ไม่แน่ใจว่าแต่ก่อนที่เป็นเกรด G P นั้น อาจารย์ท่านตัดด้วยคะแนนเท่าไหร่ แต่เดาว่าน่าจะประมาณ B+, A คือ G และ C+, B คือ P
ที่ผ่านมาคณะบริหารธุรกิจมักจะมีคนที่สอบได้เกียรตินิยมเหรียญทองปีละ 2-3 คน และเกียรตินิยมอันดับ๑ 10 กว่าคน และอันดับ๒ น่าจะมากกว่า 20 คน
แต่รายชื่อนักศึกษาที่ขอจบภายในปี 2555 ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาที่ยังใช้เกรดระบบ G,P ของรหัส 520,530,540 แต่จะมีเกรดของปี 2555 ที่ใช้ระบบ ABCD
ปรากฏว่ามีนักศึกษาได้เหรียญทองเพียงแค่ 1 คน และเกียรตินิยมอันดับ๑ แค่ 4 และอันดับ๒ ไม่ถึง 10 คน
ทำให้เกิดความสงสัยว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ??
คาดว่าปีต่อๆไป (ตั้งแต่รหัส 550 ขึ้นไป) จำนวนคนที่ได้เกียรตินิยม ก็จะลดลงอีก
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ การตัดเกรดที่ละเอียดมากขึ้น ทำให้คนที่จะได้เกีรยตินิยม โดยเฉพาะนักศึกษารหัส 550 เป็นต้นไป มีโอกาสน้อยมาก เพราะต้องสอบให้ได้ A เกือบทุกวิชา (แต่ในอดีต เกรด G คือเกรด B+ และ A)
อย่างไรก็ตาม การตัดเกรดระบบใหม่ กลับเป็นผลดีกับนักศึกษาที่อยู่รั้งท้าย ที่สอบไม่ผ่านบางวิชาจนเรียนไม่จบสักที ดองมาหลายเทอม หลายปี ก็ยังไม่จบสักที เพราะการตัดเกรดระบบใหม่ ได้แค่ D ก็ถือว่าผ่าน เกรดเฉลี่ยรวม 2.00 ขึ้นไปสามารถแจ้งจบได้เลย
ถ้าเทียบกับอดีตแล้ว นักศึกษาต้องได้ขั้นต่ำ C+ (ซึ่งก็คือเกรด P) ถึงจะผ่าน แต่การตัดเกรดระบบใหม่ นักศึกษาได้แค่เกรด D ก็ถือว่าผ่านแล้ว แต่เกรดเฉลี่ยรวมต้อง 2.00 ขึ้นไปถึงจะขอจบได้
การตัดเกรดระบบใหม่ มีข้อดีกับนักศึกษาที่ไม่สามารถสอบผ่านบางวิชาได้ แต่ทำให้นักศึกษาที่เรียนได้เกรดสูงๆเสียเปรียบนักศึกษาระบบเก่า เพราะเกรดเฉลี่ยน้อยลง ดูจากสถิตินักศึกษารหัส 540 ที่มีโอกาสได้เรียนสมัยที่ตัดเกรดแบบ G,P และได้เรียนยุคที่ตัดเกรดแบบ ABCD ดูจากสถิติเกรดนักศึกษาแล้ว จะเห็นว่า คนที่เคยได้ G เกือบหมดทุกตัวใน 1 ภาคการศึกษา แต่พอตัดเกรดแบบ ABCD นักศึกษาคนเดียวกันนี้ ก็จะได้ A บางตัว และได้ B+ บางตัว สลับกัน
ในอดีต G คือ 4.00 แต่ปัจจุบันนี้ A คือ 4.00 ส่วน B+ คือ 3.50
สถิตินักศึกษาที่ขอจบภาค 1/2555, 2/2555 และ S/2555 มีคนได้เกีรยตินิยมน้อยลงมาก
และคิดว่า สถิตินักศึกษาที่ขอจบภาค 1/2556-S/2556 ก็จะน้อยลงไปอีก
และจะน้อยลงไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2558 ถึงจะอยู่ในระดับคงที่ และปี 2559 ก็จะมีจำนวนเท่าๆกับ 2558 เพราะนักศึกษาที่จะได้เกีรยตินิยมต้องจบภายใน 4 ปี และนักศึกษาที่จบ 2558 ภายใน 4 ปี คือนักศึกษารหัส 550 เป็นต้นไป
การตัดเกรดระบบใหม่ของ ม.รามคำแหง และเกียรตินิยม
ที่ผ่านมาคณะบริหารธุรกิจมักจะมีคนที่สอบได้เกียรตินิยมเหรียญทองปีละ 2-3 คน และเกียรตินิยมอันดับ๑ 10 กว่าคน และอันดับ๒ น่าจะมากกว่า 20 คน
แต่รายชื่อนักศึกษาที่ขอจบภายในปี 2555 ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาที่ยังใช้เกรดระบบ G,P ของรหัส 520,530,540 แต่จะมีเกรดของปี 2555 ที่ใช้ระบบ ABCD
ปรากฏว่ามีนักศึกษาได้เหรียญทองเพียงแค่ 1 คน และเกียรตินิยมอันดับ๑ แค่ 4 และอันดับ๒ ไม่ถึง 10 คน
ทำให้เกิดความสงสัยว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ??
คาดว่าปีต่อๆไป (ตั้งแต่รหัส 550 ขึ้นไป) จำนวนคนที่ได้เกียรตินิยม ก็จะลดลงอีก
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ การตัดเกรดที่ละเอียดมากขึ้น ทำให้คนที่จะได้เกีรยตินิยม โดยเฉพาะนักศึกษารหัส 550 เป็นต้นไป มีโอกาสน้อยมาก เพราะต้องสอบให้ได้ A เกือบทุกวิชา (แต่ในอดีต เกรด G คือเกรด B+ และ A)
อย่างไรก็ตาม การตัดเกรดระบบใหม่ กลับเป็นผลดีกับนักศึกษาที่อยู่รั้งท้าย ที่สอบไม่ผ่านบางวิชาจนเรียนไม่จบสักที ดองมาหลายเทอม หลายปี ก็ยังไม่จบสักที เพราะการตัดเกรดระบบใหม่ ได้แค่ D ก็ถือว่าผ่าน เกรดเฉลี่ยรวม 2.00 ขึ้นไปสามารถแจ้งจบได้เลย
ถ้าเทียบกับอดีตแล้ว นักศึกษาต้องได้ขั้นต่ำ C+ (ซึ่งก็คือเกรด P) ถึงจะผ่าน แต่การตัดเกรดระบบใหม่ นักศึกษาได้แค่เกรด D ก็ถือว่าผ่านแล้ว แต่เกรดเฉลี่ยรวมต้อง 2.00 ขึ้นไปถึงจะขอจบได้
การตัดเกรดระบบใหม่ มีข้อดีกับนักศึกษาที่ไม่สามารถสอบผ่านบางวิชาได้ แต่ทำให้นักศึกษาที่เรียนได้เกรดสูงๆเสียเปรียบนักศึกษาระบบเก่า เพราะเกรดเฉลี่ยน้อยลง ดูจากสถิตินักศึกษารหัส 540 ที่มีโอกาสได้เรียนสมัยที่ตัดเกรดแบบ G,P และได้เรียนยุคที่ตัดเกรดแบบ ABCD ดูจากสถิติเกรดนักศึกษาแล้ว จะเห็นว่า คนที่เคยได้ G เกือบหมดทุกตัวใน 1 ภาคการศึกษา แต่พอตัดเกรดแบบ ABCD นักศึกษาคนเดียวกันนี้ ก็จะได้ A บางตัว และได้ B+ บางตัว สลับกัน
ในอดีต G คือ 4.00 แต่ปัจจุบันนี้ A คือ 4.00 ส่วน B+ คือ 3.50
สถิตินักศึกษาที่ขอจบภาค 1/2555, 2/2555 และ S/2555 มีคนได้เกีรยตินิยมน้อยลงมาก
และคิดว่า สถิตินักศึกษาที่ขอจบภาค 1/2556-S/2556 ก็จะน้อยลงไปอีก
และจะน้อยลงไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2558 ถึงจะอยู่ในระดับคงที่ และปี 2559 ก็จะมีจำนวนเท่าๆกับ 2558 เพราะนักศึกษาที่จะได้เกีรยตินิยมต้องจบภายใน 4 ปี และนักศึกษาที่จบ 2558 ภายใน 4 ปี คือนักศึกษารหัส 550 เป็นต้นไป