก็ได้รู้จักกับเพื่อนชาวเวียดนามผ่าน FB ซึ่งคุยมานานสมควร
และได้ชวนเชิญไปเที่ยวที่เมืองของเค้า โดยอาสาจะพาเที่ยวแบบวิถีคนเมืองเวียดนามแท้ๆ
ในการรีวิวครั้งนี้ ได้บรรยายถึงการซึมซับวัฒนธรรม ที่อยู่อาศัย นิสัย การใช้ชีวิต ในแบบที่ผมได้รับมานะครับ (ความเห็นส่วนตัว)
โดยข้อมูลที่ได้รับมา อาจจะถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ขออภัยล่วงหน้า เพราะสื่อสารกับเพื่อนชาวเวียดนามด้วยภาษาอังกฤษที่สุดห่วย ฮ่าๆ
แต่ก็ยังรอดพ้น 5 วันที่อยู่ในกรุงฮานอยมาได้ เรามาเริ่มกันดีกว่า ..
วันแรก...
เดินทางออกจากบ้านตี 4 กว่าๆ ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ประมาณตี 05.15 น.
เครื่องขึ้น 06.45 น. ถึงสนามบิน นอย ไบ ณ กรุงฮานอย 08.35 น.
รอแท๊กซี่จากที่โรงแรมมารับ อยู่ประมาณ 20 นาที จะมาไหมเนี่ยะ ><"
ในที่สุดก็มาแล้ว โดยถือป้ายกระดาษ A4 ระบุชื่อ ทักทาย เซย์ ฮัลโหล แล้วพาไปที่รถเพื่อเดินทางไปโรงแรม
ที่พักที่จองไว้คือ โรงแรม Charming Hotel เป็นโรงแรมเล็กๆ ตึกแถวห้องเดี่ยวสูง 6 ชั้น อยู่ในซอยตลาดสด
โดยการจองนั้น ผมจองผ่านหน้าเว็ป http://www.hanoicharminghotel.com/Charming1.html อยู่ย่าน Old Quarter
จองไว้ 4 คืน ห้อง Deluxe สนนที่ราคาคืนละ 23 USD
โปรโมชั่นของที่นี่หากจอง 3 คืนขึ้นไป มีบริการรับส่งจากสนามบินมาโรงแรมฟรี ...แต่
ขากลับจากต้องการแท๊กซี่จากโรงแรมไปส่งสนามบิน ต้องจ่ายเพิ่ม 15 USD ซึ่งก็ถูกและปลอดภัยกว่า ไปเรียกแท๊กซี่เอง
ขับพ้นออกจากสนามบิน นอย ไบ มาไม่นาน ก็จะเจอกับโปรเจคการก่อสร้างสนามบิน นอย ไบ 2 ใหญ่โตมากๆ
ข้ามสะพาน ผ่านทะเล ถ่ายไปเรื่อย ...
ภาพถ่ายหน้าโรงแรม ตาลุงนั่นเหมือนจะรู้ว่ากำลังถ่ายรูปป้ายหน้าโรงแรม พรีเซนต์ซะ ว่าแต่ลุงเป็นใครฟะ >"<
สภาพด้านในโรงแรม
เวลคัม ดริ๊งค์ครับป๋ม ^^
สภาพห้องครับ อาจจะงงว่าทำไมไปคนเดียวแล้วจอง 2 เตียง มันเป็นเคล็ดความเชื่อครับ 555
ซึ่งสมัยทำงานท่องเที่ยวในไทย และต้องนอนคนเดียว จะจอง 2 เตียงตลอด
เตียงนึงเอาไว้นอน ส่วนอีกเตียงจะไว้เสื้อผ้า กระเป๋า คือวางของให้เต็มเตียง ไม่จองเตียงเดี่ยว
มันใหญ่ไป กลัวมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์มานอนด้วย อิอิ เถียงกับทางโรงแรมตั้งนาน เค้าอยากให้นอนเตียงเดี่ยว
แต่ยังยืนยันจะเอา 2 เตียงให้ได้ ก็ได้ตามนั้น ฮ่าๆ ...
ภายในห้องก็จะมีคอมพิวเตอร์ PC ให้เล่น บริการ WI-FI ฟรี สำหรับคนที่จะเล่นผ่านมือถือ โดยขอรหัสจากทางพนักงานด้านล่าง
หลังจากที่จัดของเรียบร้อยเสร็จแล้ว ถึงเวลานัดหมาย เพื่อนชาวเวียดนามพร้อมพาไปแว๊นซ์ชมกรุงฮานอย
แว๊นซ์ซ้อนท้ายออกมา ได้เห็นสภาพการจราจร และการขับขี่ของคนเวียดนามแล้ว
ต้องบอกว่าสุดทีนจริงๆ ปาดซ้าย ปาดขวา คิดจะเลี้ยวก็เลี้ยว กดแตรเสียงดังเป็นเรื่องปกติ ปวดหูที่สุด
แต่ก็พอจะรู้มาบ้าง เพราะอ่านรีวิวก่อนเดินทางมาที่นี่ เลยปรับตัวได้ง่ายหน่อย
และสถานที่แรกทีไปจะเป็นศูนย์ปฏิบัติการของทหาร ที่มีฐานทัพใต้ดิน ซึ่งมีอุปกรณ์การสื่อสาร ห้องประชุม รวมถึงพิพิธภัณฑ์
ให้กับนักท่องเที่ยวได้ชมกัน ขออภัยจำชื่อสถานที่ไม่ได้ครับ เสียค่าเข้าชม คิดเป็นเงินไทยคนละ 20 บาท
เนื่องด้วยวิสัยทัศน์เริ่มจะไม่ดี ฟ้าครึ้มมาแต่ไกล เลยต้องรีบไปสถานที่อื่นๆ
แวะมาทะเลสาป Hoan Kiem Lake ฮว่าน เกี๋ยม เดินได้แปบเดียว ฝนก็กระหน่ำลงมา ต้องหาที่หลบฝนกัน T-T
หลบฝนอยู่นาน ก็เริ่มหิว เพื่อนชาวเวียดนามเลยพามากินหวานเย็น แบบนั่งโต๊ะเล็กๆ
มีทั้งใส่แก้ว และใส่ชาม ผลไม้หลายชนิด จะใส่น้ำเชื่อม หรือน้ำกระทิ ผมสั่งหวานเย็นใส่ทุกอย่าง
เพื่อนสั่งนมสดใส่ถั่วแดง และนั่งแทะเมล็ดทานตะวัน รวมทุกอย่างคิดเป็นเงินไทย 45 บาท อร่อยดี...
คุยกันได้สักพัก เพื่อนขอไปเรียนต่อ เพราะมีเรียนตอนเย็น เลยไปส่งที่โรงแรม และนัดหมายกันพรุ่งนี้เช้าอีกครั้ง
ด้วยความที่เดินทางมาแต่เช้า นอนน้อย ขึ้นมาอาบน้ำ ตอนนั้นเป็นเวลา 6 โมงเย็น อาบน้ำเสร็จ นั่งเล่นคอม
แล้วก็ง่วงจัด เผลอหลับไป ......
ท่ามกลางความมืด เงียบ สงัด ... ลืมตาขึ้นมา เฮ้ย !! ทีวีเปิดไว้นี่หว่า ไฟก็ไว้ทุกดวง ทำไมมันดับหมด มืดชิบ... !!
ลืมไหว้พระ สวดมนต์ ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง แล้วหลับไปหรอฟะเนี่ยะ หรือว่าจะเป็น ไม่นะ เกิดอะไรขึ้น
ลุกขึ้นมาเอามือตบๆๆ จะหามือถือ หาไม่เจอ มืดไปหมด คว้านาฬิกาได้
โชคดีเป็นนาฬิกาที่มีปุ่มกดไฟ ไฟแสงน้อยๆทำให้เห็นมือถือ ใช้ไฟฉายจากมือถือ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝรั่งตรงข้ามห้องพูดเสียงดัง
เลยรีบแต่งตัว เอาของมีค่าติดตัวไว้ ล็อคกุญแจให้เรียบร้อย ลงบันไดลงมา ปรากฏว่า ไฟดับทั้งซอยฮะ เหอะๆ
มาวันแรกก็ประเดิมเลย ไม่อยากจะคิดอะไรให้จิตตก ไหนก็ตื่นแล้ว หิวด้วย ออกไปหาไรกินข้างนอกดีกว่า รอให้ไฟมา แล้วค่อยกลับ
จากโรงแรมเดินมาปากซอย 200 เมตร เป็นซอยที่ทะลุไปอีกถนนได้ ซอยเล็กๆเข้าได้แต่มอเตอร์ไซต์
และแล้วก็มาเจอร้านนี้ อยู่ปากซอยโรงแรมของเราเอง บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ใส่กระเพาะปลา เห็ดหอม ตับ กุ้ง และก็ผัก
น้ำซุปร้อนๆ อร่อยมาก ที่สำคัญให้เยอะ อิ่มไปอีก 1 มื้อ ราคาเบาๆ ชามละ 30 บาทเท่านั้น !!
หลังจากกลับจากโรงแรมมาแล้ว กำลังนั่งเล่นคอมอยู่ ยังนอนไม่หลับ เพราะกลัวไฟดับอีก ><" ทันใดนั้น ....
ก๊อก ก๊อก ก๊อก .... อะไรอีกล่ะเนี่ยะ คราวที่แล้วก็ไฟดับไปทีนึงแล้ว นี่มาเล่นเคาะประตูกันหน้าห้องเลยหรอ
ก๊อก ก๊อก มาอีก 2 ก๊อก เอาวะ เปิดก็เปิด เท่านั้นแหล่ะ .... น้ำตาซึมเลยอ่ะ
Happy Birthday to you , Happy Birthday to you , Happy Brithday Happy Birthday ... Happy Birthday to........ you
ผู้จัดการโรงแรม สตาฟโรงแรม มาร้องเพลงแฮปปี้ เบริด์เดย์ให้เนื่องจากในวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดผมครับ
น้ำตาซึม พูดอะไรไม่ออก ยิ้มแก้มปริ หุบไม่ลง ได้แต่ Thank you very much Thank you very much โค้งคำนับ เป็นคนญี่ปุ่น
ไม่รู้จะขอบคุณยังไง ไม่นึกว่าจะมาเซอไพรส์ให้เค้กแบบนี้ อยู่เมืองไทยเกิดมาหลายสิบปี ได้เค้กไป 2 ก้อน นี่เป็นก้อนที่ 3 ในชีวิต
ดีใจจนไม่รู้จะยังไง ทำอะไรไม่ถูก นั่งมองเค้ก มาขอบคุณเพื่อนใน FB ที่มาอวยพร ตัดเค้กไปชิ้นนึง แล้วก็เอาลงไปแบ่งให้กับ
พนักงานโรงแรมได้กินกันทุกคน สร้างความประทับใจมากๆ สำหรับวันเกิด และวันแรกในฮานอย
- สรุปวันแรก
- การจราจรที่ฮานอย สุดทีนที่สุดในโลก ปาดซ้าย ปาดขวา ฝ่าไฟแดง กดแตรลากยาว ถนนนี้ตูจองว่างั้นเหอะ
- การข้ามถนนไปยังอีกฝากฝั่งนั้น เปรียบเหมือนท่านกำลังเข้าสู่โหมดท้าทายถึงชีวิต เพราะในขณะที่ท่านกำลังข้ามถนนนั้น รถมอเตอไซต์นับร้อยคันจะพุ่งเข้าหาคุณ แถมกดแตรสั้น ยาวเพื่อเตือนว่า หลบไปให้พ้น และถ้าข้ามได้แล้ว เท่ากับว่าท่านสอบผ่านการท้าความตายได้สำเร็จ อิอิ
- คนเวียดนามนิยมขี่มอเตอร์ไซต์มากกว่ารถเก๋ง และฮิตใส่หมวกกันน๊อคครึ่งใบ แต่พี่ไทยใส่แทบจะปิดทั้งหัว
- หาคนอ้วนยากมาก ถ้าจะอ้วนก็ผู้หญิงท้องเท่านั้นจริงๆ
- ทุกเมนูอาหารของคนเวียดนาม มีผักเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น ชอบกินเส้นก๋วยเตี๋ยว มากกว่ากินข้าว และไม่นิยมกินน้ำพร้อมกับน้ำแข็ง
- สถานที่จอดรถมอไซต์ เสียตังค์ทุกที่ 5 บาท 10 บาท แล้วแต่ที่ ได้ยินมาว่าที่ดินแพงกว่าในกรุงเทพฯ เสียอีก
- ปิดท้ายด้วยคนกันบ้าง ผู้ชายเวียดนามวัยรุ่นถ้าหน้าตาดี แบบหล่อเลยมักจะเตี้ยๆ ล่ำๆ แต่ขาว ส่วนผู้หญิงวัยรุ่น จะไว้ผมยาว ใส่แว่นกันเยอะ หน้าใส ที่สำคัญ "อึ๋ม" มากๆ 555 จะเห็นหนุ่มสาวนั่งจู๋จี๋ริมทะเลสาปมาเป็นคู่ๆ ทั้งกอด จูบ แลดูเป็นปกติ โปรดอย่าถามว่าทำไมมีไม่รูป แค่ถ่ายคนตกปลา เค้าจะวิ่งเอาเบ็ดมาตี โกยแนบอย่างไว ไม่มีเรื่องก็บุญโขแล้ว ไปถ่ายคนกำลังจีบกัน มีหวังไม่ได้กลับเมืองไทย ฮ่าาา
จบวันแรกแล้วนะครับ ขอตัวไปนอนก่อน อีก 4 วันที่เหลือจะมารีวิวใหม่ครับผม