พระผู้มีพระภาคตรัสเล่าอดีตชาติของพระองค์เมื่อครั้งเป็น
โชติปาลมาณพ
เป็นมิตรภาพระหว่างโชติปาลมาณพซึ่งมีชาติกำเนิดเป็นพราหมณ์และ
เพื่อนรักชื่อ
ฆฏิการะเป็นช่างหม้อซึ่งเป็นอุบาสกผู้เป็นอริยสาวกในพระศาสนาของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป
ฆฏิการะช่างหม้อชวนพระโพธิสัตว์ (โชติปาลมาณพ) ไปเข้าเฝ้า
พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ชวนถึง ๗ ครั้งพระโพธิสัตว์ก็ไม่ยอมไป โดยกล่าวว่า
"จะมีประโยชน์อะไรด้วยการเห็นพระสมณะศีรษะโล้นนั้น"
จนในที่สุดฆฏิการช่างหม้อซึ่งมีชาติกำเนิดต่ำ ถึงกับจับผมโชติปาลมาณพ
โชติปาลมาณพจึงได้เฉลียวใจว่า ...
ฆฏิการสูตร (บางส่วน)
ครั้งนั้น โชติปาลมาณพมีความคิดว่า
น่าอัศจรรย์หนอท่าน ไม่เคยมีมาหนอท่าน ที่ฆฏิการะช่างหม้อผู้มีชาติต่ำ
มาจับที่ผมของเราผู้อาบน้ำดำเกล้าแล้ว
การที่เราจะไปนี้ เห็นจะไม่เป็นการไปเล็กน้อยหนอ ดังนี้แล้ว
ได้กล่าวกะฆฏิการะช่างหม้อว่า
เพื่อนฆฏิการะ การที่เพื่อนทำความพยายามตั้งแต่ชักชวนด้วยวาจา
จับที่ชายพก จนล่วงเลยถึงจับที่ผมนั้น ก็เพื่อจะชวนให้กันไปในสำนักพระผู้มีพระภาค
ทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เท่านั้นเองหรือ?
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ บรรทัดที่ ๖๕๙๖ - ๖๘๒๔. หน้าที่ ๒๘๘ - ๒๙๗.
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=6596&Z=6824&bgc=aliceblue&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=403&bgc=aliceblue
จากการชักชวนของเพื่อน ทำให้โชติปาลมาณพได้มีโอกาสฟัง
พระธรรมเทศนาจากพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อได้ฟังจบก็ตัดสินใจออกบวชทันที
ส่วนฆฏิการะช่างหม้อ มีภาระต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ชราและตาบอด
จึงไม่สามารถออกบวชได้
วิบากของโชติปาลมาณพที่กล่าวคำดูหมิ่นต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในครั้งนี้ ในพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ พระองค์ต้องบำเพ็ญทุกรกิริยา
นานถึง ๖ ปี
ก็ในกาลนั้น เราได้เป็นพราหมณ์ชื่อโชติปาละ ได้กล่าว
กะพระกัสสปสุคตเจ้าว่า การตรัสรู้ของสมณะโล้นจักมีมาแต่ไหน
การตรัสรู้เป็นของได้ยากยิ่ง.
เพราะวิบากของกรรมนั้น เราจึงต้องทำทุกรกิริยามากมาย
อยู่ที่ตำบลอุรุเวลาถึง ๖ ปี จากนั้น จึงได้บรรลุพระโพธิญาณ.
เราไม่ได้บรรลุพระโพธิญาณอันสูงสุดโดยหนทางนั้น เรา
ถูกกรรมเก่าห้ามไว้ จึงได้แสวงหาโดยทางผิด.
เรามีบุญและบาปสิ้นไปหมดแล้ว เว้นจากความเร่าร้อนทั้ง
ปวง ไม่มีความโศก ไม่มีความคับแค้น ไม่มีอาสวะ จักปรินิพพาน
แล.
ว่าด้วยบุพจริยาของพระองค์เอง
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=32&A=7849&Z=7924
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=392
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=1&p=10#พรรณนาพุทธาปทาน
เมื่อพระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ก็ได้พบเพื่อนรักคนนี้อีก (ฆฏิการพรหม)
[๒๙๒]
พ. แน่ นายช่างหม้อ ท่านพูดอย่างใดก็ได้เป็นจริงแล้ว
อย่างนั้นในกาลนั้น ครั้งก่อนท่านเป็นช่างหม้อ ทำหม้ออยู่
ในเวภฬิงคชนบท เป็นผู้เลี้ยงดูมารดาบิดา เป็นอุบาสกของ
พระกัสสปพุทธเจ้า งดเว้นจากเมถุนธรรม ประพฤติพรหม-
จรรย์ ไม่มีอามิส ได้เป็นคนเคยร่วมบ้านกันกับเรา ทั้งได้เคย
เป็นสหายของเราในปางก่อน ฯ
พระสังคีติกาจารย์กล่าวว่า
สหายเก่าทั้งสอง ผู้มีตนอันอบรมแล้ว ทรงไว้ซึ่งสรีระมี
ในที่สุด ได้มาพบกันด้วยอาการอย่างนี้ ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๑๙๐๔ - ๑๙๔๖. หน้าที่ ๘๖ - ๘๘.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=1904&Z=1946&bgc=lavender&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=287&bgc=lavender
สหายเก่าทั้งสอง คือ พระผู้มีพระภาค กับท่านฆฏิการพรหม
เป็นสหายกันมาก่อน คือในสมัยพระศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มีตนอันอบรมแล้ว คือ อบรมในอธิสิกขาแล้ว คือทั้งสองเป็นพระอรหันต์
ทรงไว้ซึ่งสรีระมีในที่สุด คือ ทรงอยู่ในสรีระสุดท้ายแล้ว หมดตัณหาอันทำให้เกิดอีก
ได้มาพบกันด้วยอาการอย่างนี้ คือ ฆฏิการพรหมมาเข้าเฝ้า แล้วสนทนากันอย่างนี้
สหายเก่าทั้งสอง ผู้มีตนอันอบรมแล้ว ทรงไว้ซึ่งสรีระมีในที่สุด ได้มาพบกัน ...
พระผู้มีพระภาคตรัสเล่าอดีตชาติของพระองค์เมื่อครั้งเป็นโชติปาลมาณพ
เป็นมิตรภาพระหว่างโชติปาลมาณพซึ่งมีชาติกำเนิดเป็นพราหมณ์และ
เพื่อนรักชื่อฆฏิการะเป็นช่างหม้อซึ่งเป็นอุบาสกผู้เป็นอริยสาวกในพระศาสนาของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป
ฆฏิการะช่างหม้อชวนพระโพธิสัตว์ (โชติปาลมาณพ) ไปเข้าเฝ้า
พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ชวนถึง ๗ ครั้งพระโพธิสัตว์ก็ไม่ยอมไป โดยกล่าวว่า
"จะมีประโยชน์อะไรด้วยการเห็นพระสมณะศีรษะโล้นนั้น"
จนในที่สุดฆฏิการช่างหม้อซึ่งมีชาติกำเนิดต่ำ ถึงกับจับผมโชติปาลมาณพ
โชติปาลมาณพจึงได้เฉลียวใจว่า ...
ฆฏิการสูตร (บางส่วน)
ครั้งนั้น โชติปาลมาณพมีความคิดว่า
น่าอัศจรรย์หนอท่าน ไม่เคยมีมาหนอท่าน ที่ฆฏิการะช่างหม้อผู้มีชาติต่ำ
มาจับที่ผมของเราผู้อาบน้ำดำเกล้าแล้ว
การที่เราจะไปนี้ เห็นจะไม่เป็นการไปเล็กน้อยหนอ ดังนี้แล้ว
ได้กล่าวกะฆฏิการะช่างหม้อว่า
เพื่อนฆฏิการะ การที่เพื่อนทำความพยายามตั้งแต่ชักชวนด้วยวาจา
จับที่ชายพก จนล่วงเลยถึงจับที่ผมนั้น ก็เพื่อจะชวนให้กันไปในสำนักพระผู้มีพระภาค
ทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เท่านั้นเองหรือ?
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ บรรทัดที่ ๖๕๙๖ - ๖๘๒๔. หน้าที่ ๒๘๘ - ๒๙๗.
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=6596&Z=6824&bgc=aliceblue&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=403&bgc=aliceblue
จากการชักชวนของเพื่อน ทำให้โชติปาลมาณพได้มีโอกาสฟัง
พระธรรมเทศนาจากพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อได้ฟังจบก็ตัดสินใจออกบวชทันที
ส่วนฆฏิการะช่างหม้อ มีภาระต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ชราและตาบอด
จึงไม่สามารถออกบวชได้
วิบากของโชติปาลมาณพที่กล่าวคำดูหมิ่นต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในครั้งนี้ ในพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ พระองค์ต้องบำเพ็ญทุกรกิริยา
นานถึง ๖ ปี
ก็ในกาลนั้น เราได้เป็นพราหมณ์ชื่อโชติปาละ ได้กล่าว
กะพระกัสสปสุคตเจ้าว่า การตรัสรู้ของสมณะโล้นจักมีมาแต่ไหน
การตรัสรู้เป็นของได้ยากยิ่ง.
เพราะวิบากของกรรมนั้น เราจึงต้องทำทุกรกิริยามากมาย
อยู่ที่ตำบลอุรุเวลาถึง ๖ ปี จากนั้น จึงได้บรรลุพระโพธิญาณ.
เราไม่ได้บรรลุพระโพธิญาณอันสูงสุดโดยหนทางนั้น เรา
ถูกกรรมเก่าห้ามไว้ จึงได้แสวงหาโดยทางผิด.
เรามีบุญและบาปสิ้นไปหมดแล้ว เว้นจากความเร่าร้อนทั้ง
ปวง ไม่มีความโศก ไม่มีความคับแค้น ไม่มีอาสวะ จักปรินิพพาน
แล.
ว่าด้วยบุพจริยาของพระองค์เอง
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=32&A=7849&Z=7924
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=392
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=1&p=10#พรรณนาพุทธาปทาน
เมื่อพระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ก็ได้พบเพื่อนรักคนนี้อีก (ฆฏิการพรหม)
[๒๙๒] พ. แน่ นายช่างหม้อ ท่านพูดอย่างใดก็ได้เป็นจริงแล้ว
อย่างนั้นในกาลนั้น ครั้งก่อนท่านเป็นช่างหม้อ ทำหม้ออยู่
ในเวภฬิงคชนบท เป็นผู้เลี้ยงดูมารดาบิดา เป็นอุบาสกของ
พระกัสสปพุทธเจ้า งดเว้นจากเมถุนธรรม ประพฤติพรหม-
จรรย์ ไม่มีอามิส ได้เป็นคนเคยร่วมบ้านกันกับเรา ทั้งได้เคย
เป็นสหายของเราในปางก่อน ฯ
พระสังคีติกาจารย์กล่าวว่า
สหายเก่าทั้งสอง ผู้มีตนอันอบรมแล้ว ทรงไว้ซึ่งสรีระมี
ในที่สุด ได้มาพบกันด้วยอาการอย่างนี้ ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๑๙๐๔ - ๑๙๔๖. หน้าที่ ๘๖ - ๘๘.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=1904&Z=1946&bgc=lavender&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=287&bgc=lavender
สหายเก่าทั้งสอง คือ พระผู้มีพระภาค กับท่านฆฏิการพรหม
เป็นสหายกันมาก่อน คือในสมัยพระศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มีตนอันอบรมแล้ว คือ อบรมในอธิสิกขาแล้ว คือทั้งสองเป็นพระอรหันต์
ทรงไว้ซึ่งสรีระมีในที่สุด คือ ทรงอยู่ในสรีระสุดท้ายแล้ว หมดตัณหาอันทำให้เกิดอีก
ได้มาพบกันด้วยอาการอย่างนี้ คือ ฆฏิการพรหมมาเข้าเฝ้า แล้วสนทนากันอย่างนี้