ขอเล่าถึงที่มาของทริปนี้ก่อนครับ ทางรายการแบไต๋ไฮเทคเคยเชิญผมไปในฐานะบล็อกเกอร์เพื่อออกรายการในช่วง "เคลียร์ 3G กับพี่มาร์ช" โดยทางรายการให้บล็อกเกอร์ถามคำถามเกี่ยวกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในไทยโดยตรงกับพี่มาร์ชหรือ พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ หนึ่งในกรรมการ กสทช. ตอนนั้นพี่มาร์ชเล่าให้ฟังถึงการทำงานของ กสทช. ในการตรวจสอบคุณภาพของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือว่าทาง กสทช. มีรถที่ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบที่คอยวิ่งไปตามเส้นทางต่างๆ เพื่อสุ่มตรวจ ผมเลยเสนอพี่มาร์ชไปในรายการว่าทาง กสทช. น่าจะจัด Blogger Trip โดยการพาบล็อกเกอร์ไปดูการทำงานจริงของ กสทช. เลย บล็อกเกอร์จะได้นำข้อมูลมาอธิบายให้ผู้บริโภคที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตได้ทราบอีกที พี่มาร์ชก็รับปากอย่างแข็งขันว่าจะจัดแน่นอน เพราะผู้ให้บริการจะได้ตื่นตัวในการปรับปรุงพัฒนาบริการด้วย ก็เลยเป็นที่มาของทริปนี้ครับ

ทริปนี้เริ่มที่สำนักงาน กสทช. ซอยสายลม โดยมีรถทดสอบสัญญาณของจริงจอดให้เราได้ชมกัน ท้ายรถมีอุปกรณ์และ Smartphone ที่ใส่ซิมของทั้ง 5 ค่าย ได้แก่ AIS, dtac, truemove H, TOT 3G, my by CAT โดยรถคันนี้จะวิ่งตามหลังรถบัสที่บล็อกเกอร์ 40 ชีวิตนั่งอยู่ มีการถ่ายทอดรายงานข้อมูลจากรถทดสอบมาที่รถบัสผ่านทาง Wi-fi

จะเห็นว่า Smartphone ที่ใช้เป็นของ Samsung หมดเลย ตรงนี้มีเกร็ดเล็กน้อยครับ ทางเจ้าหน้าที่ กสทช. บอกว่าการรับสัญญาณของ iPhone อ่อนกว่า Samsung นิดนึง ถ้าใช้ iPhone ในการทดสอบคุณภาพเชิงเปรียบเทียบระหว่างผู้ให้บริการแต่ละราย ก็จะต้อง Calibrate ค่าให้เท่ากับ Samsung ก่อน แต่บางครั้งก็จะไม่ Calibrate ถ้าเป็นการทดสอบว่าผู้ใช้ iPhone จริงๆ ใช้งานเป็นยังไง
สำหรับการทดสอบแบ่งออกเป็น 3 อย่าง
1. ความแรงของสัญญาณ
2. ความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลมาที่ Device
3. Drop Call หรือปริมาณที่สายหลุด
ในการทดสอบจะมีการโทรศัพท์ไปยังเบอร์ Fixed Line เพื่อตัดปัญหาข้อโต้แย้งว่าที่โทรไม่ติดหรือสายหลุดอาจเป็นเพราะสัญญาณของฝั่งผู้รับก็ได้
เมื่อถึงเวลาแล้ว ก็ถ่ายรูปหมู่บล็อกเกอร์ทั้งหมดแล้วขึ้นรถกันครับ

สำหรับเส้นทางการทดสอบของวันนี้ ไม่มีการประกาศล่วงหน้าไว้ก่อน เพราะใช้วิธีให้บล็อกเกอร์โหวตเลือกเส้นทางกันบนรถ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแผนกลางทางตามสถานการณ์ด้วย เพราะบางเส้นทางรถติดมาก เนื่องจากเป็นวัน Car Free Day และมีการเดินประท้วงเขื่อนแม่วงก์
เมื่อขึ้นรถแล้ว เจ้าหน้าที่ กสทช. ก็หยิบกล่องตามรูปนี้มาให้ดู กล่องนี้มีชื่อว่ากล่องออโต้ เป็นกล่องที่ กสทช. ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อใช้ทดสอบสัญญาณ เนื่องจากรถทดสอบมีเพียง 2 คันซึ่งไม่เพียงพอ กล่องนี้มี Smartphone 5 เครื่องใส่ซิมของทั้ง 5 ค่าย เสียบปลั๊กชาร์จแบตเอาไว้ แล้วคอยส่งข้อมูลการทดสอบกลับไปที่ กสทช. ถามว่าผู้ให้บริการรู้มั้ยว่ามีกล่องนี้วางอยู่ตรงไหน คำตอบก็คือรู้ เพราะการทดสอบมี Pattern ที่คาดเดาได้ คือการโทรแล้ววาง โทรแล้ววาง ไปเรื่อยๆ ซึ่งผู้ให้บริการสามารถเช็คได้ว่าเบอร์โทรนี้เป็นใคร ถามว่าถ้าผู้ให้บริการแอบเซ็ตสถานะให้เบอร์นี้เป็น VIP มีสัญญาณแรงชัดกว่าปกติล่ะ การเปลี่ยนเบอร์เปลี่ยนซิมก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดี ทาง กสทช. ก็จะขู่ไว้ว่าถ้าเซ็ตเป็น VIP ก็แปลว่าต้องไม่มี Error เด็ดขาดเลยนะ ถ้ามีขึ้นมาก็จะเล่นงานหนัก

เมื่อรถเริ่มออกจากสำนักงาน กสทช. ทีวีจอยักษ์บนรถก็จะแสดงแผนที่ 5 กรอบ ตามผู้ให้บริการทั้ง 5 ราย บนแผนที่มีจุดสีเขียวตามเส้นทาง ซึ่งหมายถึงสัญญาณแรงชัดดี ถ้ารถวิ่งเร็ว จุดก็จะห่างหน่อย แต่ถ้ารถติด จุดก็จะย่ำอยู่กับที่ บางพื้นที่จุดเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หมายถึงสัญญาณปานกลาง และบางทีเป็นจุดสีส้ม หมายถึงสัญญาณอ่อน

เส้นทางที่บล็อกเกอร์โหวตกันคือวิ่งไปถึงสยาม แต่เนื่องจากรถติดมากตั้งแต่ยังไม่ถึงอนุสาวรีย์ เลยเปลี่ยนแผนเป็นเลี้ยวซ้ายไปออกวิภาวดี มุ่งหน้าไปดอนเมือง แล้วไปทางรามอินทรา และเมื่อรถวิ่งผ่านราบ 11 ก็ได้เจอของดีเข้า นั่นคือไอคอนสีแดงขึ้นบนแผนที่ของ dtac ซึ่งหมายความว่าบริเวณนี้โทรแล้วสายหลุด เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น กสทช. จะทำหนังสือสอบถามไปที่ผู้ให้บริการเพื่อให้ชี้แจงและทำการแก้ไข ถ้าเจออีกเป็นครั้งที่สองก็จะออกหนังสือเตือน และถ้าเจอครั้งที่สามก็จะพิจารณาลงโทษ แต่ทั้งนี้ทางผู้ให้บริการก็อาจจะมีเหตุผลด้านภูมิศาสตร์อยู่ เช่น บริเวณนั้นเคยสัญญาณแรงดี แต่พอมีตึกสูงขึ้นมาทำให้ไปบังสัญญาณ เป็นต้น

บางครั้งเจ้าหน้าที่ กสทช. ก็จะเปิดหน้าจอข้อมูลการทดสอบจากรถทดสอบอีกคันที่กำลังวิ่งอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ จะเห็นได้ว่าของ AIS เขียวเยอะเลย ของ truemove H กับ my by CAT มีรูปแบบเดียวกันเพราะใช้เสาเดียวกันอยู่ และมีบางจุดที่ขึ้นไอคอนสีดำด้วย ซึ่งหมายถึงโทรออกแล้วแต่ไม่มีสัญญาณตู๊ดเลย ส่วนของ TOT ก็ตามรูปที่เห็นตรงกรอบซ้ายล่าง แทบไม่มีสัญญาณเลย

กลับมาที่กรุงเทพ หลังจากที่วิ่งไปทางรามอินทรา ขึ้นทางด่วนมาลงพระราม 4 วิ่งไปสยาม แล้วขึ้นทางด่วนไปสนามบินสุวรรณภูมิ ออกมาบางนา และจบทริปที่เมกาบางนา จะเห็นว่าระหว่างทางไปสนามบิน ข้อมูลบนแผนที่ของ dtac ขาดหายไป เป็นเพราะมีปัญหาที่ซิม ต้องปิดโทรศัพท์แล้วเปิดใหม่

ทีนี้ลองมาดูข้อมูลในกรอบขวาล่างบ้างครับ เป็นข้อมูลตัวเลขเปรียบเทียบของทั้ง 5 ค่าย ซึ่งสรุปได้ดังนี้
-
Data Call IP Accessibility ทุกค่ายได้ 100% หมด แปลว่าตลอดเส้นทางสามารถใช้ Data ได้ทุกค่าย
-
Data Call IP Drop Session ของ truemove H อยู่ที่ 7.407% ขณะที่ค่ายอื่น 0% แปลว่าใช้ truemove H โหลดข้อมูล 100 ครั้ง หลุดประมาณ 7 ครั้ง
-
Data Throughput (> 384kbps) ข้อมูลนี้หมายถึงความเร็วเป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำของ กสทช. ที่ 384 kbps หรือเปล่า ซึ่งจากจำนวนการทดสอบทั้งหมด (Number of sample) ก็ถือว่าทุกค่ายผ่านหมด
-
Average Data Throughput (kbps) ซึ่งเป็นข้อมูลที่หลายคนสนใจ จะพบว่าเล่นเน็ตบน AIS ได้ความเร็วสูงสุด เฉลี่ยของทริปนี้คือ 2,493 kbps รองลงมาคือ TOT 3G อยู่ที่ 2,065 kbps แย่สุดคือ truemove H อยู่ที่ 1,457 kbps

ทั้งนี้ต้องย้ำว่า
ข้อมูลนี้ไม่ใช่การฟันธงว่า AIS เล่นเน็ตดีสุด หรือ truemove H เล่นเน็ตแย่สุดนะครับ เพราะข้อมูลนี้เป็นเพียงแค่ Sample หนึ่งเท่านั้น เป็นการทดสอบที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2556 เวลา 10.20 น. ถึงเที่ยงกว่าๆ ตามเส้นทางที่เล่าไป ถ้าทดสอบในวันอื่นหรือเส้นทางอื่น ผลการทดสอบก็อาจไม่ได้เป็นแบบนี้ หรือถ้าอนาคตเกิดลูกค้า truemove H ลดลง ลูกค้า AIS เพิ่มขึ้น ผลการทดสอบก็อาจเปลี่ยนไปเช่นกัน
หลังจากที่สิ้นสุดการทดสอบแล้ว บล็อกเกอร์ก็ไปทานอาหารร่วมกับผู้บริหาร 3 ค่ายใหญ่คือ AIS, dtac, truemove H ทางผู้บริหารทั้ง 3 ค่ายยืนยันว่ากำลังเร่งขยายเครือข่ายให้ดีที่สุด มีการลงทุนปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่อุปสรรคใหญ่ที่สุดในการขยายเครือข่ายคือการขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ หลายคนอยากให้สัญญาณที่บ้านตัวเองชัด แต่ก็กลัวถ้าจะมีเสามาตั้งที่บ้าน บางครั้งเจ้าของบ้านอนุญาตให้ตั้งเสา แต่เพื่อนบ้านไม่อยากให้ตั้งก็มี ซึ่งต้องใช้เวลาในการสื่อสารกับเจ้าของพื้นที่พอสมควร
จบทริปนี้ พี่มาร์ชยืนยันว่าจะจัดทริปแบบนี้ในรุ่นต่อๆ ไปอีก และจะจัดไปต่างจังหวัดด้วย เพราะคนต่างจังหวัดก็จ่ายค่ามือถือเท่าคนกรุงเทพ บล็อกเกอร์จะได้ช่วยกันตรวจสอบทั้งผู้ให้บริการและ กสทช. เพื่อผลประโยชน์ของผู้บริโภคด้วยกันเองครับ
ใครสนใจข้อมูลการทดสอบอย่างละเอียด สามารถโหลดได้ที่
https://www.dropbox.com/sh/ibyimyzldlfu4gt/QJWhtF50hL/2013-09-22_NBTC_VOICE_FTPDL.pdf ครับ
ตามไปดูการทำงานของ กสทช. ในการตรวจสอบคุณภาพของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกับทริป 3G Drive Test
ทริปนี้เริ่มที่สำนักงาน กสทช. ซอยสายลม โดยมีรถทดสอบสัญญาณของจริงจอดให้เราได้ชมกัน ท้ายรถมีอุปกรณ์และ Smartphone ที่ใส่ซิมของทั้ง 5 ค่าย ได้แก่ AIS, dtac, truemove H, TOT 3G, my by CAT โดยรถคันนี้จะวิ่งตามหลังรถบัสที่บล็อกเกอร์ 40 ชีวิตนั่งอยู่ มีการถ่ายทอดรายงานข้อมูลจากรถทดสอบมาที่รถบัสผ่านทาง Wi-fi
จะเห็นว่า Smartphone ที่ใช้เป็นของ Samsung หมดเลย ตรงนี้มีเกร็ดเล็กน้อยครับ ทางเจ้าหน้าที่ กสทช. บอกว่าการรับสัญญาณของ iPhone อ่อนกว่า Samsung นิดนึง ถ้าใช้ iPhone ในการทดสอบคุณภาพเชิงเปรียบเทียบระหว่างผู้ให้บริการแต่ละราย ก็จะต้อง Calibrate ค่าให้เท่ากับ Samsung ก่อน แต่บางครั้งก็จะไม่ Calibrate ถ้าเป็นการทดสอบว่าผู้ใช้ iPhone จริงๆ ใช้งานเป็นยังไง
สำหรับการทดสอบแบ่งออกเป็น 3 อย่าง
1. ความแรงของสัญญาณ
2. ความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลมาที่ Device
3. Drop Call หรือปริมาณที่สายหลุด
ในการทดสอบจะมีการโทรศัพท์ไปยังเบอร์ Fixed Line เพื่อตัดปัญหาข้อโต้แย้งว่าที่โทรไม่ติดหรือสายหลุดอาจเป็นเพราะสัญญาณของฝั่งผู้รับก็ได้
เมื่อถึงเวลาแล้ว ก็ถ่ายรูปหมู่บล็อกเกอร์ทั้งหมดแล้วขึ้นรถกันครับ
สำหรับเส้นทางการทดสอบของวันนี้ ไม่มีการประกาศล่วงหน้าไว้ก่อน เพราะใช้วิธีให้บล็อกเกอร์โหวตเลือกเส้นทางกันบนรถ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแผนกลางทางตามสถานการณ์ด้วย เพราะบางเส้นทางรถติดมาก เนื่องจากเป็นวัน Car Free Day และมีการเดินประท้วงเขื่อนแม่วงก์
เมื่อขึ้นรถแล้ว เจ้าหน้าที่ กสทช. ก็หยิบกล่องตามรูปนี้มาให้ดู กล่องนี้มีชื่อว่ากล่องออโต้ เป็นกล่องที่ กสทช. ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อใช้ทดสอบสัญญาณ เนื่องจากรถทดสอบมีเพียง 2 คันซึ่งไม่เพียงพอ กล่องนี้มี Smartphone 5 เครื่องใส่ซิมของทั้ง 5 ค่าย เสียบปลั๊กชาร์จแบตเอาไว้ แล้วคอยส่งข้อมูลการทดสอบกลับไปที่ กสทช. ถามว่าผู้ให้บริการรู้มั้ยว่ามีกล่องนี้วางอยู่ตรงไหน คำตอบก็คือรู้ เพราะการทดสอบมี Pattern ที่คาดเดาได้ คือการโทรแล้ววาง โทรแล้ววาง ไปเรื่อยๆ ซึ่งผู้ให้บริการสามารถเช็คได้ว่าเบอร์โทรนี้เป็นใคร ถามว่าถ้าผู้ให้บริการแอบเซ็ตสถานะให้เบอร์นี้เป็น VIP มีสัญญาณแรงชัดกว่าปกติล่ะ การเปลี่ยนเบอร์เปลี่ยนซิมก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดี ทาง กสทช. ก็จะขู่ไว้ว่าถ้าเซ็ตเป็น VIP ก็แปลว่าต้องไม่มี Error เด็ดขาดเลยนะ ถ้ามีขึ้นมาก็จะเล่นงานหนัก
เมื่อรถเริ่มออกจากสำนักงาน กสทช. ทีวีจอยักษ์บนรถก็จะแสดงแผนที่ 5 กรอบ ตามผู้ให้บริการทั้ง 5 ราย บนแผนที่มีจุดสีเขียวตามเส้นทาง ซึ่งหมายถึงสัญญาณแรงชัดดี ถ้ารถวิ่งเร็ว จุดก็จะห่างหน่อย แต่ถ้ารถติด จุดก็จะย่ำอยู่กับที่ บางพื้นที่จุดเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หมายถึงสัญญาณปานกลาง และบางทีเป็นจุดสีส้ม หมายถึงสัญญาณอ่อน
เส้นทางที่บล็อกเกอร์โหวตกันคือวิ่งไปถึงสยาม แต่เนื่องจากรถติดมากตั้งแต่ยังไม่ถึงอนุสาวรีย์ เลยเปลี่ยนแผนเป็นเลี้ยวซ้ายไปออกวิภาวดี มุ่งหน้าไปดอนเมือง แล้วไปทางรามอินทรา และเมื่อรถวิ่งผ่านราบ 11 ก็ได้เจอของดีเข้า นั่นคือไอคอนสีแดงขึ้นบนแผนที่ของ dtac ซึ่งหมายความว่าบริเวณนี้โทรแล้วสายหลุด เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น กสทช. จะทำหนังสือสอบถามไปที่ผู้ให้บริการเพื่อให้ชี้แจงและทำการแก้ไข ถ้าเจออีกเป็นครั้งที่สองก็จะออกหนังสือเตือน และถ้าเจอครั้งที่สามก็จะพิจารณาลงโทษ แต่ทั้งนี้ทางผู้ให้บริการก็อาจจะมีเหตุผลด้านภูมิศาสตร์อยู่ เช่น บริเวณนั้นเคยสัญญาณแรงดี แต่พอมีตึกสูงขึ้นมาทำให้ไปบังสัญญาณ เป็นต้น
บางครั้งเจ้าหน้าที่ กสทช. ก็จะเปิดหน้าจอข้อมูลการทดสอบจากรถทดสอบอีกคันที่กำลังวิ่งอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ จะเห็นได้ว่าของ AIS เขียวเยอะเลย ของ truemove H กับ my by CAT มีรูปแบบเดียวกันเพราะใช้เสาเดียวกันอยู่ และมีบางจุดที่ขึ้นไอคอนสีดำด้วย ซึ่งหมายถึงโทรออกแล้วแต่ไม่มีสัญญาณตู๊ดเลย ส่วนของ TOT ก็ตามรูปที่เห็นตรงกรอบซ้ายล่าง แทบไม่มีสัญญาณเลย
กลับมาที่กรุงเทพ หลังจากที่วิ่งไปทางรามอินทรา ขึ้นทางด่วนมาลงพระราม 4 วิ่งไปสยาม แล้วขึ้นทางด่วนไปสนามบินสุวรรณภูมิ ออกมาบางนา และจบทริปที่เมกาบางนา จะเห็นว่าระหว่างทางไปสนามบิน ข้อมูลบนแผนที่ของ dtac ขาดหายไป เป็นเพราะมีปัญหาที่ซิม ต้องปิดโทรศัพท์แล้วเปิดใหม่
ทีนี้ลองมาดูข้อมูลในกรอบขวาล่างบ้างครับ เป็นข้อมูลตัวเลขเปรียบเทียบของทั้ง 5 ค่าย ซึ่งสรุปได้ดังนี้
- Data Call IP Accessibility ทุกค่ายได้ 100% หมด แปลว่าตลอดเส้นทางสามารถใช้ Data ได้ทุกค่าย
- Data Call IP Drop Session ของ truemove H อยู่ที่ 7.407% ขณะที่ค่ายอื่น 0% แปลว่าใช้ truemove H โหลดข้อมูล 100 ครั้ง หลุดประมาณ 7 ครั้ง
- Data Throughput (> 384kbps) ข้อมูลนี้หมายถึงความเร็วเป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำของ กสทช. ที่ 384 kbps หรือเปล่า ซึ่งจากจำนวนการทดสอบทั้งหมด (Number of sample) ก็ถือว่าทุกค่ายผ่านหมด
- Average Data Throughput (kbps) ซึ่งเป็นข้อมูลที่หลายคนสนใจ จะพบว่าเล่นเน็ตบน AIS ได้ความเร็วสูงสุด เฉลี่ยของทริปนี้คือ 2,493 kbps รองลงมาคือ TOT 3G อยู่ที่ 2,065 kbps แย่สุดคือ truemove H อยู่ที่ 1,457 kbps
ทั้งนี้ต้องย้ำว่าข้อมูลนี้ไม่ใช่การฟันธงว่า AIS เล่นเน็ตดีสุด หรือ truemove H เล่นเน็ตแย่สุดนะครับ เพราะข้อมูลนี้เป็นเพียงแค่ Sample หนึ่งเท่านั้น เป็นการทดสอบที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2556 เวลา 10.20 น. ถึงเที่ยงกว่าๆ ตามเส้นทางที่เล่าไป ถ้าทดสอบในวันอื่นหรือเส้นทางอื่น ผลการทดสอบก็อาจไม่ได้เป็นแบบนี้ หรือถ้าอนาคตเกิดลูกค้า truemove H ลดลง ลูกค้า AIS เพิ่มขึ้น ผลการทดสอบก็อาจเปลี่ยนไปเช่นกัน
หลังจากที่สิ้นสุดการทดสอบแล้ว บล็อกเกอร์ก็ไปทานอาหารร่วมกับผู้บริหาร 3 ค่ายใหญ่คือ AIS, dtac, truemove H ทางผู้บริหารทั้ง 3 ค่ายยืนยันว่ากำลังเร่งขยายเครือข่ายให้ดีที่สุด มีการลงทุนปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่อุปสรรคใหญ่ที่สุดในการขยายเครือข่ายคือการขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ หลายคนอยากให้สัญญาณที่บ้านตัวเองชัด แต่ก็กลัวถ้าจะมีเสามาตั้งที่บ้าน บางครั้งเจ้าของบ้านอนุญาตให้ตั้งเสา แต่เพื่อนบ้านไม่อยากให้ตั้งก็มี ซึ่งต้องใช้เวลาในการสื่อสารกับเจ้าของพื้นที่พอสมควร
จบทริปนี้ พี่มาร์ชยืนยันว่าจะจัดทริปแบบนี้ในรุ่นต่อๆ ไปอีก และจะจัดไปต่างจังหวัดด้วย เพราะคนต่างจังหวัดก็จ่ายค่ามือถือเท่าคนกรุงเทพ บล็อกเกอร์จะได้ช่วยกันตรวจสอบทั้งผู้ให้บริการและ กสทช. เพื่อผลประโยชน์ของผู้บริโภคด้วยกันเองครับ
ใครสนใจข้อมูลการทดสอบอย่างละเอียด สามารถโหลดได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/ibyimyzldlfu4gt/QJWhtF50hL/2013-09-22_NBTC_VOICE_FTPDL.pdf ครับ