การเปรียบเทียบการสร้าง Passive Income
Posted by กวิน สุวรรณตระกูล on วันอังคาร, 24 กันยายน 2013 in กวิน สุวรรณตระกูล-Money channel
มีคำถามว่า ถ้าจะลงทุนเพื่อเอาปันผลมาเป็น Passive Income ประมาณ 50,000 บาทต่อเดือนหรือ 600,000 บาทต่อปี ลองมานั่งคำนวนแล้วว่าถ้าผลตอบแทน 3% จะต้องใช้เงินประมาณ 20 ล้าน (3% ของ 20 ล้าน เท่ากับ 6 แสนบาท) คำถามคือ
1. จะหายังไงให้ได้ 20 ล้าน ท้อแท้!
2. หา 20 ล้านมาลงทุนทีเดียวกับค่อยๆสะสมอะไรจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า?
คำตอบในการสร้าง Passive Income ไม่ได้มีอยู่ว่าเงินต้นคุณมีเท่าไหร่หรอกครับ เชื่อผมไหม? มันอาจจะใช้เงินมากกว่าหรือน้อยกว่า 20 ล้านบาทก็ได้
ในกรณีที่เราทุ่มเงินลงทุนในทันที 20 ล้าน คุณอาจจะได้ passive income ทันทีในจำนวนเงินที่คุณต้องการ แต่ก็ต้องรับมือกับความผันผวนในผลตอบแทนในการลงทุนระยะสั้น ซึ่งถ้าเศรษฐกิจมันเกิดไม่ดี คุณอาจจะเจอผลตอบแทนลดลงเทียบกับเงินต้นของคุณเลยเช่นลดลง 1% ก็จะเหลือแค่ 2 แสนต่อปี (16,666 บาท) ถ้าผลตอบแทนการลงทุนเงินปันผลเพิ่มขึ้นก็โชคดีไปเราก็จะได้รับมากกว่า 3%
ผมจะบอกนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการสร้าง Passive Income เสมอว่าถ้าคุณมีเงิน 1 ล้านเท่ากัน ลงทุนในหุ้นตัวเดียวที่มีพื้นฐานดีและมีการเติบโตทางธุรกิจที่จะให้ผลตอบแทนเงินปันผลได้ "แต่" คุณเริ่มลงทุนคนละเวลากัน ย่อมสร้างผลตอบแทนใน Passive Income ที่ต่างกัน
ตัวอย่าง
นาย ก. มีเงิน 1 ล้านบาท ลงทุนในหุ้น A ตอน 1 บาท จะได้หุ้น A จำนวน 1 ล้านหุ้น
นาย ข. มีเงิน 2 หมื่นบาท ลงทุนในหุ้น A พร้อมนาย ก. ที่ 1 บาท จะได้หุ้น A จำนวน 2 หมื่นหุ้น
เวลาผ่านไป 10 ปี หุ้นโตสุดๆ นาย ค. สนใจลงทุนในหุ้น A บ้าง
นาย ค. มีเงิน 1 ล้านบาท ลงทุนในหุ้น A ตอน 100 บาท จะได้หุ้น A จำนวน 10,000 หุ้น
สมมุต วันนี้หุ้นราคา 150 บาท มีการปันผลประมาณ 3% ของราคาหุ้น เงินปันผลต่อหุ้นคือ 4.5 บาท (150 x 3%)
นาย ก. จะมีเงินปันผล 4.5 ล้านบาท (1 ล้านหุ้น x 4.5 บาท)
นาย ข. จะมีเงินปันผล 9 หมื่นบาท (2 หมื่นหุ้น x 4.5 บาท)
นาย ค. จะมีเงินปันผล 4.5 หมื่นบาท (1 หมื่นหุ้น x 4.5 บาท)
จะเห็นได้ว่า...
1. เงินต้นเท่ากันลงทุนคนละเวลากัน คนที่เริ่มสร้างก่อนย่อมจะได้ Passive Income มากกว่าคนมาที่หลังในระยะยาวบนหุ้นที่มีการเติบโตที่ดี
2. เงินต้นไม่เท่ากัน ก็ไม่ใช่ว่าคนที่มีเงินต้นน้อยกว่าจะได้ Passive Income ที่น้อยกว่าเสมอไป ตราบที่เขาเริ่มลงทุนก่อน เป้าหมายก็มีโอกาสที่จะสำเร็จก่อน
3. หากความผันผวนเรื่องผลตอบแทนเกิดขึ้น คนที่มีผลตอบแทนมากกว่าย่อมมีผลกระทบในการมีเงินดำรงชีวิตที่น้อยกว่า พูดง่ายๆคือยังมีเงินมากกว่าด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าจากจำนวนเงินลงทุนที่เท่ากัน
Passive Income จากหุ้นต้องใช้เวลาสร้างครับ ค่อยๆสร้างก็ได้ แต่ไม่ใช่การซื้อขายๆไปเรื่อยๆ เพราะการที่หุ้นขึ้น ต้นทุนในการซื้อย่อมเพิ่มตาม คุณอาจจะได้ Gap ทำกำไรได้ แต่การสร้าง Passive Income อาจจะไม่เกิด
การมีเงิน 20 ล้านเท่ากันแต่คนหนึ่งปันผล 6 แสน อีกคนไม่มีปันผลเลยเพราะซื้อๆขายๆ มีกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง อันนี้ต้องเลือกแล้วครับว่า การลงทุนของเรามีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ถ้าเป้าหมายคือมีเครื่องพิมพ์เงินใช้ตอนแก่ให้ออกมาเลี้ยงเรา ก็ต้องลงทุนสร้าง Passive Income ตั้งแต่วันนี้
เคล็ดลับ
- ตั้งเป้าหมาย
- เลือกหุ้นดี มีการเติบโตและ มีปันผล
- ใช้วิธีการลงทุนที่ถูกต้อง
- ลงทุนระยะยาว
- ไม่ต้องสนใจราคาขึ้นๆลงๆ
พร้อมสร้างกันยังครับ?
https://www.facebook.com/home.php#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376
การเปรียบเทียบการสร้าง Passive Income
Posted by กวิน สุวรรณตระกูล on วันอังคาร, 24 กันยายน 2013 in กวิน สุวรรณตระกูล-Money channel
มีคำถามว่า ถ้าจะลงทุนเพื่อเอาปันผลมาเป็น Passive Income ประมาณ 50,000 บาทต่อเดือนหรือ 600,000 บาทต่อปี ลองมานั่งคำนวนแล้วว่าถ้าผลตอบแทน 3% จะต้องใช้เงินประมาณ 20 ล้าน (3% ของ 20 ล้าน เท่ากับ 6 แสนบาท) คำถามคือ
1. จะหายังไงให้ได้ 20 ล้าน ท้อแท้!
2. หา 20 ล้านมาลงทุนทีเดียวกับค่อยๆสะสมอะไรจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า?
คำตอบในการสร้าง Passive Income ไม่ได้มีอยู่ว่าเงินต้นคุณมีเท่าไหร่หรอกครับ เชื่อผมไหม? มันอาจจะใช้เงินมากกว่าหรือน้อยกว่า 20 ล้านบาทก็ได้
ในกรณีที่เราทุ่มเงินลงทุนในทันที 20 ล้าน คุณอาจจะได้ passive income ทันทีในจำนวนเงินที่คุณต้องการ แต่ก็ต้องรับมือกับความผันผวนในผลตอบแทนในการลงทุนระยะสั้น ซึ่งถ้าเศรษฐกิจมันเกิดไม่ดี คุณอาจจะเจอผลตอบแทนลดลงเทียบกับเงินต้นของคุณเลยเช่นลดลง 1% ก็จะเหลือแค่ 2 แสนต่อปี (16,666 บาท) ถ้าผลตอบแทนการลงทุนเงินปันผลเพิ่มขึ้นก็โชคดีไปเราก็จะได้รับมากกว่า 3%
ผมจะบอกนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการสร้าง Passive Income เสมอว่าถ้าคุณมีเงิน 1 ล้านเท่ากัน ลงทุนในหุ้นตัวเดียวที่มีพื้นฐานดีและมีการเติบโตทางธุรกิจที่จะให้ผลตอบแทนเงินปันผลได้ "แต่" คุณเริ่มลงทุนคนละเวลากัน ย่อมสร้างผลตอบแทนใน Passive Income ที่ต่างกัน
ตัวอย่าง
นาย ก. มีเงิน 1 ล้านบาท ลงทุนในหุ้น A ตอน 1 บาท จะได้หุ้น A จำนวน 1 ล้านหุ้น
นาย ข. มีเงิน 2 หมื่นบาท ลงทุนในหุ้น A พร้อมนาย ก. ที่ 1 บาท จะได้หุ้น A จำนวน 2 หมื่นหุ้น
เวลาผ่านไป 10 ปี หุ้นโตสุดๆ นาย ค. สนใจลงทุนในหุ้น A บ้าง
นาย ค. มีเงิน 1 ล้านบาท ลงทุนในหุ้น A ตอน 100 บาท จะได้หุ้น A จำนวน 10,000 หุ้น
สมมุต วันนี้หุ้นราคา 150 บาท มีการปันผลประมาณ 3% ของราคาหุ้น เงินปันผลต่อหุ้นคือ 4.5 บาท (150 x 3%)
นาย ก. จะมีเงินปันผล 4.5 ล้านบาท (1 ล้านหุ้น x 4.5 บาท)
นาย ข. จะมีเงินปันผล 9 หมื่นบาท (2 หมื่นหุ้น x 4.5 บาท)
นาย ค. จะมีเงินปันผล 4.5 หมื่นบาท (1 หมื่นหุ้น x 4.5 บาท)
จะเห็นได้ว่า...
1. เงินต้นเท่ากันลงทุนคนละเวลากัน คนที่เริ่มสร้างก่อนย่อมจะได้ Passive Income มากกว่าคนมาที่หลังในระยะยาวบนหุ้นที่มีการเติบโตที่ดี
2. เงินต้นไม่เท่ากัน ก็ไม่ใช่ว่าคนที่มีเงินต้นน้อยกว่าจะได้ Passive Income ที่น้อยกว่าเสมอไป ตราบที่เขาเริ่มลงทุนก่อน เป้าหมายก็มีโอกาสที่จะสำเร็จก่อน
3. หากความผันผวนเรื่องผลตอบแทนเกิดขึ้น คนที่มีผลตอบแทนมากกว่าย่อมมีผลกระทบในการมีเงินดำรงชีวิตที่น้อยกว่า พูดง่ายๆคือยังมีเงินมากกว่าด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าจากจำนวนเงินลงทุนที่เท่ากัน
Passive Income จากหุ้นต้องใช้เวลาสร้างครับ ค่อยๆสร้างก็ได้ แต่ไม่ใช่การซื้อขายๆไปเรื่อยๆ เพราะการที่หุ้นขึ้น ต้นทุนในการซื้อย่อมเพิ่มตาม คุณอาจจะได้ Gap ทำกำไรได้ แต่การสร้าง Passive Income อาจจะไม่เกิด
การมีเงิน 20 ล้านเท่ากันแต่คนหนึ่งปันผล 6 แสน อีกคนไม่มีปันผลเลยเพราะซื้อๆขายๆ มีกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง อันนี้ต้องเลือกแล้วครับว่า การลงทุนของเรามีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ถ้าเป้าหมายคือมีเครื่องพิมพ์เงินใช้ตอนแก่ให้ออกมาเลี้ยงเรา ก็ต้องลงทุนสร้าง Passive Income ตั้งแต่วันนี้
เคล็ดลับ
- ตั้งเป้าหมาย
- เลือกหุ้นดี มีการเติบโตและ มีปันผล
- ใช้วิธีการลงทุนที่ถูกต้อง
- ลงทุนระยะยาว
- ไม่ต้องสนใจราคาขึ้นๆลงๆ
พร้อมสร้างกันยังครับ?
https://www.facebook.com/home.php#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376