...ผมชื่อแจ็คครับ ผมมาจากราชบุรี แต่ตอนนี้ผมอยู่เมืองกาญ ผมมาเรียนที่ สารพัดช่างเมืองกาญ ที่ผมต้องมาเรียนที่นี้ ก็เพราะว่า แม่ผมท่านมีเพื่อนอยู่ที่นี่ จึงเป็นที่สะดวกที่จะฝากฝังผมไว้ได้ ผมมาอยู่ได้เกือบเดือนแล้ว การมาอยู่ไกลบ้านสิ่งหนึ่งที่ผมต้องคอยคิดอยู่เสมอคือ การประหยัด การรู้จักใช้จ่าย แม่ให้เงินผม มากินมาใช้ที่นี่ อาทิตย์ละ 350 บาท ในหนึ่งอาทิตย์ผมต้องเหลือเติมน้ำมันกลับบ้านให้ได้ และวันนี้เป็นวันศุกร์ ตอนนี้ผมกำลังจะพักเที่ยงแล้วหลังจากเรียนวิชา ไฟฟ้ากำลังเบื้องต้น.. “เฮ้ยแจ็ค แจ็คโว้ย.. “นั้นไอ้ปื๊ดนี่” ไอปื๊ดเรียกผมจากชั้นล่าง..
“เฮ้ยมาได้ไงวะ.. ผมถามด้วยสงสัย.. “ข้านั่งสองแถวมา”ป่ะไปเที่ยวห้างกัน”.. “เฮ้ยข้ามีเรียนบ่าย..” ผมบ่ายเบี่ยง” เฮ้ย.ข้าก็มี..ข้ายังโดดเลย..ป่ะไปเที่ยวกัน สาวเพียบเลยนะเอ็ง แถมมีเกมส์ตู้ด้วย..ปะ ปะ.. ไอปื๊ด รบเร้าผม ..ผมในตอนนั้นใจก็อยากจะเที่ยวเล่นอยู่แล้ว เรียนๆก็เบื่อร้อนก็ร้อนอยากไปนั่งที่เย็นๆ..จึงหลงไปในคำชวนของเจ้าปื๊ดไม่ยาก... เออไปก็ได้..แล้วบ่ายข้าต้องมาเรียนนะ..ผมบอกกับมัน..
...ห้างคาสเซิลมอลล์ในสมัยนั้น ยิ่งใหญ่มาก มีเวทีแสดงมีดารา มีตลกมาเล่น ผู้คนมากมาย แต่งตัวสวยงาม พนักงานขายน่ารักๆเยอะไปหมด ผมอยู่ในนั้นเหมือนต้องมนต์สะกด มันเหมือนสวรรค์เลย.. เสียงเพลงจากร้านค้า เสียงดนตรีจากเวที อากาศเย็นสบาย ...แล้วที่ที่เราทั้งสองมุ่งไปนั้นก็คือ “เกมส์เซนเตอร์”... เราสองคนต่างไม่รอช้าควักตังเหรียญห้ามาหยอดตู้ที่ตัวเองอยากจะเล่น.. ยิ่งเล่นก็ยิ่งมันเหรียญแล้วเหรียญเล่าที่เราหยอดใส่ลงไปอย่างคน
หลงลืมคุณค่าของเงินตรา..หลงลืมแม้กระทั่งเวลาที่ผ่านมารวม 3 ชั่วโมงแล้ว.เวลานี้ผมควรที่จะต้องอยู่ในชั้นเรียน เพื่อเรียนวิชาการพันมอเตอร์พัดลม..แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนอะไรแล้วนอกจากตู้เกมส์.. ผมควักแบงค์ 20 สุดท้ายเพื่อจะแลกเป็นเหรียญ..
..ผมหยิบแบงค์20ขึ้นมา..พร้อมเดินไปที่โต๊ะแลกเหรียญ ระหว่างที่ผมเดินไปนั้นเองผมมองไปที่แบงค์ที่ผมถืออยู่ในมือ และผมก็เห็นบางสิ่งนั้นที่ทำให้ผมต้องหยุดนิ่งในทันที “
ค่าเรียนแจ็ค” ข้อความสั้นๆเขียนด้วยรอยดินสอ..
ลายมือแม่ผมจำได้.. แม่ผมมักจะเขียนธนบัตรด้วยดินสอ เพื่อแบ่งเงินเป็นส่วนๆ เสมอ ..เพื่อเพิ่มความเป็นระเบียบและวินัยในการใช้เงิน..
..“แจ็คเอ้ย..ไปใช้ชีวิตนอกบ้านน่ะ..อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือยรู้ไหมลูก..เก็บเงินไว้บ้างในยามฉุกเฉินเราจะต้องใช้มัน”..คำพูดแม่ที่เคยสอนผมไว้เมื่อครั้งยังอยู่บ้าน” "เฮ้ยปื๊ด ข้าไปห้องน้ำก่อนนะ" "เออๆไปเหอะข้ากำลังมัน".. ผมเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าเติมสติให้กลับมาอีกหน่อย หยดน้ำที่เกาะบนใบหน้าของผม ค่อยๆไหลหยดย้อย จากหน้าผากไหลมาสู่คาง.. มันดูคล้าย
เม็ดเหงื่อ ที่ผมเคยเห็น.. ภาพความทรงจำเก่าๆผมพุดขึ้นมา .. "แม่ครับ ทำไมแม่ต้องมาเก็บฟืนด้วยครับ" ผมถามด้วยสงสัย "เก็บเอาไปใส่เตากาแฟไงจ๊ะลูก" "ทำไมแม่ไม่ซื้อถ่านซื้อแก็สมาใช้ล่ะ จะได้ไม่ต้องมาเก็บ
ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ร้อนด้วยแม่" ผมบอกกับแม่ พร้อมพยุงรถ "สาลี่เข็นไม้".. "โอ้ย ไม่ต้องซื้อก็ได้ลูก เราหาเก็บเอาข้างทางมีเยอะแยะไป ฟรีด้วย แค่ออกแรง
แค่เสียเหงื่อ แค่นี้เราก็ไม่ต้องใช้เงินแล้ว.. "งั้นถ้าเรามีเงินเยอะๆ เราก็ไม่ต้องเหนื่อยใช่ไหมแม่" ..แม่ผม
ปาดเหงื่อที่อยู่เต็มใบหน้าพร้อมบอกกับผมว่า" ใช่จ่ะลูก ถ้าแม่มีเงินเยอะๆ
ลูกก็จะไม่ต้องมาเหนื่อยกับแม่ด้วยไงจ๊ะ"...
..."ผมยืนอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ "หยดน้ำบนใบหน้าผมมันแห้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงหยดน้ำตา ที่มันไหลออกมาแทน... "แม่ผมขอโทษ" ...
ผมเดินออกจากห้องน้ำมานั่งที่เก้าอี้ ตรงข้ามร้านขายของเล่น ร้านขายเครื่องเกมส์ ผมเห็นเด็ก คนแล้วคนเล่าที่ผ่านร้านของเล่นแล้ว หยุดดึงแขนแม่ตัวเอง บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็ดิ้นลงกับพื้น บางคนแม่ก็ไม่ให้โดนตีกันไป บางคนก็สมใจเพราะแม่ดูมีเงิน เด็กพวกนี้ช่างไม่รู้อะไรเลย ว่าเงินแต่ละบาทที่แม่หามาได้มันช่างแสนลำบาก ผมควักแบงค์ 20 ใบเดิมขึ้นมาคลี่ดูอีกครั้ง ทำให้ผมย้อนนึกถึงบทสนทนาครั้งหนึ่ง"... "แม่ครับ แม่พับถุงกระดาษได้เงินกี่บาทครับ" "ใบละ สลึงจ่ะลูก "ใบละสลึง มันกี่บาทครับแม่" ผมถามด้วยสงสัย " 1สลึงไม่ถึงบาทจ่ะลูก ต้อง4สลึง ถ้าแม่พับถุง ได้4ใบ แม่ก็จะได้1บาท เข้าใจยังจ๊ะ".. "โหแม่ ได้น้อยจังครับ แม่ต้องพับกี่ใบ ถึงจะได้แบงค์20 1ใบครับเนี้ย"..
... "ก็ 80 ใบไงลูก แต่เราต้องให้เขาฟรีๆอีก 20ใบนะ เขาเรียกว่า 100 ละ 20 บาท ไงลูก" "โหแม่ตั้ง 100 ใบได้แค่ 20 บาท ผมทากาวมือหงิกแน่เลย .. ไม่หงิกหรอกลูกเอ้ย.. แต่หน้าแจ็คเนี้ยหงิกก่อนแล้ว ฮ่าๆๆ" แม่พูดพร้อมเอามือขยี้หัวผมอย่างเอ็นดู...
...ในตอนนั้นผมได้เห็นเด็กน้อยคนหนึ่ง ยืนเอามือเกาะตู้กระจกร้านเกมส์ มันช่างเหมือนภาพผมในวัยเด็ก ครั้งที่เคยโดน เจ้าของร้านเกมส์ดุ และพูดดูถูก ไว้เมื่อครั้งก่อน.."แม่ ทำอย่างไงเราถึงรวย" ผมเคยถามคำนี้กับแม่ "ก็ทำงานซิจ๊ะทำงานเก็บเงินเดี๋ยวเราก็รวยเอง..
... ผมในตอนนี้ ความรู้สึกเหมือนคนทำผิด ผิดที่หลงลืมไปบางสิ่ง หลงลืมเป้าหมายในชีวิต ติดอยู่กับความสนุก เรามาทำอะไรที่นี่ เรามาเรียนไม่ใช่หรอ ผมเงยหน้าในตาแดงก่ำ .. "
เงินของเรา คือ เหงื่อของแม่" ผมบอกกับตัวเอง...
... ผมปาดน้ำตาเป็นครั้งสุดท้าย ผมพับแบงค์ 20 ใส่กระเป๋า ผมลุกออกจากเก้าอี้ ผมเดินไปหาไอ้ปื๊ด "เฮ้ยข้าจะกลับบ้านแล้ว" "เออเอ็งไปเลยข้ากลับเอง กำลังมัน" ไอปื๊ดบอกกับผม ผมเดินออกจากเกมส์เซนเตอร์ เดินผ่านซุ้มขายของมากมาย เดินผ่าน
สีสัน เดินผ่านเสียงเพลงจากเวที เดินผ่าน
ความศิวิไล ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็น
เหมือนกิเลศที่คอยฉุดดึงผมไว้ ผมต้องเดินผ่านมันไปให้ได้..ข้างหน้าคือประตูหน้าห้าง.. ผมเดินเร็วขึ้นเพื่ออยากจะหลุดพ้นจากที่นี่.. ผมพ้นประตูมาแล้ว.. เสียงแสงสีที่ผ่านมานั้น มันถูกขังอยู่หลังประตูใบใหญ่นั้น..
..ผมเป็น อิสระ แล้ว..
...ผมเดินไปที่ "ไอ้แก่" รถคู่ใจผม ผมตบที่เบาะแล้ว พูดว่า "ป่ะไอ้แก่
เรากลับบ้านไปหาแม่กันดีกว่า".......
... ผลงานที่ผ่านมา..
เส้นทางชีวิตหมายเลข..1..
http://ppantip.com/topic/30999716
ชีวิตที่ต้อง "เลือก"
http://ppantip.com/topic/30994748
เสียงเบรค "ปริศนา"
http://ppantip.com/topic/30977491
เพื่อน.. รอ...เรา ..ด้วย.
http://ppantip.com/topic/30969627
คุณเคยถูก "คนดูถูก" ไหม..มันเจ็บลึก จนเกิด"พลัง"
http://ppantip.com/topic/30964168
+++ ท่านใดอ่านแล้วขออภัย โพสอีกครั้งเพื่อ ปรับ "แท็ก"..
+++ "เหงื่อของแม่"+++
“เฮ้ยมาได้ไงวะ.. ผมถามด้วยสงสัย.. “ข้านั่งสองแถวมา”ป่ะไปเที่ยวห้างกัน”.. “เฮ้ยข้ามีเรียนบ่าย..” ผมบ่ายเบี่ยง” เฮ้ย.ข้าก็มี..ข้ายังโดดเลย..ป่ะไปเที่ยวกัน สาวเพียบเลยนะเอ็ง แถมมีเกมส์ตู้ด้วย..ปะ ปะ.. ไอปื๊ด รบเร้าผม ..ผมในตอนนั้นใจก็อยากจะเที่ยวเล่นอยู่แล้ว เรียนๆก็เบื่อร้อนก็ร้อนอยากไปนั่งที่เย็นๆ..จึงหลงไปในคำชวนของเจ้าปื๊ดไม่ยาก... เออไปก็ได้..แล้วบ่ายข้าต้องมาเรียนนะ..ผมบอกกับมัน..
...ห้างคาสเซิลมอลล์ในสมัยนั้น ยิ่งใหญ่มาก มีเวทีแสดงมีดารา มีตลกมาเล่น ผู้คนมากมาย แต่งตัวสวยงาม พนักงานขายน่ารักๆเยอะไปหมด ผมอยู่ในนั้นเหมือนต้องมนต์สะกด มันเหมือนสวรรค์เลย.. เสียงเพลงจากร้านค้า เสียงดนตรีจากเวที อากาศเย็นสบาย ...แล้วที่ที่เราทั้งสองมุ่งไปนั้นก็คือ “เกมส์เซนเตอร์”... เราสองคนต่างไม่รอช้าควักตังเหรียญห้ามาหยอดตู้ที่ตัวเองอยากจะเล่น.. ยิ่งเล่นก็ยิ่งมันเหรียญแล้วเหรียญเล่าที่เราหยอดใส่ลงไปอย่างคนหลงลืมคุณค่าของเงินตรา..หลงลืมแม้กระทั่งเวลาที่ผ่านมารวม 3 ชั่วโมงแล้ว.เวลานี้ผมควรที่จะต้องอยู่ในชั้นเรียน เพื่อเรียนวิชาการพันมอเตอร์พัดลม..แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนอะไรแล้วนอกจากตู้เกมส์.. ผมควักแบงค์ 20 สุดท้ายเพื่อจะแลกเป็นเหรียญ..
..ผมหยิบแบงค์20ขึ้นมา..พร้อมเดินไปที่โต๊ะแลกเหรียญ ระหว่างที่ผมเดินไปนั้นเองผมมองไปที่แบงค์ที่ผมถืออยู่ในมือ และผมก็เห็นบางสิ่งนั้นที่ทำให้ผมต้องหยุดนิ่งในทันที “ค่าเรียนแจ็ค” ข้อความสั้นๆเขียนด้วยรอยดินสอ.. ลายมือแม่ผมจำได้.. แม่ผมมักจะเขียนธนบัตรด้วยดินสอ เพื่อแบ่งเงินเป็นส่วนๆ เสมอ ..เพื่อเพิ่มความเป็นระเบียบและวินัยในการใช้เงิน..
..“แจ็คเอ้ย..ไปใช้ชีวิตนอกบ้านน่ะ..อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือยรู้ไหมลูก..เก็บเงินไว้บ้างในยามฉุกเฉินเราจะต้องใช้มัน”..คำพูดแม่ที่เคยสอนผมไว้เมื่อครั้งยังอยู่บ้าน” "เฮ้ยปื๊ด ข้าไปห้องน้ำก่อนนะ" "เออๆไปเหอะข้ากำลังมัน".. ผมเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าเติมสติให้กลับมาอีกหน่อย หยดน้ำที่เกาะบนใบหน้าของผม ค่อยๆไหลหยดย้อย จากหน้าผากไหลมาสู่คาง.. มันดูคล้าย เม็ดเหงื่อ ที่ผมเคยเห็น.. ภาพความทรงจำเก่าๆผมพุดขึ้นมา .. "แม่ครับ ทำไมแม่ต้องมาเก็บฟืนด้วยครับ" ผมถามด้วยสงสัย "เก็บเอาไปใส่เตากาแฟไงจ๊ะลูก" "ทำไมแม่ไม่ซื้อถ่านซื้อแก็สมาใช้ล่ะ จะได้ไม่ต้องมาเก็บ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ร้อนด้วยแม่" ผมบอกกับแม่ พร้อมพยุงรถ "สาลี่เข็นไม้".. "โอ้ย ไม่ต้องซื้อก็ได้ลูก เราหาเก็บเอาข้างทางมีเยอะแยะไป ฟรีด้วย แค่ออกแรง แค่เสียเหงื่อ แค่นี้เราก็ไม่ต้องใช้เงินแล้ว.. "งั้นถ้าเรามีเงินเยอะๆ เราก็ไม่ต้องเหนื่อยใช่ไหมแม่" ..แม่ผม ปาดเหงื่อที่อยู่เต็มใบหน้าพร้อมบอกกับผมว่า" ใช่จ่ะลูก ถ้าแม่มีเงินเยอะๆ ลูกก็จะไม่ต้องมาเหนื่อยกับแม่ด้วยไงจ๊ะ"...
..."ผมยืนอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ "หยดน้ำบนใบหน้าผมมันแห้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงหยดน้ำตา ที่มันไหลออกมาแทน... "แม่ผมขอโทษ" ...
ผมเดินออกจากห้องน้ำมานั่งที่เก้าอี้ ตรงข้ามร้านขายของเล่น ร้านขายเครื่องเกมส์ ผมเห็นเด็ก คนแล้วคนเล่าที่ผ่านร้านของเล่นแล้ว หยุดดึงแขนแม่ตัวเอง บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็ดิ้นลงกับพื้น บางคนแม่ก็ไม่ให้โดนตีกันไป บางคนก็สมใจเพราะแม่ดูมีเงิน เด็กพวกนี้ช่างไม่รู้อะไรเลย ว่าเงินแต่ละบาทที่แม่หามาได้มันช่างแสนลำบาก ผมควักแบงค์ 20 ใบเดิมขึ้นมาคลี่ดูอีกครั้ง ทำให้ผมย้อนนึกถึงบทสนทนาครั้งหนึ่ง"... "แม่ครับ แม่พับถุงกระดาษได้เงินกี่บาทครับ" "ใบละ สลึงจ่ะลูก "ใบละสลึง มันกี่บาทครับแม่" ผมถามด้วยสงสัย " 1สลึงไม่ถึงบาทจ่ะลูก ต้อง4สลึง ถ้าแม่พับถุง ได้4ใบ แม่ก็จะได้1บาท เข้าใจยังจ๊ะ".. "โหแม่ ได้น้อยจังครับ แม่ต้องพับกี่ใบ ถึงจะได้แบงค์20 1ใบครับเนี้ย"..
... "ก็ 80 ใบไงลูก แต่เราต้องให้เขาฟรีๆอีก 20ใบนะ เขาเรียกว่า 100 ละ 20 บาท ไงลูก" "โหแม่ตั้ง 100 ใบได้แค่ 20 บาท ผมทากาวมือหงิกแน่เลย .. ไม่หงิกหรอกลูกเอ้ย.. แต่หน้าแจ็คเนี้ยหงิกก่อนแล้ว ฮ่าๆๆ" แม่พูดพร้อมเอามือขยี้หัวผมอย่างเอ็นดู...
...ในตอนนั้นผมได้เห็นเด็กน้อยคนหนึ่ง ยืนเอามือเกาะตู้กระจกร้านเกมส์ มันช่างเหมือนภาพผมในวัยเด็ก ครั้งที่เคยโดน เจ้าของร้านเกมส์ดุ และพูดดูถูก ไว้เมื่อครั้งก่อน.."แม่ ทำอย่างไงเราถึงรวย" ผมเคยถามคำนี้กับแม่ "ก็ทำงานซิจ๊ะทำงานเก็บเงินเดี๋ยวเราก็รวยเอง..
... ผมในตอนนี้ ความรู้สึกเหมือนคนทำผิด ผิดที่หลงลืมไปบางสิ่ง หลงลืมเป้าหมายในชีวิต ติดอยู่กับความสนุก เรามาทำอะไรที่นี่ เรามาเรียนไม่ใช่หรอ ผมเงยหน้าในตาแดงก่ำ .. "เงินของเรา คือ เหงื่อของแม่" ผมบอกกับตัวเอง...
... ผมปาดน้ำตาเป็นครั้งสุดท้าย ผมพับแบงค์ 20 ใส่กระเป๋า ผมลุกออกจากเก้าอี้ ผมเดินไปหาไอ้ปื๊ด "เฮ้ยข้าจะกลับบ้านแล้ว" "เออเอ็งไปเลยข้ากลับเอง กำลังมัน" ไอปื๊ดบอกกับผม ผมเดินออกจากเกมส์เซนเตอร์ เดินผ่านซุ้มขายของมากมาย เดินผ่าน สีสัน เดินผ่านเสียงเพลงจากเวที เดินผ่านความศิวิไล ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเหมือนกิเลศที่คอยฉุดดึงผมไว้ ผมต้องเดินผ่านมันไปให้ได้..ข้างหน้าคือประตูหน้าห้าง.. ผมเดินเร็วขึ้นเพื่ออยากจะหลุดพ้นจากที่นี่.. ผมพ้นประตูมาแล้ว.. เสียงแสงสีที่ผ่านมานั้น มันถูกขังอยู่หลังประตูใบใหญ่นั้น..
..ผมเป็น อิสระ แล้ว..
...ผมเดินไปที่ "ไอ้แก่" รถคู่ใจผม ผมตบที่เบาะแล้ว พูดว่า "ป่ะไอ้แก่ เรากลับบ้านไปหาแม่กันดีกว่า".......
... ผลงานที่ผ่านมา..
เส้นทางชีวิตหมายเลข..1.. http://ppantip.com/topic/30999716
ชีวิตที่ต้อง "เลือก" http://ppantip.com/topic/30994748
เสียงเบรค "ปริศนา" http://ppantip.com/topic/30977491
เพื่อน.. รอ...เรา ..ด้วย. http://ppantip.com/topic/30969627
คุณเคยถูก "คนดูถูก" ไหม..มันเจ็บลึก จนเกิด"พลัง" http://ppantip.com/topic/30964168
+++ ท่านใดอ่านแล้วขออภัย โพสอีกครั้งเพื่อ ปรับ "แท็ก"..